รถผม Honda Civic รุ่น 1.8 fd ปี 2008
1. หัวฉีดอุดตัน เมื่อประมาณ ก.ค. 2556 ( กลางปีที่แล้ว ) ช่างบอกว่ารุ้นนี้ เกิดจากการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล ทั้งๆที่โฆษณาว่าใช้ E20 ได้
แต่เพราะความผิดพลาดของ Honda เอง เลยต้องยืดอายุรับประกันออกไปจาก 3 ปี เป็น 7 ปี ( ท่าจำไม่ผืด ) ซึ่งช่างเคลมว่า เปลี่ยนให้
ใหม่ทั้ง 4 หัวฉีดแล้ว ( อาการก่อนเปลี่ยนคือ ขับๆไปรอบตก เครื่องทำท่าจะดับตลอดเวลา ผมต้องทนขับฝืนแบบประคองๆ กว่าจะถึง
ศูนย์ น่าจะเกือบ 10 กม. ไม่รู้ว่าส่งผลอย่างไรกับเครื่องยนต์บ้าง )
2. ถัดมาอีกประมาณ 3 เดือนคือ ( ต.ค. 56 ) เครื่องยนต์ความร้อนขึ้นถึงขีดสุด ผมต้องประคองขับแบบนั้นมาเกือบ 10 กม. แล้วพักกลางทาง
รอจนเครื่องยนต์เย็นตัวลงประมา๊ณชั่วโมงครี่ง จึงเตืมน้ำ และความร้อนอยู๋ในระดับปกติ จึงขับต่อไปอีกประมาณ 5 กม. ช่างแจ้งว่าเครื่องยนต์
ไม่เป็นอะไร หม้อน้ำไม่เป็นอะไร แค่พัดลมระบายอากาศเสีย จึงทำการเปลี่ยน
3. ทำสีรอบคัน
ป.ล. เมื่อสักเดือนที่แล้ว ( ธ.ค. 56 ) รถเกิดอาการรอบเครื่องตก แต่ไม่หนักเท่าข้อหนึ่ง เป็นอยู๋วันเดียว แล้วก็หายไป มาวันนี้ สตาร์ทรถ ขับออกมาได้
ประมาณ 5 นาที หรือ 2 กม. รถเกิดดับเอง ผมตกใจมาก ตอนแรกไม่รู้ว่าเครื่องยนต์ดับ เ้พราะอยู๋ดีๆ บังคับพวงมาลัยไม่ได้ ท่ามาเร็วๆ ไม่อยากจะคืดเลยคับ
ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันอันตรายมากจิงๆ เพื่อนๆลองนึกภาพตามดูสิคับ เพราะตอนนั้นเป็นช่วงที่ผมต้องเลั้ยวรถพอดี แต่เลี้ยวไม่ได้ เลยตั้งสติ แล้วมองที่จอ
แสดงผล ปรากฎว่า สัญลักษณ์ Batt. มันขึ้น เหมือนตอนที่ยังไม่สตาร์ทไม่รถ เลยค่อยๆแตะเบรค เปิดไฟฉุกเฉิน และเข้าเกียร์ N ( ดีนะคับที่เป็นวันหยุดด้วย
รถเลยไม่เยอะ ) แล้วก็สตาร์ทรถอีกครั้ง ปรากฎว่าสตาร์ทติด ผมเลยขับประคองๆ เข้าที่จอด และยังไม่กล้าขับไปไหนไกลๆ
เพื่ิอนว่า มันเกิดจากสาเหตุอะไรอ่ะคับ ที่เครื่องยนต์มันดับเอง จาก 1 หรือ 2 หรือ 3 หรืออื่นๆคับ รบกวนด้วยนะคับ
เครื่ิองยนต์(ดับเอง) !!! ( Honda Civic 1.8 Fd ปี 2008 )
1. หัวฉีดอุดตัน เมื่อประมาณ ก.ค. 2556 ( กลางปีที่แล้ว ) ช่างบอกว่ารุ้นนี้ เกิดจากการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล ทั้งๆที่โฆษณาว่าใช้ E20 ได้
แต่เพราะความผิดพลาดของ Honda เอง เลยต้องยืดอายุรับประกันออกไปจาก 3 ปี เป็น 7 ปี ( ท่าจำไม่ผืด ) ซึ่งช่างเคลมว่า เปลี่ยนให้
ใหม่ทั้ง 4 หัวฉีดแล้ว ( อาการก่อนเปลี่ยนคือ ขับๆไปรอบตก เครื่องทำท่าจะดับตลอดเวลา ผมต้องทนขับฝืนแบบประคองๆ กว่าจะถึง
ศูนย์ น่าจะเกือบ 10 กม. ไม่รู้ว่าส่งผลอย่างไรกับเครื่องยนต์บ้าง )
2. ถัดมาอีกประมาณ 3 เดือนคือ ( ต.ค. 56 ) เครื่องยนต์ความร้อนขึ้นถึงขีดสุด ผมต้องประคองขับแบบนั้นมาเกือบ 10 กม. แล้วพักกลางทาง
รอจนเครื่องยนต์เย็นตัวลงประมา๊ณชั่วโมงครี่ง จึงเตืมน้ำ และความร้อนอยู๋ในระดับปกติ จึงขับต่อไปอีกประมาณ 5 กม. ช่างแจ้งว่าเครื่องยนต์
ไม่เป็นอะไร หม้อน้ำไม่เป็นอะไร แค่พัดลมระบายอากาศเสีย จึงทำการเปลี่ยน
3. ทำสีรอบคัน
ป.ล. เมื่อสักเดือนที่แล้ว ( ธ.ค. 56 ) รถเกิดอาการรอบเครื่องตก แต่ไม่หนักเท่าข้อหนึ่ง เป็นอยู๋วันเดียว แล้วก็หายไป มาวันนี้ สตาร์ทรถ ขับออกมาได้
ประมาณ 5 นาที หรือ 2 กม. รถเกิดดับเอง ผมตกใจมาก ตอนแรกไม่รู้ว่าเครื่องยนต์ดับ เ้พราะอยู๋ดีๆ บังคับพวงมาลัยไม่ได้ ท่ามาเร็วๆ ไม่อยากจะคืดเลยคับ
ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันอันตรายมากจิงๆ เพื่อนๆลองนึกภาพตามดูสิคับ เพราะตอนนั้นเป็นช่วงที่ผมต้องเลั้ยวรถพอดี แต่เลี้ยวไม่ได้ เลยตั้งสติ แล้วมองที่จอ
แสดงผล ปรากฎว่า สัญลักษณ์ Batt. มันขึ้น เหมือนตอนที่ยังไม่สตาร์ทไม่รถ เลยค่อยๆแตะเบรค เปิดไฟฉุกเฉิน และเข้าเกียร์ N ( ดีนะคับที่เป็นวันหยุดด้วย
รถเลยไม่เยอะ ) แล้วก็สตาร์ทรถอีกครั้ง ปรากฎว่าสตาร์ทติด ผมเลยขับประคองๆ เข้าที่จอด และยังไม่กล้าขับไปไหนไกลๆ
เพื่ิอนว่า มันเกิดจากสาเหตุอะไรอ่ะคับ ที่เครื่องยนต์มันดับเอง จาก 1 หรือ 2 หรือ 3 หรืออื่นๆคับ รบกวนด้วยนะคับ