มันยาวมาก ขอตัดตอน บางส่วนให้อ่านนะครับ เต็ม ๆ อ่านจาก Link ข้างล่าง
เพื่อทราบ
นายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เขียนจดหมายเปิดผนึกถึง กกต. และ ปปช. เรื่องการกู้เงิน 1.3 แสนล้านบาท
ปัญหาประการที่สองของการกู้เงินเพิ่มเติมอีก 130,000 ล้านบาท คือ ปัญหาเพดานการกู้เงินและการค้ำประกันเงินกู้ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณรายจ่าย เมื่อครม.มีมิติให้กระทรวงพาณิชย์รับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2556/57 ภายใต้กรอบวงเงิน 270,000 ล้านบาท เมื่อ 3 กันยายน 2556 พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556/57 ได้ผ่านรัฐสภาไปแล้วนั่นหมายความว่ารัฐบาลได้มีโครงการเงินกู้ต่างๆที่ต้องอาศัยการค้ำประกันเงินกู้เต็มเพดานแล้ว หากรัฐบาลต้องการให้ ธกส. กู้เงินเพิ่มเติมเพื่อใช้รับจำนำข้าว รัฐบาลก็ต้องตัดลดงบประมาณการกู้ยืมของหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจอื่นๆลง
กระทรวงการคลังทราบข้อจำกัดนี้ดี และแม้จะสมมติว่าวันนี้ยังไม่ได้ยุบสภา และครม.มีมติเพิ่มกรอบวงเงินกู้สำหรับโครงการจำนำข้าวปี 2556/57 อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่กระทรวงคลังก็จะยังไม่สามารถค้ำประกันเพื่อให้ ธกส. กู้เงินเพิ่มขึ้น เพราะยังติดเพดานการกู้เงินและการค้ำประกันเงินกู้ตามพรบ.งบประมาณรายจ่ายปี 2556/57 ดังกล่าวแล้ว
ดังนั้น งมีพวกศรีธนชัยเสนอความคิดให้ธกส.กู้เงินเพื่อชำระหนี้ที่จะครบกำหนดในปีพ.ศ. 2557-2560 จำนวน 130,000 ล้านบาท โดยอ้างว่าเป็นการกู้แบบ “refinance” หรือ “roll-over” แต่แทนที่จะนำเงินกู้ก้อนนี้ไปไถ่ถอนหนี้เก่า พวกศรีธนชัยกลับเสนอให้นำเงินกู้ดังกล่าวไปจ่ายให้ชาวนาที่นำข้าวมาขายให้รัฐบาล แต่ยังไม่ได้รับเงิน แล้วรอให้กระทรวงพาณิชย์ขายข้าวให้ได้ก่อน จึงค่อยนำเงินมาชำระหนี้ วิธีนี้จะทำให้รัฐบาลไม่เสียฐานเสียงชาวนา
วิธีนี้เป็นการเลี่ยงข้อจำกัดของเพดานการกู้เงินและการค้ำประกันเงินกู้ตามกฎหมายวิธีการงบประมาณ หากผู้บริหารสถาบันการเงินและกระทรวงการคลังยอมก้มหัวรับใช้นักการเมือง โดยไม่คำนึงถึงกฎเกณฑ์การเงินการคลัง ผลร้ายที่จะตามมาคือ การล่มสลายของธกส. ทำให้เกษตรกรทั่วประเทศไม่มีที่พึ่งทางการเงินอีกต่อไป
ถ้าข่าวดังกล่าวเป็นจริง ก็แสดงว่าแม้จะเป็นรัฐบาลรักษาการ ก็ยังกล้าที่จะแหกกฎกติกาต่าง ๆ
รัฐบาลจากการเลือกตั้งมีความชอบธรรมที่จะกำหนดนโยบายประชานิยม แม้จะเป็นประชานิยมสุดโต่งก็ตาม แต่การที่ประชาชนเลือกท่านมาบริหารประเทศ มิได้หมายความว่าประชาชนได้ให้อำนาจท่านทำทุกอย่างตามอำเภอใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำลายกฎกติกาด้านการเงินการคลัง และการบริหารประเทศแบบขาดความรับผิดชอบต่อประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจในระบบประชาธิปไตย
ผมไม่เชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้จะรับฟังความเห็นของผม ผมจึงเขียนจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้เพื่อเป็นข้อมูลให้แก่ กกต. และปปช. โดยหวังว่าท่านจะสามารถป้องกันมิให้นักการเมืองบางคนทำลายกฎเกณฑ์การเงินการคลังของประเทศ
อ้างอิง
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/business/business/20140107/554196/%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%98%E0%B8%99%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2-%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B9%8C%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7.html
รัฐบาลศรีธนญชัย รีไฟแนนซ์หนี้อุ้มจำนำข้าว
เพื่อทราบ
นายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เขียนจดหมายเปิดผนึกถึง กกต. และ ปปช. เรื่องการกู้เงิน 1.3 แสนล้านบาท
ปัญหาประการที่สองของการกู้เงินเพิ่มเติมอีก 130,000 ล้านบาท คือ ปัญหาเพดานการกู้เงินและการค้ำประกันเงินกู้ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณรายจ่าย เมื่อครม.มีมิติให้กระทรวงพาณิชย์รับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2556/57 ภายใต้กรอบวงเงิน 270,000 ล้านบาท เมื่อ 3 กันยายน 2556 พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556/57 ได้ผ่านรัฐสภาไปแล้วนั่นหมายความว่ารัฐบาลได้มีโครงการเงินกู้ต่างๆที่ต้องอาศัยการค้ำประกันเงินกู้เต็มเพดานแล้ว หากรัฐบาลต้องการให้ ธกส. กู้เงินเพิ่มเติมเพื่อใช้รับจำนำข้าว รัฐบาลก็ต้องตัดลดงบประมาณการกู้ยืมของหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจอื่นๆลง
กระทรวงการคลังทราบข้อจำกัดนี้ดี และแม้จะสมมติว่าวันนี้ยังไม่ได้ยุบสภา และครม.มีมติเพิ่มกรอบวงเงินกู้สำหรับโครงการจำนำข้าวปี 2556/57 อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่กระทรวงคลังก็จะยังไม่สามารถค้ำประกันเพื่อให้ ธกส. กู้เงินเพิ่มขึ้น เพราะยังติดเพดานการกู้เงินและการค้ำประกันเงินกู้ตามพรบ.งบประมาณรายจ่ายปี 2556/57 ดังกล่าวแล้ว
ดังนั้น งมีพวกศรีธนชัยเสนอความคิดให้ธกส.กู้เงินเพื่อชำระหนี้ที่จะครบกำหนดในปีพ.ศ. 2557-2560 จำนวน 130,000 ล้านบาท โดยอ้างว่าเป็นการกู้แบบ “refinance” หรือ “roll-over” แต่แทนที่จะนำเงินกู้ก้อนนี้ไปไถ่ถอนหนี้เก่า พวกศรีธนชัยกลับเสนอให้นำเงินกู้ดังกล่าวไปจ่ายให้ชาวนาที่นำข้าวมาขายให้รัฐบาล แต่ยังไม่ได้รับเงิน แล้วรอให้กระทรวงพาณิชย์ขายข้าวให้ได้ก่อน จึงค่อยนำเงินมาชำระหนี้ วิธีนี้จะทำให้รัฐบาลไม่เสียฐานเสียงชาวนา
วิธีนี้เป็นการเลี่ยงข้อจำกัดของเพดานการกู้เงินและการค้ำประกันเงินกู้ตามกฎหมายวิธีการงบประมาณ หากผู้บริหารสถาบันการเงินและกระทรวงการคลังยอมก้มหัวรับใช้นักการเมือง โดยไม่คำนึงถึงกฎเกณฑ์การเงินการคลัง ผลร้ายที่จะตามมาคือ การล่มสลายของธกส. ทำให้เกษตรกรทั่วประเทศไม่มีที่พึ่งทางการเงินอีกต่อไป
รัฐบาลจากการเลือกตั้งมีความชอบธรรมที่จะกำหนดนโยบายประชานิยม แม้จะเป็นประชานิยมสุดโต่งก็ตาม แต่การที่ประชาชนเลือกท่านมาบริหารประเทศ มิได้หมายความว่าประชาชนได้ให้อำนาจท่านทำทุกอย่างตามอำเภอใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำลายกฎกติกาด้านการเงินการคลัง และการบริหารประเทศแบบขาดความรับผิดชอบต่อประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจในระบบประชาธิปไตย
ผมไม่เชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้จะรับฟังความเห็นของผม ผมจึงเขียนจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้เพื่อเป็นข้อมูลให้แก่ กกต. และปปช. โดยหวังว่าท่านจะสามารถป้องกันมิให้นักการเมืองบางคนทำลายกฎเกณฑ์การเงินการคลังของประเทศ
อ้างอิง
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/business/business/20140107/554196/%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%98%E0%B8%99%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2-%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B9%8C%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7.html