ชายหนุ่มรู้สึกไม่ค่อยถูกชะตา กับหนุ่มผิวคล้ำที่ขับรถมาส่งวาณีที่ บ้านเขา วันนี้หญิงสาวนัดเอาแบบร่าง กับ สัญญามาให้เซ็น โดยมีชายแปลกหน้าทำหน้าที่คนขับรถให้
“พี่ปริญญา พี่ชาย ดิฉันค่ะ” คำแนะนำง่ายๆจากฝ่ายหญิงสาว
“สวัสดีครับ” เขายกมือไหว้ก่อน
“สวัสดีครับ เรียกปุ่น ก็ได้ครับ”
เขารู้จักชื่อปริญญา ดีจากตอนที่ไปสืบเรื่องของวาณี พี่ชายต่างสายเลือดคนนี้ต่างจากที่เขาคิดมาก อย่างแรกเลย คือปริญญาหนุ่มกว่าที่เขาคิด แม้หน้าตาจะดูธรรมดาทั่วไป ไม่ถึงกับหล่อ แต่รูปร่างที่สูงใหญ่ กับท่าทางนิ่งๆ สุขุมนั้นทำให้ปริญญามีเสน่ห์ไปอีกแบบ
“ส่วนทางด้านนี้ คุณเล็ก ที่หวานเล่าให้ฟัง” วาณีหันมาแนะนำทางเจ้าบ้าน ซึ่งเหมือนครั้งที่แล้วทีเขาออกมายืนรอรับหญิงสาวที่ประตูหน้า คำแนะนำของ สาวหมวยทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าวาณี เล่าถึงเขาไว้กับพี่ชายว่าอย่างไรบ้าง
“เชิญคุณหวานด้านในเลยครับ คุณพ่อรออยู่ที่ห้องรับแขก”
“หวานเข้าไปเถอะ พี่จะรออยู่ทีรถ” เสียงจากคนผิวคล้ำ ขอตัวไม่เข้าไปด้วย
“เชิญพี่ปริญญา เข้าไปด้วยกันเถอะครับ” เขาทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี ท่าทีของปริญญาดูจะไม่เป็นมิตรนัก แต่ยังไงปริญญาก็นับเป็นญาติของวาณี ควรผูกมิตรเอาไว้ก่อน
“ถ้างั้นผมขอไปนั่งรอที่ศาลาริมน้ำได้ไหมครับ เห็นหวานชมว่าสวยมาก”
คำขอเรียบๆ แต่เล่นเอาเขาอึ้งไปทีเดียว เขาแน่ใจว่าวาณีไม่ได้ ออกปากชมศาลาริมน้ำเฉยๆแน่ การที่หญิงสาวพาพี่ชายมาด้วย คงเพราะกลัวที่จะต้องเจอกับวิญญาณคุณละเอียดมากกว่า และท่าทางของ ปริญญาเหมือนอยากจะพิสูจน์เรื่องนี้มากกว่าการมารอน้องสาวเฉยๆ
“พี่ปุ่น!”
“พี่อยากจะไปดูเฉยๆ “ ปริญญา ลูบหัวน้องสาว เหมือนจะบอกว่าไม่เป็นไร “หวานเข้าไปทำธุระของหวานให้เสร็จเถอะ”
“ถ้างั้นเชิญคุณหวาน ไปที่ห้องรับแขกเองแล้วกันครับ คุณพ่อกับคุณแม่ รออยู่แล้ว ส่วนพี่ปุ่น เชิญทางนี้ครับ”
เมื่ออีกฝ่ายกล้าที่จะไปพิสูจน์เขาก็จะนำทางให้เอง
----------------------------------------------------------
วิวัฒน์ ไม่ใช่คนแรกที่เข้ามาจีบวาณี ถึงน้องสาวเขาจะไม่ใช่คนสวย แต่ก็จัดว่าน่ารักไม่เบา แต่เพราะมีพี่ชายอย่างเขาที่คอยกันท่าไม่ให้น้องสาวมีแฟน วาณีเลยยังไม่มีเพื่อนชายในฐานะแฟนสักคน เพราะเขาเห็นว่าวาณียังเด็กเกินกว่าจะตัดสินใจเรื่องความรัก แม้แต่ปัจจุบันเขาก็ยังคอยกรองคนที่จะเข้ามาจีบวาณี แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครรอดตะแกรงของเขาไปได้เลย ท่าทางของวิวัฒน์นั้นดูไม่ยากว่ามีความสนใจใน
ตัวน้องสาวเขามากเกินกว่า นายจ้างที่ปกติ และยังสายตาที่ดูไม่เป็นมิตร เมื่อแรกเห็นเขาอีก มันฉายแววไม่พอใจจนเขาจับได้
วิวัฒน์เดินนำหน้า พาเขา เดินตัดสนามหญ้า ผ่านต้นปาล์ม สูงใหญ่มายังเรือนไม้โปร่งสีขาว หลังคามุงด้วยเป็นแป้นเกล็ดไม้ ขาเดินตามเจ้าของบ้าน ผ่านซุ้มสร้อยอินทนิล ที่ปลูกเลื้อยไปตามไม้ระแนงเข้าสู่ภายในศาลา ลมที่พัดผ่านทะเลสาบนั้นเย็นสบายแม้จะเป็นช่วงบ่ายก็ตาม เขาเลือกเดินมานั่งที่ม้านั่งยาวริมระเบียงด้านหนึ่ง
“พี่ปุ่น จะรับเครื่องดื่มอะไรครับ” ทางเจ้าของบ้าน หันมาถามเขา
“ขอบคุณครับ ไม่ต้องดีกว่าครับ ผมอยากจะคุยกับคุณเล็กมากกว่า” เขาเปลี่ยนความตั้งใจจากที่จะลองสำรวจศาลาริมน้ำเป็นการ คัดกรองชายหนุ่มตรงหน้าแทน
“คุยกับผม ?” อีกฝ่ายทำหน้างง
“ครับ อาจจะใช้เวลาแป๊บเดียว หรือ มากกว่านั้น ก็ขึ้นกับคำตอบของคุณเล็ก"
ชายหนุ่มตรงหน้าเหมือนจะรู้ตัว วิวัฒน์สูดหายใจลึกๆ ก่อนจะเดินมานั่งที่ด้านตรงข้ามเขา
“พี่ปุ่น จะคุยเรื่องอะไรครับ”
“คุณเล็กชอบ ยายหวานเหรอครับ ?” เขามักจะเริ่มด้วยคำถามตรงๆ แบบนี้เพื่อดูปฏิกิริยา ฝ่ายตรงข้าม ดูเหมือนคุณเล็กจะนิ่งไปกับคำถามตรงๆของเขา ก่อนจะตอบสั้นๆ
“ครับ ชอบครับ”
“รู้จักกับหวาน ดีแล้วเหรอครับ ถึงกล้าบอกว่าชอบ” เขายังรุกต่อ
“ผมคงบอกว่ารู้จักดีไม่ได้หรอกครับ ผมเจอคุณหวานรวมครั้งนี้ด้วยก็แค่สี่ครั้ง แต่สำหรับคำว่าชอบ ผมชอบหน้าตากับ บุคลิกของเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบ” คำตอบของชายหนุ่มนั้นแสดงว่า ตั้งหลักได้แล้ว น้ำเสียงเรียบๆ แต่มั่นคงนั้นเกือบทำให้เขาคล้อยตาม
“แล้วคิดว่าจะจีบ ยายหวานยังไงครับ ?”
“อย่างน้อย ก็อยากจะเป็นเพื่อนกันก่อนครับ ถ้ารู้นิสัยใจคอกันมากขึ้นแล้วความรู้สึกของผมไม่เปลี่ยนแปลง ค่อยคิดว่าควรจะสานต่อยังไง แต่ถ้าความชอบของผมลดลงไม่เหมือนกับตอนนี้ เราก็น่าจะยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้”
ตลอดเวลาที่สนทนากัน วิวัฒน์ ไม่ได้หลบสายตาของเขาเลย ท่าทางของชายหนุ่มตรงหน้าดูเหมือนจะเตรียมใจมาพร้อมที่จะตอบทุกคำถามของเขา
“คุณเล็กกล้านะครับ กล้าที่จะออกปากบอกว่าชอบน้องสาวผมตรงๆ” เขาเองก็ไม่ละสายตาไปจากชายหนุ่มตรงหน้าเช่นกัน “ผมถือว่าคุณเล็ก สอบผ่านสำหรับความตั้งใจจริง แต่เรื่องของหัวใจ เป็นเรื่องที่ยายหวานจะตัดสินใจเอง”
เขาจงใจเว้นจังหวะไว้ครู่หนึ่ง
“แต่ ผมจะไม่ให้อภัยเลย สำหรับคนที่ติดมาจีบน้องสาวผมเล่นๆ” จะว่าเขาขู่ก็ได้
“ขอบคุณพี่ปุ่นที่ให้โอกาสผมครับ” วิวัฒน์ไหว้ขอบคุณ
“ผมขอสัญญาครับ ว่าจะปฏิบัติ ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ จะไม่ยอมให้มีเรื่องเสื่อมเสียกับคุณหวานโดยเด็ดขาด”
คำสัญญานั้นดูเหมือนจะเรียกรอยยิ้มจากเขาได้ แม้มันจะดูเชย แต่ชายหนุ่มตรงหน้ารับรู้ถึงความเป็นห่วงของเขาที่มีต่อน้องสาว จึงได้กล่าวให้สัญญานี้ออกมาเอง
“ขอให้คุณเล็กรักษาสัญญานี้ด้วยใจจริงนะครับ”เขาตอบรับเสียงเรียบๆ
“คุณเล็กเข้าไปดูยายหวานข้างในเถอะครับ ผมอยากจะอยู่ทีศาลานี้คนเดียวสักครู่”
วิวัฒน์สอบถามเรื่องเครื่องดื่มอีกครั้ง ก่อนจะขอตัวไปดูวาณี แต่เขายัง ปฏิเสธเหมือนเดิม เขาต้องการความสงบเพื่อจะได้สัมผัส ถึงวิญญาณที่สิงสถิตในศาลาแห่งนี้
-------------------------------------------------------
ลุงวิทยาและภรรยา พอใจแบบเบื้องต้นที่หล่อนเสนอไป แต่ก็ยังมีส่วนที่ต้องแก้ไขขนาดของต้นไม้เป็นบางจุด แต่ยังอยู่ในงบที่หล่อนประมาณการไว้ ขณะที่หล่อนกำลังอธิบายส่วนของสัญญา ก็เหลือบไปเห็นคุณเล็ก เดินเข้ามาในห้องรับแขกเพียงลำพัง
“พี่ปุ่น อยากจะอยู่รอที่ศาลา คนเดียวครับ” เสียงชายหนุ่มอธิบายคงเพราะสายตาของหล่อนที่เหมือนจะตั้งคำถาม ว่าพี่ชายหล่อนหายไปไหน
“ขอบคุณค่ะ”หล่อนตอบขอบคุณเขาเบาๆ สำหรับคำตอบ
ต่างฝ่ายต่างอยู่ในวงการก่อสร้างด้วยกัน เรื่องสัญญาเลยผ่านไปได้ด้วยดี ทั้งเรื่องราคา งวดการชำระเงิน และระยะเวลาการทำงาน หลัวจากทั้งสองฝ่ายลงนามก็เป็นอันสมบูรณ์ เมื่อเรื่องงานบรรลุตามเป้าหมาย วาณีก็เริ่มภารกิจส่วนตัวที่ตั้งเป้าเอาไว้
“ลุงวิทย์คะ หนูมีเรื่องอยากจะสอบถาม ?หน่อยค่ะ”
“ถามมาได้เลยจ๊ะ หนูวาณี ไม่ต้องเกรงใจ”
“เรื่องศาลาริมน้ำนะค่ะ หนูอยากรู้ว่าทำไมคุณลุงถึงได้ติดใจอยากจะซื้อให้ได้” หล่อนโพล่งคำถามออกไปทันที ที่ลุงวิทยาพูดจบ
ฝ่ายเจ้าบ้านนิ่งเงียบไป
“นั้นสินะ” ลุงวิทยาพึมพำกับตัวเองก่อนจะหันไปทางลูกชายที่ยืนพิงกำแพงฟังการสนทนาอยู่เงียบๆ “เล็กไปหยิบภาพแขวน รูปที่สองข้าง บันไดมาให้ที รูปสีน้ำที่เป็นรูปผู้หญิง”
คุณเล็กปฏิบัติตามคำสั่งบิดา เดินไปปลด กรอบรูปออกจากเอ็นแขวนรูปแล้วเดินมาส่งให้บิดา แล้วเดินกลับไปยืนพิงกำแพงฟังตรงที่เดิม
“หนูวาณี ลองดูภาพนี้สิ” ลุงวิทย์ส่งภาพมาให้หล่อน
“ทำไมเหรอคะ?” หล่อนรับภาพมาดูอย่างงงๆ
“ถ้ามองศาลาริมน้ำ จากตรงบันได ท่าน้ำขึ้นมา ก็จะได้มุมเดียวกับภาพเขียนใบนี้พอดี”
“จริงเหรอ คะ”
“ต้องบอกว่าลุงชอบรูปเขียนใบนี้ก่อนที่จะไปติดใจตัวศาลาริมน้ำ รูปนี้เป็นรูปมรดก ที่ลุงได้มาจากคุณปู่เล็ก ที่เป็นช่างเขียนสีน้ำ”
“แล้วผู้หญิงในรูปใช่คุณทวดละเอียดหรือเปล่าคะ?”
วาณีเพ่งดูผู้หญิงในภาพเขียนสีน้ำ หล่อนเองก็ไม่แน่ใจว่าจะใช่คุณทวดไหม เพราะเมื่อครั้งที่หล่อนเห็นคุณทวดนั้น อยู่ไกลกันเกินกว่าจะเห็นหน้าตากันชัดๆ และหล่อนยังตกใจจนสลบไปก่อนจะจดจำอะไรได้มากไปกว่านั้น
“ลุงเองก็ไม่แน่ใจ เพราะคนที่เห็นคุณละเอียด ใกล้ก็มีแต่ตาเล็ก แต่ตอนนั้นเล็กเองก็ยังเด็ก แยกแยะหรือเปรียบเทียบอะไรไม่ได้มากนัก” ลุงวิทย์หันไปมองลูกชาย ก่อนจะเล่าต่อ “แล้ว พระท่านก็เคยขอคุณละเอียด ไม่ให้ติดต่อกับตาเล็กอีกด้วย พอตาเล็กโตขึ้นมาก็ไม่เห็นคุณละเอียดอีก เท่าที่ตาเล็กจำได้ก็บอกได้แค่ว่าคล้ายกันมาก”
“แล้วคุณลุงรู้ไหมคะ ว่าคุณปู่เล็กของคุณลุง วาดภาพนี้ที่ไหน” หล่อนพยายามหาจุดเชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆที่เป็นไปได้ ระหว่างครอบครัวคุณวิทยากับคุณทวดละเอียด เพื่อหาประวัติของคุณทวดที่ขาดหายไป
“ตอนแรกลุงก็ไม่แน่ใจ เพราะคุณปู่เล็ก สมัยหนุ่มๆ เดินทางไปทั่ว ท่านเป็นศิลปินเรียนเขียนสีน้ำจากครูฝรั่ง ลุงเคยถามท่าน เรื่องรูปนี้ ท่านบอกแค่ว่า รูปนี้ท่านไม่อยากนึกถึง แต่เป็นรูปหนึ่งในไม่กี่รูปที่ท่านใส่กรอบ แขวนไว้ในห้องนอน จนตอนหลังจากท่านเสียแล้วถึงได้อ่านบันทึกของท่าน เลยรู้ว่ารูปนี้วาดที่อัมพวา“
หล่อนส่งรูปคืนให้กับเจ้าของบ้าน เรื่องของภาพเขียนสีน้ำ ดูเหมือนจะเป็นจิ๊กซอชิ้นที่หล่อนไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ไม่รู้ว่ามันจะเชื่อมกับส่วนไหนบ้าง
“คุณปู่เล็กมีภาพเขียนอื่นๆอีกไหมคะ?”
“ยังมีอีกหลายภาพนะ แต่ลุงยังไม่ได้เอาใส่กรอบ แต่คงต้องขอเวลาลุงรื้อดูก่อน ไว้วันที่หนูมาทำงาน ลุงจะฝากเล็กเขาไว้ให้ เพราะเขาต้องมาอยู่คุมทางนี้เหมือนกัน”
“ขอบคุณ คุณลุงมากค่ะ” หล่อนไหว้เจ้าของบ้าน เรื่องที่หล่อนร้องขอไปนั้นไม่คิดว่าเจ้าของบ้านจะตอบรับด้วยไมตรีขนาดนี้
“ไม่เป็นไร หรอกหนู ถ้าเรื่องนี้จะช่วยให้เรารู้เรื่องของคุณละเอียดมากขึ้นทางนี้ยินดีช่วยเสมอ” คุณราตรี ช่วยสามียืนยันอีกแรง
“ขอบคุณ คุณป้าด้วยค่ะ”
“ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติม บอกผมได้นะครับ” เสียงของวิวัฒน์ เสนอตัวอาสา
หล่อนพยักหน้ารับความหวังดีของเขา โดยไม่ออกเสียง ยังมีอีกเรื่องที่หล่อนยังอยากจะพิสูจน์
“ดิฉันอยากจะไปดูที่ศาลาค่ะ” หญิงสาวขออนุญาตเจ้าของบ้าน
คำขอของหล่อนดูเหมือนจะทำให้ทุกคนนิ่งเงียบกันไปหมด เพราะคราวก่อนหล่อนเป็นลมหมดสติไป ก็เพราะเห็นคุณละเอียดที่ศาลา การร้องขอไปที่ศาลาอีกครั้งคงทำให้ทุกคนในฐานะเจ้าของบ้านอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่หล่อนก็ยังอยากไปให้เห็นอีกสักครั้ง
“เล็ก ไปเป็นเพื่อนหนูวาณีหน่อย” คุณราตรีสั่งลูกชาย
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่ปุ่น พี่ชายดิฉันก็นั่งรออยู่ที่ศาลา”
“ให้เล็กเดินไปเป็นเพื่อนเถอะจ๊ะ มีอะไรจะได้ช่วยกัน”
เมื่อปฏิเสธไม่ได้ หล่อนก็ได้แต่เหลือบมองไปทางชายหนุ่มเห็นเขาเดินนำไปที่ประตูแล้ว หล่อนจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเงียบๆ
------------------------------------------------------
ตามรักคืนเรือน ตอนที่ 12
“พี่ปริญญา พี่ชาย ดิฉันค่ะ” คำแนะนำง่ายๆจากฝ่ายหญิงสาว
“สวัสดีครับ” เขายกมือไหว้ก่อน
“สวัสดีครับ เรียกปุ่น ก็ได้ครับ”
เขารู้จักชื่อปริญญา ดีจากตอนที่ไปสืบเรื่องของวาณี พี่ชายต่างสายเลือดคนนี้ต่างจากที่เขาคิดมาก อย่างแรกเลย คือปริญญาหนุ่มกว่าที่เขาคิด แม้หน้าตาจะดูธรรมดาทั่วไป ไม่ถึงกับหล่อ แต่รูปร่างที่สูงใหญ่ กับท่าทางนิ่งๆ สุขุมนั้นทำให้ปริญญามีเสน่ห์ไปอีกแบบ
“ส่วนทางด้านนี้ คุณเล็ก ที่หวานเล่าให้ฟัง” วาณีหันมาแนะนำทางเจ้าบ้าน ซึ่งเหมือนครั้งที่แล้วทีเขาออกมายืนรอรับหญิงสาวที่ประตูหน้า คำแนะนำของ สาวหมวยทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าวาณี เล่าถึงเขาไว้กับพี่ชายว่าอย่างไรบ้าง
“เชิญคุณหวานด้านในเลยครับ คุณพ่อรออยู่ที่ห้องรับแขก”
“หวานเข้าไปเถอะ พี่จะรออยู่ทีรถ” เสียงจากคนผิวคล้ำ ขอตัวไม่เข้าไปด้วย
“เชิญพี่ปริญญา เข้าไปด้วยกันเถอะครับ” เขาทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี ท่าทีของปริญญาดูจะไม่เป็นมิตรนัก แต่ยังไงปริญญาก็นับเป็นญาติของวาณี ควรผูกมิตรเอาไว้ก่อน
“ถ้างั้นผมขอไปนั่งรอที่ศาลาริมน้ำได้ไหมครับ เห็นหวานชมว่าสวยมาก”
คำขอเรียบๆ แต่เล่นเอาเขาอึ้งไปทีเดียว เขาแน่ใจว่าวาณีไม่ได้ ออกปากชมศาลาริมน้ำเฉยๆแน่ การที่หญิงสาวพาพี่ชายมาด้วย คงเพราะกลัวที่จะต้องเจอกับวิญญาณคุณละเอียดมากกว่า และท่าทางของ ปริญญาเหมือนอยากจะพิสูจน์เรื่องนี้มากกว่าการมารอน้องสาวเฉยๆ
“พี่ปุ่น!”
“พี่อยากจะไปดูเฉยๆ “ ปริญญา ลูบหัวน้องสาว เหมือนจะบอกว่าไม่เป็นไร “หวานเข้าไปทำธุระของหวานให้เสร็จเถอะ”
“ถ้างั้นเชิญคุณหวาน ไปที่ห้องรับแขกเองแล้วกันครับ คุณพ่อกับคุณแม่ รออยู่แล้ว ส่วนพี่ปุ่น เชิญทางนี้ครับ”
เมื่ออีกฝ่ายกล้าที่จะไปพิสูจน์เขาก็จะนำทางให้เอง
----------------------------------------------------------
วิวัฒน์ ไม่ใช่คนแรกที่เข้ามาจีบวาณี ถึงน้องสาวเขาจะไม่ใช่คนสวย แต่ก็จัดว่าน่ารักไม่เบา แต่เพราะมีพี่ชายอย่างเขาที่คอยกันท่าไม่ให้น้องสาวมีแฟน วาณีเลยยังไม่มีเพื่อนชายในฐานะแฟนสักคน เพราะเขาเห็นว่าวาณียังเด็กเกินกว่าจะตัดสินใจเรื่องความรัก แม้แต่ปัจจุบันเขาก็ยังคอยกรองคนที่จะเข้ามาจีบวาณี แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครรอดตะแกรงของเขาไปได้เลย ท่าทางของวิวัฒน์นั้นดูไม่ยากว่ามีความสนใจใน
ตัวน้องสาวเขามากเกินกว่า นายจ้างที่ปกติ และยังสายตาที่ดูไม่เป็นมิตร เมื่อแรกเห็นเขาอีก มันฉายแววไม่พอใจจนเขาจับได้
วิวัฒน์เดินนำหน้า พาเขา เดินตัดสนามหญ้า ผ่านต้นปาล์ม สูงใหญ่มายังเรือนไม้โปร่งสีขาว หลังคามุงด้วยเป็นแป้นเกล็ดไม้ ขาเดินตามเจ้าของบ้าน ผ่านซุ้มสร้อยอินทนิล ที่ปลูกเลื้อยไปตามไม้ระแนงเข้าสู่ภายในศาลา ลมที่พัดผ่านทะเลสาบนั้นเย็นสบายแม้จะเป็นช่วงบ่ายก็ตาม เขาเลือกเดินมานั่งที่ม้านั่งยาวริมระเบียงด้านหนึ่ง
“พี่ปุ่น จะรับเครื่องดื่มอะไรครับ” ทางเจ้าของบ้าน หันมาถามเขา
“ขอบคุณครับ ไม่ต้องดีกว่าครับ ผมอยากจะคุยกับคุณเล็กมากกว่า” เขาเปลี่ยนความตั้งใจจากที่จะลองสำรวจศาลาริมน้ำเป็นการ คัดกรองชายหนุ่มตรงหน้าแทน
“คุยกับผม ?” อีกฝ่ายทำหน้างง
“ครับ อาจจะใช้เวลาแป๊บเดียว หรือ มากกว่านั้น ก็ขึ้นกับคำตอบของคุณเล็ก"
ชายหนุ่มตรงหน้าเหมือนจะรู้ตัว วิวัฒน์สูดหายใจลึกๆ ก่อนจะเดินมานั่งที่ด้านตรงข้ามเขา
“พี่ปุ่น จะคุยเรื่องอะไรครับ”
“คุณเล็กชอบ ยายหวานเหรอครับ ?” เขามักจะเริ่มด้วยคำถามตรงๆ แบบนี้เพื่อดูปฏิกิริยา ฝ่ายตรงข้าม ดูเหมือนคุณเล็กจะนิ่งไปกับคำถามตรงๆของเขา ก่อนจะตอบสั้นๆ
“ครับ ชอบครับ”
“รู้จักกับหวาน ดีแล้วเหรอครับ ถึงกล้าบอกว่าชอบ” เขายังรุกต่อ
“ผมคงบอกว่ารู้จักดีไม่ได้หรอกครับ ผมเจอคุณหวานรวมครั้งนี้ด้วยก็แค่สี่ครั้ง แต่สำหรับคำว่าชอบ ผมชอบหน้าตากับ บุคลิกของเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบ” คำตอบของชายหนุ่มนั้นแสดงว่า ตั้งหลักได้แล้ว น้ำเสียงเรียบๆ แต่มั่นคงนั้นเกือบทำให้เขาคล้อยตาม
“แล้วคิดว่าจะจีบ ยายหวานยังไงครับ ?”
“อย่างน้อย ก็อยากจะเป็นเพื่อนกันก่อนครับ ถ้ารู้นิสัยใจคอกันมากขึ้นแล้วความรู้สึกของผมไม่เปลี่ยนแปลง ค่อยคิดว่าควรจะสานต่อยังไง แต่ถ้าความชอบของผมลดลงไม่เหมือนกับตอนนี้ เราก็น่าจะยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้”
ตลอดเวลาที่สนทนากัน วิวัฒน์ ไม่ได้หลบสายตาของเขาเลย ท่าทางของชายหนุ่มตรงหน้าดูเหมือนจะเตรียมใจมาพร้อมที่จะตอบทุกคำถามของเขา
“คุณเล็กกล้านะครับ กล้าที่จะออกปากบอกว่าชอบน้องสาวผมตรงๆ” เขาเองก็ไม่ละสายตาไปจากชายหนุ่มตรงหน้าเช่นกัน “ผมถือว่าคุณเล็ก สอบผ่านสำหรับความตั้งใจจริง แต่เรื่องของหัวใจ เป็นเรื่องที่ยายหวานจะตัดสินใจเอง”
เขาจงใจเว้นจังหวะไว้ครู่หนึ่ง
“แต่ ผมจะไม่ให้อภัยเลย สำหรับคนที่ติดมาจีบน้องสาวผมเล่นๆ” จะว่าเขาขู่ก็ได้
“ขอบคุณพี่ปุ่นที่ให้โอกาสผมครับ” วิวัฒน์ไหว้ขอบคุณ
“ผมขอสัญญาครับ ว่าจะปฏิบัติ ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ จะไม่ยอมให้มีเรื่องเสื่อมเสียกับคุณหวานโดยเด็ดขาด”
คำสัญญานั้นดูเหมือนจะเรียกรอยยิ้มจากเขาได้ แม้มันจะดูเชย แต่ชายหนุ่มตรงหน้ารับรู้ถึงความเป็นห่วงของเขาที่มีต่อน้องสาว จึงได้กล่าวให้สัญญานี้ออกมาเอง
“ขอให้คุณเล็กรักษาสัญญานี้ด้วยใจจริงนะครับ”เขาตอบรับเสียงเรียบๆ
“คุณเล็กเข้าไปดูยายหวานข้างในเถอะครับ ผมอยากจะอยู่ทีศาลานี้คนเดียวสักครู่”
วิวัฒน์สอบถามเรื่องเครื่องดื่มอีกครั้ง ก่อนจะขอตัวไปดูวาณี แต่เขายัง ปฏิเสธเหมือนเดิม เขาต้องการความสงบเพื่อจะได้สัมผัส ถึงวิญญาณที่สิงสถิตในศาลาแห่งนี้
-------------------------------------------------------
ลุงวิทยาและภรรยา พอใจแบบเบื้องต้นที่หล่อนเสนอไป แต่ก็ยังมีส่วนที่ต้องแก้ไขขนาดของต้นไม้เป็นบางจุด แต่ยังอยู่ในงบที่หล่อนประมาณการไว้ ขณะที่หล่อนกำลังอธิบายส่วนของสัญญา ก็เหลือบไปเห็นคุณเล็ก เดินเข้ามาในห้องรับแขกเพียงลำพัง
“พี่ปุ่น อยากจะอยู่รอที่ศาลา คนเดียวครับ” เสียงชายหนุ่มอธิบายคงเพราะสายตาของหล่อนที่เหมือนจะตั้งคำถาม ว่าพี่ชายหล่อนหายไปไหน
“ขอบคุณค่ะ”หล่อนตอบขอบคุณเขาเบาๆ สำหรับคำตอบ
ต่างฝ่ายต่างอยู่ในวงการก่อสร้างด้วยกัน เรื่องสัญญาเลยผ่านไปได้ด้วยดี ทั้งเรื่องราคา งวดการชำระเงิน และระยะเวลาการทำงาน หลัวจากทั้งสองฝ่ายลงนามก็เป็นอันสมบูรณ์ เมื่อเรื่องงานบรรลุตามเป้าหมาย วาณีก็เริ่มภารกิจส่วนตัวที่ตั้งเป้าเอาไว้
“ลุงวิทย์คะ หนูมีเรื่องอยากจะสอบถาม ?หน่อยค่ะ”
“ถามมาได้เลยจ๊ะ หนูวาณี ไม่ต้องเกรงใจ”
“เรื่องศาลาริมน้ำนะค่ะ หนูอยากรู้ว่าทำไมคุณลุงถึงได้ติดใจอยากจะซื้อให้ได้” หล่อนโพล่งคำถามออกไปทันที ที่ลุงวิทยาพูดจบ
ฝ่ายเจ้าบ้านนิ่งเงียบไป
“นั้นสินะ” ลุงวิทยาพึมพำกับตัวเองก่อนจะหันไปทางลูกชายที่ยืนพิงกำแพงฟังการสนทนาอยู่เงียบๆ “เล็กไปหยิบภาพแขวน รูปที่สองข้าง บันไดมาให้ที รูปสีน้ำที่เป็นรูปผู้หญิง”
คุณเล็กปฏิบัติตามคำสั่งบิดา เดินไปปลด กรอบรูปออกจากเอ็นแขวนรูปแล้วเดินมาส่งให้บิดา แล้วเดินกลับไปยืนพิงกำแพงฟังตรงที่เดิม
“หนูวาณี ลองดูภาพนี้สิ” ลุงวิทย์ส่งภาพมาให้หล่อน
“ทำไมเหรอคะ?” หล่อนรับภาพมาดูอย่างงงๆ
“ถ้ามองศาลาริมน้ำ จากตรงบันได ท่าน้ำขึ้นมา ก็จะได้มุมเดียวกับภาพเขียนใบนี้พอดี”
“จริงเหรอ คะ”
“ต้องบอกว่าลุงชอบรูปเขียนใบนี้ก่อนที่จะไปติดใจตัวศาลาริมน้ำ รูปนี้เป็นรูปมรดก ที่ลุงได้มาจากคุณปู่เล็ก ที่เป็นช่างเขียนสีน้ำ”
“แล้วผู้หญิงในรูปใช่คุณทวดละเอียดหรือเปล่าคะ?”
วาณีเพ่งดูผู้หญิงในภาพเขียนสีน้ำ หล่อนเองก็ไม่แน่ใจว่าจะใช่คุณทวดไหม เพราะเมื่อครั้งที่หล่อนเห็นคุณทวดนั้น อยู่ไกลกันเกินกว่าจะเห็นหน้าตากันชัดๆ และหล่อนยังตกใจจนสลบไปก่อนจะจดจำอะไรได้มากไปกว่านั้น
“ลุงเองก็ไม่แน่ใจ เพราะคนที่เห็นคุณละเอียด ใกล้ก็มีแต่ตาเล็ก แต่ตอนนั้นเล็กเองก็ยังเด็ก แยกแยะหรือเปรียบเทียบอะไรไม่ได้มากนัก” ลุงวิทย์หันไปมองลูกชาย ก่อนจะเล่าต่อ “แล้ว พระท่านก็เคยขอคุณละเอียด ไม่ให้ติดต่อกับตาเล็กอีกด้วย พอตาเล็กโตขึ้นมาก็ไม่เห็นคุณละเอียดอีก เท่าที่ตาเล็กจำได้ก็บอกได้แค่ว่าคล้ายกันมาก”
“แล้วคุณลุงรู้ไหมคะ ว่าคุณปู่เล็กของคุณลุง วาดภาพนี้ที่ไหน” หล่อนพยายามหาจุดเชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆที่เป็นไปได้ ระหว่างครอบครัวคุณวิทยากับคุณทวดละเอียด เพื่อหาประวัติของคุณทวดที่ขาดหายไป
“ตอนแรกลุงก็ไม่แน่ใจ เพราะคุณปู่เล็ก สมัยหนุ่มๆ เดินทางไปทั่ว ท่านเป็นศิลปินเรียนเขียนสีน้ำจากครูฝรั่ง ลุงเคยถามท่าน เรื่องรูปนี้ ท่านบอกแค่ว่า รูปนี้ท่านไม่อยากนึกถึง แต่เป็นรูปหนึ่งในไม่กี่รูปที่ท่านใส่กรอบ แขวนไว้ในห้องนอน จนตอนหลังจากท่านเสียแล้วถึงได้อ่านบันทึกของท่าน เลยรู้ว่ารูปนี้วาดที่อัมพวา“
หล่อนส่งรูปคืนให้กับเจ้าของบ้าน เรื่องของภาพเขียนสีน้ำ ดูเหมือนจะเป็นจิ๊กซอชิ้นที่หล่อนไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ไม่รู้ว่ามันจะเชื่อมกับส่วนไหนบ้าง
“คุณปู่เล็กมีภาพเขียนอื่นๆอีกไหมคะ?”
“ยังมีอีกหลายภาพนะ แต่ลุงยังไม่ได้เอาใส่กรอบ แต่คงต้องขอเวลาลุงรื้อดูก่อน ไว้วันที่หนูมาทำงาน ลุงจะฝากเล็กเขาไว้ให้ เพราะเขาต้องมาอยู่คุมทางนี้เหมือนกัน”
“ขอบคุณ คุณลุงมากค่ะ” หล่อนไหว้เจ้าของบ้าน เรื่องที่หล่อนร้องขอไปนั้นไม่คิดว่าเจ้าของบ้านจะตอบรับด้วยไมตรีขนาดนี้
“ไม่เป็นไร หรอกหนู ถ้าเรื่องนี้จะช่วยให้เรารู้เรื่องของคุณละเอียดมากขึ้นทางนี้ยินดีช่วยเสมอ” คุณราตรี ช่วยสามียืนยันอีกแรง
“ขอบคุณ คุณป้าด้วยค่ะ”
“ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติม บอกผมได้นะครับ” เสียงของวิวัฒน์ เสนอตัวอาสา
หล่อนพยักหน้ารับความหวังดีของเขา โดยไม่ออกเสียง ยังมีอีกเรื่องที่หล่อนยังอยากจะพิสูจน์
“ดิฉันอยากจะไปดูที่ศาลาค่ะ” หญิงสาวขออนุญาตเจ้าของบ้าน
คำขอของหล่อนดูเหมือนจะทำให้ทุกคนนิ่งเงียบกันไปหมด เพราะคราวก่อนหล่อนเป็นลมหมดสติไป ก็เพราะเห็นคุณละเอียดที่ศาลา การร้องขอไปที่ศาลาอีกครั้งคงทำให้ทุกคนในฐานะเจ้าของบ้านอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่หล่อนก็ยังอยากไปให้เห็นอีกสักครั้ง
“เล็ก ไปเป็นเพื่อนหนูวาณีหน่อย” คุณราตรีสั่งลูกชาย
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่ปุ่น พี่ชายดิฉันก็นั่งรออยู่ที่ศาลา”
“ให้เล็กเดินไปเป็นเพื่อนเถอะจ๊ะ มีอะไรจะได้ช่วยกัน”
เมื่อปฏิเสธไม่ได้ หล่อนก็ได้แต่เหลือบมองไปทางชายหนุ่มเห็นเขาเดินนำไปที่ประตูแล้ว หล่อนจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเงียบๆ
------------------------------------------------------