1. การดูภาพยนตร์ต่างประเทศในความคิดของผม ไม่ใช่แค่การดูเอาความบันเทิง ดูแล้วมานั่งวิจารณ์กันว่าเรื่องนี้ดีตรงไหน ด้อยตรงไหน แต่สิ่งที่ผมดูคือการได้รับรู้เรื่องราวต่างๆที่มีอยู่บนโลกนี้ทั้งหมด ผ่านภาพยนตร์ที่ขึ้นชื่อว่าวงการบันเทิงในความคิดของใครหลายคน แต่ในความคิดของผม ภาพยนตร์คือสารคดีที่ให้ความบันเทิงได้ดีที่สุด เป็นสารคดีที่สอดแทรกความสนุกเข้าไป ไม่เหมือนสารคดีทั่วไปที่เน้นความรู้ด้านวิชาการอย่างเดียว หลายๆคนที่ชอบดูภาพยนตร์อาจไม่ทันได้คิดเพราะมัวแต่สนใจในสิ่งที่ภาพยนตร์สร้างขึ้นมาให้คิด เช่น Inception ที่หลายๆคนชอบเพราะว่าโนแลนด์ ผกก.ที่ทำหนังโดยเน้นเนื้อเรื่องและบทภาพยนตร์ที่เข้มข้น คิดวิเคราะห์ได้สนุก หรือที่หลายๆคนเรียกว่าทำหนังได้ถึงกึ๋นนั่นเอง เป็นต้น
2. โลกของภาพยนตร์ที่สร้างขึ้น ล้วนมาจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในโลกนี้และยังไม่เกิดขึ้นในโลกนี้ เพียงแต่ใส่ความบันเทิงให้มันดูสนุกยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น
- 10000 B.C เป็นภาพยนตร์ที่ผมชอบมากเรื่องนึง หลายๆคนบอกว่าเนื้อเรื่องมันอ่อนเชิงไปหน่อย เรื่องราวต่างๆไม่ค่อยสมเหตุสมผล ซึ่งจุดนั้นก็จริง แต่ในความคิดผม ผมไม่ได้ดูแล้วเอามานั่งวิเคราะห์ว่ามันด้อยจุดไหน ดีจุดไหน แต่มันคือเรื่องราวทางประวัติศาตร์ของคนยุคโบราณ ที่บ่งบอกถึงการใช้ชีวิตของคนยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของชนพื้นเมืองหรือชนผิวขาวก็ตาม เป็นต้น
โลกแห่งจินตนาการของภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นมาภายใต้เรื่องราวต่างๆที่มีอยู่บนโลก ผมว่ามันน่าทึ่งมากๆ เหมือนเราได้ย้อนกลับไปดูชีวิตและอารยธรรมโบราณที่เราๆไม่เคยได้เห็นกันและเกิดไม่ทันช่วงนั้น
- AVATAR เรื่องนี้บ่งบอกถึงความเป็นวิทยาศาตร์ได้ดีที่สุดเรื่องนึงในความคิดผม ทั้งการค้นหา การค้นพบ การทดลอง การใช้เทคโนโลยีในการทดลองเรื่องของธรรมชาติ สิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้น แม้เกาะลอยฟ้าจะเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น แต่เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบนโลกเราปัจจุบัน ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ศิลปะที่สวยงามมากมาย เช่นภาพนี้

- Harry Potter เรื่องราวทางศาสตร์แห่งเวทย์มนต์ที่สร้างขึ้นโดยการใช้สถานที่ที่มีอยู่บนโลกนี้ ตกแต่งและเรียบเรียงเรื่องราวต่างๆให้เป็นโลกแห่งเวทย์มนต์ขึ้นมา และเป็นการสร้างสรรค์จินตนาการได้เพอร์เฟ็กต์มากๆในความคิดผม แม้ภาพยนตร์อาจจะทำให้มันดูดีได้ไม่เท่ากับการอ่านหนังสือแฮรี่ แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากผลงานการจินตนาการทางด้านความคิดของ เจเคโรลว์ลิ่ง ซึ่งหลายๆคนหลงไหลในโลกแห่งเวทย์มนต์ไปแล้วเรียบร้อย(ผมเองก็เป็น1ในนั้น)
3. เรื่องราวต่างๆที่ผมพูดถึงนั้น ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่รวมถึง
- เรื่องราวในอดีตโบราณที่สร้างขึ้น(10000 B.C - Pearl harber - Sherlock homes - Pirates of the carribeans ภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับสงครามทั้งหลาย - ภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับชนพื้นเมือง)
- เรื่องราวในโลกแห่งจินตนาการหรือโลกแห่งความฝัน(Harry potter - ภาพยนตร์อนิเมชั่น - Inception)
- เรื่องราวในโลกปัจจุบัน(หนังแอคชั่น หนังทั่วไป หนังรัก) ภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องราวในปัจจุบันนี้ ผมมองว่าเป็นหนังที่มีรายได้เฉลี่ยต่ำที่สุดแล้วครับ เพราะคนดูส่วนใหญ่ก็อยู่ในโลกปัจจุบัน ทำให้บางครั้งหลายๆคนคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องดูเพราะมันไม่มีอะไรแปลกตาหรือทำให้ตื่นเต้นได้
-เรื่องราวในอนาคต(หนังวิทยาศาสตร์หรือหนังแนวSci-fi)เกือบทั้งหมด(Star war - Transformer - AVATAR)
สังเกตว่าหนังที่สร้างเรื่องราวขึ้นมาจากปัจจุบันและจบที่ปัจจุบันจะไม่ค่อยได้รับความสนใจเท่าที่ควร แสดงว่าหลายๆคนในโลกนี้รวมถึงตัวคุณเองด้วย ที่ไปดูภาพยนตร์ต่างประเทศที่สร้างจากเนื้อเรื่องหรือเรื่องราวต่างๆที่ไม่ใช่ปัจจุบัน มีความคิดแบบเดียวกับผมคือต้องการดูและต้องการเห็นเรื่องราวต่างๆที่
ยังไม่เคยเกิดขึ้นบนโลกปัจจุบันนี้และที่เกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ทั้งโลกแห่งอนาคต โลกแห่งความฝันหรือโลกในอดีตโบราณ
สรุป - ขอให้ทุกท่านสนุกกับการดูภาพยนตร์นะครับ อย่าคิดถึงแต่เรื่องผลประโยชน์อย่างเดียว บางครั้งการดูภาพยนตร์ก็ทำให้เราได้คิดในสิ่งที่เราไม่ได้คิด ได้เห็นในสิ่งที่เราไม่ได้เห็นเหมือนกันนะครับ
การดูภาพยนตร์ต่างประเทศผมมองว่าไม่ใช่แค่ดูเอาสนุกแต่มันคือเรื่องราวที่มีอยู่บนโลกทั้งหมด
2. โลกของภาพยนตร์ที่สร้างขึ้น ล้วนมาจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในโลกนี้และยังไม่เกิดขึ้นในโลกนี้ เพียงแต่ใส่ความบันเทิงให้มันดูสนุกยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น
- 10000 B.C เป็นภาพยนตร์ที่ผมชอบมากเรื่องนึง หลายๆคนบอกว่าเนื้อเรื่องมันอ่อนเชิงไปหน่อย เรื่องราวต่างๆไม่ค่อยสมเหตุสมผล ซึ่งจุดนั้นก็จริง แต่ในความคิดผม ผมไม่ได้ดูแล้วเอามานั่งวิเคราะห์ว่ามันด้อยจุดไหน ดีจุดไหน แต่มันคือเรื่องราวทางประวัติศาตร์ของคนยุคโบราณ ที่บ่งบอกถึงการใช้ชีวิตของคนยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของชนพื้นเมืองหรือชนผิวขาวก็ตาม เป็นต้น
โลกแห่งจินตนาการของภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นมาภายใต้เรื่องราวต่างๆที่มีอยู่บนโลก ผมว่ามันน่าทึ่งมากๆ เหมือนเราได้ย้อนกลับไปดูชีวิตและอารยธรรมโบราณที่เราๆไม่เคยได้เห็นกันและเกิดไม่ทันช่วงนั้น
- AVATAR เรื่องนี้บ่งบอกถึงความเป็นวิทยาศาตร์ได้ดีที่สุดเรื่องนึงในความคิดผม ทั้งการค้นหา การค้นพบ การทดลอง การใช้เทคโนโลยีในการทดลองเรื่องของธรรมชาติ สิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้น แม้เกาะลอยฟ้าจะเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น แต่เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบนโลกเราปัจจุบัน ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ศิลปะที่สวยงามมากมาย เช่นภาพนี้
- Harry Potter เรื่องราวทางศาสตร์แห่งเวทย์มนต์ที่สร้างขึ้นโดยการใช้สถานที่ที่มีอยู่บนโลกนี้ ตกแต่งและเรียบเรียงเรื่องราวต่างๆให้เป็นโลกแห่งเวทย์มนต์ขึ้นมา และเป็นการสร้างสรรค์จินตนาการได้เพอร์เฟ็กต์มากๆในความคิดผม แม้ภาพยนตร์อาจจะทำให้มันดูดีได้ไม่เท่ากับการอ่านหนังสือแฮรี่ แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากผลงานการจินตนาการทางด้านความคิดของ เจเคโรลว์ลิ่ง ซึ่งหลายๆคนหลงไหลในโลกแห่งเวทย์มนต์ไปแล้วเรียบร้อย(ผมเองก็เป็น1ในนั้น)
3. เรื่องราวต่างๆที่ผมพูดถึงนั้น ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่รวมถึง
- เรื่องราวในอดีตโบราณที่สร้างขึ้น(10000 B.C - Pearl harber - Sherlock homes - Pirates of the carribeans ภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับสงครามทั้งหลาย - ภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับชนพื้นเมือง)
- เรื่องราวในโลกแห่งจินตนาการหรือโลกแห่งความฝัน(Harry potter - ภาพยนตร์อนิเมชั่น - Inception)
- เรื่องราวในโลกปัจจุบัน(หนังแอคชั่น หนังทั่วไป หนังรัก) ภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องราวในปัจจุบันนี้ ผมมองว่าเป็นหนังที่มีรายได้เฉลี่ยต่ำที่สุดแล้วครับ เพราะคนดูส่วนใหญ่ก็อยู่ในโลกปัจจุบัน ทำให้บางครั้งหลายๆคนคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องดูเพราะมันไม่มีอะไรแปลกตาหรือทำให้ตื่นเต้นได้
-เรื่องราวในอนาคต(หนังวิทยาศาสตร์หรือหนังแนวSci-fi)เกือบทั้งหมด(Star war - Transformer - AVATAR)
สังเกตว่าหนังที่สร้างเรื่องราวขึ้นมาจากปัจจุบันและจบที่ปัจจุบันจะไม่ค่อยได้รับความสนใจเท่าที่ควร แสดงว่าหลายๆคนในโลกนี้รวมถึงตัวคุณเองด้วย ที่ไปดูภาพยนตร์ต่างประเทศที่สร้างจากเนื้อเรื่องหรือเรื่องราวต่างๆที่ไม่ใช่ปัจจุบัน มีความคิดแบบเดียวกับผมคือต้องการดูและต้องการเห็นเรื่องราวต่างๆที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นบนโลกปัจจุบันนี้และที่เกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ทั้งโลกแห่งอนาคต โลกแห่งความฝันหรือโลกในอดีตโบราณ
สรุป - ขอให้ทุกท่านสนุกกับการดูภาพยนตร์นะครับ อย่าคิดถึงแต่เรื่องผลประโยชน์อย่างเดียว บางครั้งการดูภาพยนตร์ก็ทำให้เราได้คิดในสิ่งที่เราไม่ได้คิด ได้เห็นในสิ่งที่เราไม่ได้เห็นเหมือนกันนะครับ