...การบริโภคในประเทศหดตัวจากปัญหากำลังซื้อที่ลดลงกับการเมืองในประเทศ...
ก่อนอื่นขอพูดถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2556 ที่ผ่านมา ผมเชื่อว่าผู้ประกอบการ SME หลายท่านในหลายอุตสาหกรรมคงรู้สึกได้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยมาตั้งแต่ช่วงกลางปีหรือไตรมาสสามเป็นต้นมา ทั้งออเดอร์ลดลง หรือขายของได้ยากขึ้น แถมยังเจอต้นทุนของวัตถุดิบหรือสินค้าที่ซื้อมาปรับตัวสูงขึ้นอีก แต่มันยังไม่จบเพียงเท่านี้ครับเพราะ.......ปีหน้าหนักกว่านี้อีกครับ เอาล่ะ อดีตผ่านไปแล้ว เรามาดูอนาคตปีม้า 2557 กันดีกว่า ว่าพวกเราจะต้องเผชิญอะไรกันบ้างครับ
ตอนนี้มีการคาดการณ์ตัวเลข GDP หรือตัวเลขที่แทนการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศไทยเรา ซึ่งส่วนใหญ่หลายสำนักทั้งไทยและต่างประเทศมองว่าเราจะเติบโตดีกว่าปี 2556 ที่คาดการณ์ว่า GDP ประมาณ 3% โดยปี 2557 คาดว่า GDP จะโตประมาณ 4-5% ฟังดูปีหน้าอาจจะดีกว่านะครับ...แต่พอลองแกะไส้ในดูแล้ว ปรากฏว่า การเติบโตที่แท้จริงจะมาจากภาคการส่งออกเป็นหลัก ซึ่งปีที่ผ่านมาเจอวิบากกรรมมาหนักมาก โดยคาดว่า จะขยายตัวจาก 1% (2556) ---> 5% (2557)
...ส่วนการเติบโตในประเทศ หากดูจากตารางในรูปอาจจะเห็นว่าตัวเลขก็ดูดีนี่นา แต่ทว่ามันเป็นแค่ตัวเลขคาดการณ์เท่านั้น ซึ่งเกิดจากสมมติฐานหรือเหตุการณ์ที่นักวิเคราะห์คิดว่าจะเกิด ซึ่ง ณ ตอนนี้พวกเราก็พอทราบกันว่ามันมีปัจจัยเสี่ยงในประเทศมากมายแค่ไหน...
....เหตุการณ์ทางการเมืองที่ไม่รู้ว่าจะยืดเยื้อไปอีกนานเพียงใด....
การชุมนุมทางการเมือง ปัญหาทางการเมืองเป็นตัวฉุดรั้งโอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยมายาวนานเป็น 10 ปี และยังคงดำเนินต่อไป.....สถานการณ์ตอนนี้เราคงได้แต่ภาวนาให้อย่าเกิดความรุนแรงใด ๆ และรีบยุติภายในเดือนนี้หรือต้นเดือนหน้า มิเช่นนั้นเศรษฐกิจยังคงซบเซาต่อแน่....โดยเฉพาะอย่ามีการปฏิวัติ....
...ปัญหาการเมืองจะส่งผลให้ผู้บริโภคลดการบริโภคใช้จ่าย สินค้าพวกอาหาร ปัจจัยส่ี ผู้ประกอบการคงไม่รู้สึกอะไรมากนัก แต่สินค้าประเภทราคาสูงๆ ผู้บริโภคมักจะชะลอการตัดสินใจซื้อ ส่วนหนึ่งก็เรื่องของอารมณ์(mood) จากการเมืองปัจจุบัน
....เสถียรภาพของรัฐบาลใหม่.....
เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับพวกเราโดยตรง แต่จะเกี่ยวกับเรื่องเม็ดเงินลงทุน และนโยบายหรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่า....ต่างประเทศที่สนใจลงทุนประเทศไทยมีเยอะมาก โดยเฉพาะญี่ปุ่น แต่เขาทำธุรกิจ เขาก็ต้องการความแน่นอนด้วยว่ารัฐบาลมีความมั่นคงหรือยัง?.....ถ้าเปลี่ยนรัฐบาลบ่อย นโยบายก็มักจะเปลี่ยนหรือหยุดชะงัก...
....โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท จะยังคงดำเนินการภายในปีนี้หรือไม่....
2-3 ปีที่ผ่านมา ประเทศเราใช้นโยบายประชานิยมทั้งจำนำข้าว โครงการรถคันแรก ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจและ GDP ของประเทศดูดี แต่ปีที่ผ่านมาไม่ได้มีโครงการอะไรเด่น ๆ ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และปีนี้เราต้องมาจับตาดูว่าโครงการ 2 ล้านล้านบาทนี้ จะยังคงดำเนินต่อไปได้หรือไม่....
....ประเด็นหนึ่งที่กังวลคือ ตัวเลขคาดการณ์ GDP ที่คาดไว้ 4-5% นักวิเคราะห์เขาคิดว่าโครงการ 2 ล้านล้านบาทนี้มันจะยังมีต่อหรือไม่?......บางสำนักบอกชัดเจนว่าดีเลย์ไปอีกหลายปี แต่บางสำนักเข้าใจว่าน่าจะรวมเข้าไป......เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับผู้ประกอบการ หรือ SME อย่างพวกเรามากนักหรอกครับ แค่กังวลว่าถ้าตัวเลขมันไม่จริง มันจะทำให้หลาย ๆ อย่างดูแย่ลงไปอีก
.....นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ/กระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภค.....
....เพราะนโยบายประชานิยมก่อนหน้านี้ ทำให้กำลังซื้อผู้บริโภคหดหายไป ผู้บริโภคใช้จ่ายเกินกำลังซื้อที่แท้จริงของพวกเขาและส่วนใหญ่ต้องก่อหนี้ขึ้นมา ส่งผลให้ตัวเลขภาวะหนี้ครัวเรือน/หนี้ส่วนบุคคลถีบตัวสูงขึ้นจนเป็นเรื่องต้องเฝ้าระวัง....เมื่อเงินในระบบเศรษฐกิจถูกดูดออกไป การจะแก้ไขก็ต้องหวังสองเรื่องคือ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล กับเงินลงทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาหมุนเวียนในเศรษฐกิจบ้านเรา....เศรษฐกิจจึงจะกลับมาสดใสอีกครั้งครับ
ผมขอสรุปว่า ปัญหาจริง ๆ ตอนนี้มีสองประเด็น คือ หนึ่งเรื่องการเมืองที่ไม่แน่นอนว่าจะจบอย่างไร มันส่งผลต่อโครงการ 2 ล้านล้านบาทให้ชะงัก ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว กับสองเรื่องกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ถดถอย ซึ่งก็ต้องหวังให้ข้อหนึ่งมีความชัดเจนซะก่อน
ส่วนประเด็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจต่างประเทศ จะอยู่ในตอนต่อไป โปรดติดตามชมครับ
Mr.BP เรียบเรียง,สรุป และรายงาน
http://on.fb.me/1lK5Ptm
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี2557 ปีม้าดีดกระโหลก
ก่อนอื่นขอพูดถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2556 ที่ผ่านมา ผมเชื่อว่าผู้ประกอบการ SME หลายท่านในหลายอุตสาหกรรมคงรู้สึกได้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยมาตั้งแต่ช่วงกลางปีหรือไตรมาสสามเป็นต้นมา ทั้งออเดอร์ลดลง หรือขายของได้ยากขึ้น แถมยังเจอต้นทุนของวัตถุดิบหรือสินค้าที่ซื้อมาปรับตัวสูงขึ้นอีก แต่มันยังไม่จบเพียงเท่านี้ครับเพราะ.......ปีหน้าหนักกว่านี้อีกครับ เอาล่ะ อดีตผ่านไปแล้ว เรามาดูอนาคตปีม้า 2557 กันดีกว่า ว่าพวกเราจะต้องเผชิญอะไรกันบ้างครับ
ตอนนี้มีการคาดการณ์ตัวเลข GDP หรือตัวเลขที่แทนการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศไทยเรา ซึ่งส่วนใหญ่หลายสำนักทั้งไทยและต่างประเทศมองว่าเราจะเติบโตดีกว่าปี 2556 ที่คาดการณ์ว่า GDP ประมาณ 3% โดยปี 2557 คาดว่า GDP จะโตประมาณ 4-5% ฟังดูปีหน้าอาจจะดีกว่านะครับ...แต่พอลองแกะไส้ในดูแล้ว ปรากฏว่า การเติบโตที่แท้จริงจะมาจากภาคการส่งออกเป็นหลัก ซึ่งปีที่ผ่านมาเจอวิบากกรรมมาหนักมาก โดยคาดว่า จะขยายตัวจาก 1% (2556) ---> 5% (2557)
...ส่วนการเติบโตในประเทศ หากดูจากตารางในรูปอาจจะเห็นว่าตัวเลขก็ดูดีนี่นา แต่ทว่ามันเป็นแค่ตัวเลขคาดการณ์เท่านั้น ซึ่งเกิดจากสมมติฐานหรือเหตุการณ์ที่นักวิเคราะห์คิดว่าจะเกิด ซึ่ง ณ ตอนนี้พวกเราก็พอทราบกันว่ามันมีปัจจัยเสี่ยงในประเทศมากมายแค่ไหน...
....เหตุการณ์ทางการเมืองที่ไม่รู้ว่าจะยืดเยื้อไปอีกนานเพียงใด....
การชุมนุมทางการเมือง ปัญหาทางการเมืองเป็นตัวฉุดรั้งโอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยมายาวนานเป็น 10 ปี และยังคงดำเนินต่อไป.....สถานการณ์ตอนนี้เราคงได้แต่ภาวนาให้อย่าเกิดความรุนแรงใด ๆ และรีบยุติภายในเดือนนี้หรือต้นเดือนหน้า มิเช่นนั้นเศรษฐกิจยังคงซบเซาต่อแน่....โดยเฉพาะอย่ามีการปฏิวัติ....
...ปัญหาการเมืองจะส่งผลให้ผู้บริโภคลดการบริโภคใช้จ่าย สินค้าพวกอาหาร ปัจจัยส่ี ผู้ประกอบการคงไม่รู้สึกอะไรมากนัก แต่สินค้าประเภทราคาสูงๆ ผู้บริโภคมักจะชะลอการตัดสินใจซื้อ ส่วนหนึ่งก็เรื่องของอารมณ์(mood) จากการเมืองปัจจุบัน
....เสถียรภาพของรัฐบาลใหม่.....
เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับพวกเราโดยตรง แต่จะเกี่ยวกับเรื่องเม็ดเงินลงทุน และนโยบายหรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่า....ต่างประเทศที่สนใจลงทุนประเทศไทยมีเยอะมาก โดยเฉพาะญี่ปุ่น แต่เขาทำธุรกิจ เขาก็ต้องการความแน่นอนด้วยว่ารัฐบาลมีความมั่นคงหรือยัง?.....ถ้าเปลี่ยนรัฐบาลบ่อย นโยบายก็มักจะเปลี่ยนหรือหยุดชะงัก...
....โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท จะยังคงดำเนินการภายในปีนี้หรือไม่....
2-3 ปีที่ผ่านมา ประเทศเราใช้นโยบายประชานิยมทั้งจำนำข้าว โครงการรถคันแรก ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจและ GDP ของประเทศดูดี แต่ปีที่ผ่านมาไม่ได้มีโครงการอะไรเด่น ๆ ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และปีนี้เราต้องมาจับตาดูว่าโครงการ 2 ล้านล้านบาทนี้ จะยังคงดำเนินต่อไปได้หรือไม่....
....ประเด็นหนึ่งที่กังวลคือ ตัวเลขคาดการณ์ GDP ที่คาดไว้ 4-5% นักวิเคราะห์เขาคิดว่าโครงการ 2 ล้านล้านบาทนี้มันจะยังมีต่อหรือไม่?......บางสำนักบอกชัดเจนว่าดีเลย์ไปอีกหลายปี แต่บางสำนักเข้าใจว่าน่าจะรวมเข้าไป......เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับผู้ประกอบการ หรือ SME อย่างพวกเรามากนักหรอกครับ แค่กังวลว่าถ้าตัวเลขมันไม่จริง มันจะทำให้หลาย ๆ อย่างดูแย่ลงไปอีก
.....นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ/กระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภค.....
....เพราะนโยบายประชานิยมก่อนหน้านี้ ทำให้กำลังซื้อผู้บริโภคหดหายไป ผู้บริโภคใช้จ่ายเกินกำลังซื้อที่แท้จริงของพวกเขาและส่วนใหญ่ต้องก่อหนี้ขึ้นมา ส่งผลให้ตัวเลขภาวะหนี้ครัวเรือน/หนี้ส่วนบุคคลถีบตัวสูงขึ้นจนเป็นเรื่องต้องเฝ้าระวัง....เมื่อเงินในระบบเศรษฐกิจถูกดูดออกไป การจะแก้ไขก็ต้องหวังสองเรื่องคือ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล กับเงินลงทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาหมุนเวียนในเศรษฐกิจบ้านเรา....เศรษฐกิจจึงจะกลับมาสดใสอีกครั้งครับ
ผมขอสรุปว่า ปัญหาจริง ๆ ตอนนี้มีสองประเด็น คือ หนึ่งเรื่องการเมืองที่ไม่แน่นอนว่าจะจบอย่างไร มันส่งผลต่อโครงการ 2 ล้านล้านบาทให้ชะงัก ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว กับสองเรื่องกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ถดถอย ซึ่งก็ต้องหวังให้ข้อหนึ่งมีความชัดเจนซะก่อน
ส่วนประเด็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจต่างประเทศ จะอยู่ในตอนต่อไป โปรดติดตามชมครับ
Mr.BP เรียบเรียง,สรุป และรายงาน
http://on.fb.me/1lK5Ptm