หากจะพูดว่าแผ่วลงเรื่อยๆแล้วอาจยากจะรับฟังได้ในตอนนี้ที่ดูเหมือนไฟจะ'จุดติด' ..
แต่หากมองให้ดี ให้ถ่องแท้แล้วจะเห็นภาพซ้อนเป็นภาพเดิมๆ เหมือนครั้งกลุ่มเสื้อเหลืองก่อกระแสในสวนลุม ฯ ก่อนรัฐประหาร 2549 ..
ผู้เล่นทีมเดิมที่เคยคิดว่าชนะ
การคัดค้าน พรบ.นิรโทษ มีอยู่ 3 ประเด็นหลักตามความเข้าใจของคนทั่วไป
1. โกงชาติโกงแผ่นดิน
2. ฆาตกร 100 ศพ
3. ม.112
การคัดค้านน่าสังเกตว่า .. เริ่มมีสีสันของคำว่า "โกงชาติ โกงแผ่นดิน" มีมาก มีถี่ มีแน่น ทั้งสังเวียนบนถนน และ สมรภูมิบนเวป
ขณะที่คำว่า "ฆาตกร 100 ศพ" กลับแผ่วเบาอย่างยิ่ง น้อยอย่างยิ่ง
และไม่ต้องพูดถึง ม.112 ที่แทบไม่มีคนพูดถึง ทั้งๆที่นั่งดมกลิ่นสนิมกรงคุกกันมาร่วม 3 ปีแล้ว !
พฤติ บอก เจตนา
ภาพของผู้คัดค้านบรรดามี
1. ราชนิกูล
2. อาจารย์มหาวิทยาลัย
3. หมอ พยาบาล
4. นิสิต นักศึกษา
5. ชนชั้นกลางทั่วไปที่เข้าถึงสื่อออนไลน์ ตามเมืองใหญ่
มีความคึกคักเป็นอย่างยิ่ง
เป็นความคึกคักที่เกิดขึ้นเป็นภาพซ้อนภาพในสวนลุม ก่อน 2549 อย่างช่วยไม่ได้
การทุ่มหมดหน้าตักของ ประชาธิปัตย์ - ปชป จึงไม่น่าแปลกใจแม้แต่น้อย
หนังเรื่องเก่ากำลังกลับมาฉายใหม่
พล็อตเรื่องที่ซ้ำซาก กำลังเริ่มบท
เป็นความรู้สึกหงุดหงิดผิดหวังที่กดทับอารมณ์ความรู้สึกมายาวนานนับแต่การเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่อำนาจรัฐยังอยู่ในมือรัฐบาลของพวก - บ้านนอก !
เก็บกด
ข่มกลั้น
ในฐานะของเสียงที่มีจำนวนน้อยกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้ .. ต่อผู้ที่เคยเย้ยหยันอยู่ในใจมาตลอดทางปัจเจกภาวะทางวัตถุ และสถานภาพในสังคม
นโยบายที่อุ้มชู "บ้านนอก" เหล่านั้น
แม้จะผิดพลาดในระดับปฏิบัติ ควบคุม อยู่บ้าง และแม้โดยหลักคิดแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อรากหญ้ามากก็ตาม .. กลับช่วยกันกระพือความผิดพลาดให้ใหญ่โตด้วยความเกลียดชังด้วยอาการ กุลีกุจอ ยิ่ง !
เป็นความกดทับทางจิตวิญญาณ ที่ความชังเจริญเติบโต และความชอบกลับถดถอยถึงขนาดจะต่ำร้อยเอาในสมัยหน้า
ความฮึกเหิมที่เห็นตามสื่อนี้ย่อมมิใช่ความลำพองใจ
แต่เป็นความหวั่นกลัว
เป็นความหวั่นกลัวว่า สถานภาพที่เคยเย้ยหยันเชิงปัจเจกภาวะทางวัตถุธรรมนี้ในที่สุดแล้วจะถูกเกลี่ยจนมีความใกล้เคียงกันกับตนเองในสักวันหนึ่ง !
การเฉลี่ย เกลี่ยระดับความแตกต่างลงไปด้วยงบมหาศาลจึงถูกตีฟองด้วย คำว่า หนี้ 50 ปี !
เป็นความหวั่นกลัว จนแทบเป็นความหวาดกลัว ที่ความชอบจะถดถอยจนแคระแกรนไปในที่สุด และความชังจะเติบโตเบ่งบานไปทุกหัวระแหง จนแม้ในที่สุด สิ่งเคารพในแต่ละบ้านอาจจะถูกเปลี่ยน !
เมื่อการต่อสู้ด้วยวิถีแห่งอารยะ ไม่มีโอกาสชนะแม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียว ไม่แม้แต่จะสูสี .. วิถีแห่งถ่อย

ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงยาก !
วิธีที่ง่ายที่สุด และอาจจะได้ผลที่สุดในการรับมือกับคำว่า "เหตุผล" คือ การไม่ฟัง หูปิด ตาปิด สมองดับ !
กรณี "โกงชาติโกงแผ่นดิน" รวมทั้ง "เผาบ้านเผาเมือง" ก็จะอยู่ในลักษณาการนี้ คือ ไม่ฟัง หูปิด ตาปิด สมองดับ !
และหากการเมืองของสังคมเชื่องเชื่อนี้ถึงทางตัน
เกิดต้องเลือกตั้งกันใหม่
ความชัง ก็จะยังชนะได้ไม่ยากเย็น เรียกว่าต่อ 10:1 ยังหาคนรองยาก !
ตกลงแล้ว ..
มันเป็นความชอบ ของใคร ?
และเป็นความชัง ของใคร ?
ความชอบ ของฆาตกร 100 ศพ
และความชังของ โกงชาติโกงแผ่นดิน
หรือมิใช่ ?
การกดทับทางจิตวิญญาณนี้ หลังจากเกิดมาแล้วตั้งแต่ 2544 ยังไม่เคยผ่อนคลายได้เลย
เป็นการกดทับที่ปลายยุคสมัยแห่งความว้าเหว่ของที่พึ่งพิงทางใจ
จึงจำต้องปลุกปลอบใจเภทพันธุ์เดียวกันด้วยคำเรียกหาต่อท้ายชื่อ ว่า
"รักคนดี"
ใครใช้ชื่อ นายแดง .. ก็ต้องเป็น .. นายแดงรักคนดี
ใครใช้ชื่อ เทวดา .. ก็ต้องต่อท้ายชื่อเป็น .. เทวดารักคนดี
ใครใช้ชื่อ ขั่วชาติ .. ก็ต้องเป็น .. ชั่วชาติรักคนดี
การร่วมนามสกุลกัน แปลว่านับญาติกันแล้ว รักกันแล้ว มีที่พึ่งพิงทางใจเดียวกันคือ คนดี
และมีเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่เป็นคนดีได้
อันเนื่องมาจากการเรียนการสอนแบบ ก ข ค ง จ
ของแบบแผนแบบ "ไทยๆ" คือ มีคำตอบสำเร็จรูปให้เลือกกา
ดังนั้นแล้ว .. การใช้ความคิดเพื่อลากโยงเรื่องราวมาหาคำตอบเป็นเรื่องที่แทบจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย
และคงเป็นเช่นนี้ไปอีกนาน !
O ลมหายใจแห่งอำนาจนิยม
พลิ้วผ่านทุกปรารมภ์เกินข่มขับ
แนบอยู่ในสำนึกอย่างลึกลับ
ทั้งตื่นหลับเหนื่อยอ่อนเกินซ่อนไว้
O รูปนาม, ความโดดเดี่ยว, ความเปลี่ยวเปล่า
แทรกความเหงาเงียบรุมลงสุมใส่
ภาพวันวาน-แววตาแสนอาลัย
ค่อยค่อยไหวเวียนวก .. ในอกคน
O รูปนาม, ปวงความคิด, ความบิดเบือน-
จึงแล่นเลื่อนล้อมแหล่งทุกแห่งหน
ลมหายใจเหนื่อยอ่อนเคยร้อนรน-
ยังอุ่นล้นด้วยเลศแห่งเพทนา
O ถูก, ผิด .. ตลอดสายจวบปลายยุค
คงเคล้า-คลุก .. ครอบเมืองอยู่เบื้องหน้า
ด้วยอัตตายึดมั่นคอยบัญชา
อยู่คอยท้าทายสมัย .. เหมือนไฟฟอน
O ถูก, ผิด .. ตลอดสายจวบปลายวัย
ถ้วนเลศนัย-ยังเห็นเกินเร้นซ่อน
ทั้งโวหารภาพพจน์ทุกบทตอน
ยังสะท้อนธาตุแท้เกินแก้ .. คลาย
O ลมหายใจเหนื่อยอ่อนแม้นอ่อนล้า
หากแววตาทั้งดวงยังช่วงฉาย
มองโลกในเบื้องหน้าอย่างท้าทาย
เย้ย-แดดสายโลมไล้อยู่ในวัน
O สายลมแสนอบอุ่นยังหมุนรอบ
เข้าปลุกปลอบความหวังให้ตั้งมั่น
นกร้อง, คลื่นลมร่ำ, ความรำพัน-
เพรียกความฝันทุกบท .. เป็นบทเดียว !
O เกิดขึ้น, สำหรับ เพื่อดับไป
เยี่ยงต้นน้ำจากไพรอันไหลเชี่ยว
ถึงที่ราบ-ทั้งสายย่อมคลายเกลียว-
การยึดเหนี่ยว-รวมอณู .. ย่อมรู้เลือน
O เกิดขึ้น, ตั้งอยู่ ย่อมรู้ดับ
แม้นหมื่นแสนสับปลับจะขับเคลื่อน-
เข้าต่อต้านด้วยฤทธิ์ความบิดเบือน
การแล่นเลื่อนภพชาติ ฤาอาจยั้ง ?
O โอ .. คำ, ความฉกฉวย .. ร่วมอวย - แว่ว
งามผ่องแผ้วแห่งสุคนธ์ .. จึงล้นหลั่ง-
คันธารสหวานล้ำ-เร่งกำลัง
แทรกแฝง-ฝัง .. รมย์รื่นให้ตื่นตัว
O ลมหายใจเหนื่อยอ่อน .. ยังอ่อนล้า
หากเบื้องหน้ายามนั้น .. เงียบงัน-ทั่ว
สดใสทั้งฟ้าบนเคยหม่นมัว
เปลี่ยน-เพียงชั่วน้ำระยับพลิ้วกับลม
O สายลมแสนอบอุ่น .. ยังหนุนเนื่อง
บรรดาเรื่องถ้วนสรรพยังทับถม
สายน้ำยังไหลบ่า, ถ้วนปรารมภ์-
กลับค่อยล่มเลือนลับ .. อยู่กับกาล
O โอ .. คำ, ความร่วมช่วย .. ยังอวย - แจ้ว
ลมยังแผ่ว .. ยังพลิ้วเป็นริ้วผ่าน-
โลมไล้รูปอาชญาบรรณาการ-
ประดิษฐานดีชั่ว .. ขึ้นยั่วเย้ย !
O ลมหายใจ .. แห่งอำนาจนิยม .. O
หากจะพูดว่าแผ่วลงเรื่อยๆแล้วอาจยากจะรับฟังได้ในตอนนี้ที่ดูเหมือนไฟจะ'จุดติด' ..
แต่หากมองให้ดี ให้ถ่องแท้แล้วจะเห็นภาพซ้อนเป็นภาพเดิมๆ เหมือนครั้งกลุ่มเสื้อเหลืองก่อกระแสในสวนลุม ฯ ก่อนรัฐประหาร 2549 ..
ผู้เล่นทีมเดิมที่เคยคิดว่าชนะ
การคัดค้าน พรบ.นิรโทษ มีอยู่ 3 ประเด็นหลักตามความเข้าใจของคนทั่วไป
1. โกงชาติโกงแผ่นดิน
2. ฆาตกร 100 ศพ
3. ม.112
การคัดค้านน่าสังเกตว่า .. เริ่มมีสีสันของคำว่า "โกงชาติ โกงแผ่นดิน" มีมาก มีถี่ มีแน่น ทั้งสังเวียนบนถนน และ สมรภูมิบนเวป
ขณะที่คำว่า "ฆาตกร 100 ศพ" กลับแผ่วเบาอย่างยิ่ง น้อยอย่างยิ่ง
และไม่ต้องพูดถึง ม.112 ที่แทบไม่มีคนพูดถึง ทั้งๆที่นั่งดมกลิ่นสนิมกรงคุกกันมาร่วม 3 ปีแล้ว !
พฤติ บอก เจตนา
ภาพของผู้คัดค้านบรรดามี
1. ราชนิกูล
2. อาจารย์มหาวิทยาลัย
3. หมอ พยาบาล
4. นิสิต นักศึกษา
5. ชนชั้นกลางทั่วไปที่เข้าถึงสื่อออนไลน์ ตามเมืองใหญ่
มีความคึกคักเป็นอย่างยิ่ง
เป็นความคึกคักที่เกิดขึ้นเป็นภาพซ้อนภาพในสวนลุม ก่อน 2549 อย่างช่วยไม่ได้
การทุ่มหมดหน้าตักของ ประชาธิปัตย์ - ปชป จึงไม่น่าแปลกใจแม้แต่น้อย
หนังเรื่องเก่ากำลังกลับมาฉายใหม่
พล็อตเรื่องที่ซ้ำซาก กำลังเริ่มบท
เป็นความรู้สึกหงุดหงิดผิดหวังที่กดทับอารมณ์ความรู้สึกมายาวนานนับแต่การเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่อำนาจรัฐยังอยู่ในมือรัฐบาลของพวก - บ้านนอก !
เก็บกด
ข่มกลั้น
ในฐานะของเสียงที่มีจำนวนน้อยกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้ .. ต่อผู้ที่เคยเย้ยหยันอยู่ในใจมาตลอดทางปัจเจกภาวะทางวัตถุ และสถานภาพในสังคม
นโยบายที่อุ้มชู "บ้านนอก" เหล่านั้น
แม้จะผิดพลาดในระดับปฏิบัติ ควบคุม อยู่บ้าง และแม้โดยหลักคิดแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อรากหญ้ามากก็ตาม .. กลับช่วยกันกระพือความผิดพลาดให้ใหญ่โตด้วยความเกลียดชังด้วยอาการ กุลีกุจอ ยิ่ง !
เป็นความกดทับทางจิตวิญญาณ ที่ความชังเจริญเติบโต และความชอบกลับถดถอยถึงขนาดจะต่ำร้อยเอาในสมัยหน้า
ความฮึกเหิมที่เห็นตามสื่อนี้ย่อมมิใช่ความลำพองใจ
แต่เป็นความหวั่นกลัว
เป็นความหวั่นกลัวว่า สถานภาพที่เคยเย้ยหยันเชิงปัจเจกภาวะทางวัตถุธรรมนี้ในที่สุดแล้วจะถูกเกลี่ยจนมีความใกล้เคียงกันกับตนเองในสักวันหนึ่ง !
การเฉลี่ย เกลี่ยระดับความแตกต่างลงไปด้วยงบมหาศาลจึงถูกตีฟองด้วย คำว่า หนี้ 50 ปี !
เป็นความหวั่นกลัว จนแทบเป็นความหวาดกลัว ที่ความชอบจะถดถอยจนแคระแกรนไปในที่สุด และความชังจะเติบโตเบ่งบานไปทุกหัวระแหง จนแม้ในที่สุด สิ่งเคารพในแต่ละบ้านอาจจะถูกเปลี่ยน !
เมื่อการต่อสู้ด้วยวิถีแห่งอารยะ ไม่มีโอกาสชนะแม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียว ไม่แม้แต่จะสูสี .. วิถีแห่งถ่อย
วิธีที่ง่ายที่สุด และอาจจะได้ผลที่สุดในการรับมือกับคำว่า "เหตุผล" คือ การไม่ฟัง หูปิด ตาปิด สมองดับ !
กรณี "โกงชาติโกงแผ่นดิน" รวมทั้ง "เผาบ้านเผาเมือง" ก็จะอยู่ในลักษณาการนี้ คือ ไม่ฟัง หูปิด ตาปิด สมองดับ !
และหากการเมืองของสังคมเชื่องเชื่อนี้ถึงทางตัน
เกิดต้องเลือกตั้งกันใหม่
ความชัง ก็จะยังชนะได้ไม่ยากเย็น เรียกว่าต่อ 10:1 ยังหาคนรองยาก !
ตกลงแล้ว ..
มันเป็นความชอบ ของใคร ?
และเป็นความชัง ของใคร ?
ความชอบ ของฆาตกร 100 ศพ
และความชังของ โกงชาติโกงแผ่นดิน
หรือมิใช่ ?
การกดทับทางจิตวิญญาณนี้ หลังจากเกิดมาแล้วตั้งแต่ 2544 ยังไม่เคยผ่อนคลายได้เลย
เป็นการกดทับที่ปลายยุคสมัยแห่งความว้าเหว่ของที่พึ่งพิงทางใจ
จึงจำต้องปลุกปลอบใจเภทพันธุ์เดียวกันด้วยคำเรียกหาต่อท้ายชื่อ ว่า
"รักคนดี"
ใครใช้ชื่อ นายแดง .. ก็ต้องเป็น .. นายแดงรักคนดี
ใครใช้ชื่อ เทวดา .. ก็ต้องต่อท้ายชื่อเป็น .. เทวดารักคนดี
ใครใช้ชื่อ ขั่วชาติ .. ก็ต้องเป็น .. ชั่วชาติรักคนดี
การร่วมนามสกุลกัน แปลว่านับญาติกันแล้ว รักกันแล้ว มีที่พึ่งพิงทางใจเดียวกันคือ คนดี
และมีเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่เป็นคนดีได้
อันเนื่องมาจากการเรียนการสอนแบบ ก ข ค ง จ
ของแบบแผนแบบ "ไทยๆ" คือ มีคำตอบสำเร็จรูปให้เลือกกา
ดังนั้นแล้ว .. การใช้ความคิดเพื่อลากโยงเรื่องราวมาหาคำตอบเป็นเรื่องที่แทบจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย
และคงเป็นเช่นนี้ไปอีกนาน !
O ลมหายใจแห่งอำนาจนิยม
พลิ้วผ่านทุกปรารมภ์เกินข่มขับ
แนบอยู่ในสำนึกอย่างลึกลับ
ทั้งตื่นหลับเหนื่อยอ่อนเกินซ่อนไว้
O รูปนาม, ความโดดเดี่ยว, ความเปลี่ยวเปล่า
แทรกความเหงาเงียบรุมลงสุมใส่
ภาพวันวาน-แววตาแสนอาลัย
ค่อยค่อยไหวเวียนวก .. ในอกคน
O รูปนาม, ปวงความคิด, ความบิดเบือน-
จึงแล่นเลื่อนล้อมแหล่งทุกแห่งหน
ลมหายใจเหนื่อยอ่อนเคยร้อนรน-
ยังอุ่นล้นด้วยเลศแห่งเพทนา
O ถูก, ผิด .. ตลอดสายจวบปลายยุค
คงเคล้า-คลุก .. ครอบเมืองอยู่เบื้องหน้า
ด้วยอัตตายึดมั่นคอยบัญชา
อยู่คอยท้าทายสมัย .. เหมือนไฟฟอน
O ถูก, ผิด .. ตลอดสายจวบปลายวัย
ถ้วนเลศนัย-ยังเห็นเกินเร้นซ่อน
ทั้งโวหารภาพพจน์ทุกบทตอน
ยังสะท้อนธาตุแท้เกินแก้ .. คลาย
O ลมหายใจเหนื่อยอ่อนแม้นอ่อนล้า
หากแววตาทั้งดวงยังช่วงฉาย
มองโลกในเบื้องหน้าอย่างท้าทาย
เย้ย-แดดสายโลมไล้อยู่ในวัน
O สายลมแสนอบอุ่นยังหมุนรอบ
เข้าปลุกปลอบความหวังให้ตั้งมั่น
นกร้อง, คลื่นลมร่ำ, ความรำพัน-
เพรียกความฝันทุกบท .. เป็นบทเดียว !
O เกิดขึ้น, สำหรับ เพื่อดับไป
เยี่ยงต้นน้ำจากไพรอันไหลเชี่ยว
ถึงที่ราบ-ทั้งสายย่อมคลายเกลียว-
การยึดเหนี่ยว-รวมอณู .. ย่อมรู้เลือน
O เกิดขึ้น, ตั้งอยู่ ย่อมรู้ดับ
แม้นหมื่นแสนสับปลับจะขับเคลื่อน-
เข้าต่อต้านด้วยฤทธิ์ความบิดเบือน
การแล่นเลื่อนภพชาติ ฤาอาจยั้ง ?
O โอ .. คำ, ความฉกฉวย .. ร่วมอวย - แว่ว
งามผ่องแผ้วแห่งสุคนธ์ .. จึงล้นหลั่ง-
คันธารสหวานล้ำ-เร่งกำลัง
แทรกแฝง-ฝัง .. รมย์รื่นให้ตื่นตัว
O ลมหายใจเหนื่อยอ่อน .. ยังอ่อนล้า
หากเบื้องหน้ายามนั้น .. เงียบงัน-ทั่ว
สดใสทั้งฟ้าบนเคยหม่นมัว
เปลี่ยน-เพียงชั่วน้ำระยับพลิ้วกับลม
O สายลมแสนอบอุ่น .. ยังหนุนเนื่อง
บรรดาเรื่องถ้วนสรรพยังทับถม
สายน้ำยังไหลบ่า, ถ้วนปรารมภ์-
กลับค่อยล่มเลือนลับ .. อยู่กับกาล
O โอ .. คำ, ความร่วมช่วย .. ยังอวย - แจ้ว
ลมยังแผ่ว .. ยังพลิ้วเป็นริ้วผ่าน-
โลมไล้รูปอาชญาบรรณาการ-
ประดิษฐานดีชั่ว .. ขึ้นยั่วเย้ย !