ดับทุกข์ที่นี่และเดี๋ยวนี้

เมื่อยอมรับความจริงว่าความทุกข์ใจสำคุญกว่าความทุกข์กายแล้ว ก็ต้องยอมรับความจริงข้อต่อไปว่า พระพุทธเจ้าสอนเฉพาะเรื่องการดับทุกข์ในปัจจุบัน คือที่นี่และเดี๋ยวนี้ เพราะความทุกข์นี้มันกำลังเกิดอยู่ในชีวิตปัจจุบัน เมื่อมันเกิดเมื่อใด ก็ต้องดับมันเมื่อนั้น เหมือนไฟที่กำลังลุกไหม้ศีรษะเราอยู่ เราก็ต้องรีบดับมันเมื่อนั้น ซึ่งเรื่องนี้บางคนก็อาจจะแย้งว่า พระพุทธเจ้าสอนเรื่องการปฏิบัติเพื่อสั่งสมบารมี (พลังในการดับทุกข์) เอาไว้ไปดับทุกข์ (นิพพาน) ในอนาคตหรือในชาติต่อๆไปหรือในอีกหมื่นชาติแสนชาติ ตามความเชื่อที่มีมานมนานแล้วว่า เรายังมีบารมีไม่พอที่จะดับทุกข์ในชาตินี้ได้ เราต้องปฏิบัติเพื่อสั่งสมบารมีเอาไว้เท่านั้นก่อน เมื่อสั่งสมบารมีเต็มเมื่อใดก็จะดับทุกข์ได้  ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้แล้วการปฏิบัติจะมีประโยชน์อะไรในชีวิตปัจจุบัน  เพราะชีวิตปัจจุบันเรากำลังมีความทุกข์อยู่ก็ต้องรีบดับมันก่อน เมื่อดับความทุกข์ในปัจจุบันได้แล้วเรื่องความทุกข์ในอนาคตก็จะหมดสิ้นไปได้เอง  แต่บางคนก็อาจจะแย้งอีกว่า พระพุทธเจ้าสอนทั้งเรื่องการดับทุกข์ในปัจจุบันและในอนาคตหรือในชาติต่อๆไปด้วย ซึ่งถ้าเชื่อเช่นนี้ก็จะเกิดผลเสียตรงที่ว่า เมื่อปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ในปัจจุบันแล้วยังดับไม่ได้ ก็จะทำให้ยังคงทนปฏิบัติต่อไปทั้งๆที่ยังมีความทุกข์อยู่ เพราะเชื่อว่าเป็นการสั่งสมบารมีเอาไว้ไปดับเอาในชาติต่อไป  ซึ่งนี่นอกจากจะทำให้ความทุกข์ในปัจจุบันยังไม่ดับลงแล้ว ยังทำให้ไม่พยายามแสวงหาความรู้ใหม่ๆที่อาจจะนำมาใช้ดับทุกข์ในชีวิตปัจจุบันได้อีกด้วย คือสรุปว่า ความเชื่อเช่นนี้จะทำให้เป็นคนดักดานและจมอยู่ในความทุกข์ไปจนตลอดชีวิตได้ถ้ายังมีความเชื่อเช่นนี้อยู่

นี่คือพื้นฐานข้อที่ ๓ ที่เราจะต้องยอมรับความจริงว่า ความทุกข์นั้นต้องดับกันที่นี่และเดี๋ยวนี้ จึงจะมีประโยชน์ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนเรื่องการปฏิบัติเพื่อสั่งสมบารมีเอาไว้ไปดับทุกข์ในชาติหน้าหรือในอีกหมื่นชาติแสนชาติอย่างที่เราอาจเคยได้ยินได้ฟังมาก่อน ถ้าเราไม่ยอมรับความจริงข้อนี้ก็จะทำให้การศึกษาต่อไปผิดพลาดหมด แต่ถ้ายอมรับก็จะทำให้การศึกษาต่อไปมีโอกาสถูกต้องได้มาก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่