สวัสดีครับเพื่อนๆ สืบเนื่องจากกระทู้นี้
http://pantip.com/topic/31462968 และอีกหลายกระทู้ที่ตามอ่านๆ ประสบการณ์ของแต่ละคนที่เอามาแชร์กัน ตอนแรกตั้งใจว่าจะเอาประสบการณ์ตัวเองมาแชร์นานแล้วแต่อย่างว่าแหล่ะครับบางครั้งประสบการณ์ที่มันล้มเหลวก็ไม่มีใครอยากแชร์ให้คนอื่นรู้ แต่!มีกฎของคนอรวยข้อหนึ่งบอกไว้ว่าต้องกล้าที่จะประกาศความล้มเหลวของตัวเองให้คนอื่นรู้ถึงจะถือว่าเป็นคนรวยจริง
หมายเหตุ...กระทู้นี้ขออนุญาตไม่ลงรูปร้านนะครับเกรงว่าจะกระทบกับหลายอย่าง หากต้องการทราบพิกัดร้านหลังไมค์มาถามได้ครับ
เริ่มจากวันที่ 28 เดือนธันวาคม 2555 ผมก็เป็นอิสระภาพจากการเป็นมนุษย์เงินเดือนด้วยการยื่นใบลาออกในวันสุดท้ายของการทำงานโดยขณะนั้นตำแหน่งผมคือผช.ผจก.ในวัย 34 ปี เงินเดือน 4 หมื่นต้นๆ ด้วยความที่ผมทำงานตั้งแต่จบปวส.เป็นช่างเทคนิคอาศัยเรียนเอกชนเสาร์อาทิตย์จนจบปริญญาตรีเลยมีประสบการณ์ทำงานโรงงานจนถึงปัจจุบันก็ 15 ปีแล้วครับ ช่วงทำงานมีเวลาว่างก็จับกลุ่มคุยกันในหมู่พี่ๆ,เพื่อนๆ ที่ทำงานด้วยกันวันแล้ววันเล่าเฝ้าแต่คุย สุดท้ายล่วงเลยมา 10 กว่าปีไม่มีอะไรนอกจากเป็นมนุษย์เงินเดือนเช้าตื่นนอนทำงานเย็นกลับบ้านกินข้าวอาบน้ำดูละครนอนชีวิตวนลูปเดจาวูไปเรื่อยๆ
ก่อนจะเล่าต่อขอแสดง Status กับฐานะสักนิดก่อนนะครับ...
แต่งงานแล้วภรรยามีแล้วลูกก็มีแล้ว 2 คน(ข้อมูลนี้ที่จริงไม่อยากเปิดเผยคิดอยู่นานว่าจะบอกดีมั๊ย555) เอาหนี้ที่มีนะปัจจุบันบ้าน 1 หลังยังเหลืออีกส่งอีก 25 ปี(แต่ตั้งใจว่าจะส่งให้หมดก่อน)ประมาณ 1.9 ล้าน , รถ 1 คันเหลือส่งอีก 2 ปี ประมาณ 3 แสน(ขายคันเก่าใช้มา 9 ปีเอาไปดาวน์เยอะส่งน้อยปีไม่อยากเป็นหนี้นาน) , เงินกู้มาลงทุน 2 แสน เหลือ 1.7 ปี เงินยืมพี่สาวนิดหน่อย 1 แสน รวมแล้วประมาณ 2.5 ล้านจิ๊บๆ ถ้าเทียบกับคนอื่นครับ ค่าใช้จ่ายคงที่ต่อเดือนที่ต้องจ่ายอยู่ที่ประมาณ 3.5 หมื่น ค่าใช้จ่ายในครอบครัวประมาณ 1 หมื่นนิดๆ(คิดถ้วนไปง่ายดี) รวมค่าใช้จ่ายทั้งเดือนต้องมีประมาณ 4.5 หมื่นถึงจะอยู่ได้ เท่ากับว่าเงินเดือนผมสามารถเลี้ยงครอบครัวได้ โดยเอาเงินเดือนแฟนผมประมาณ 1.6 หมื่นเป็นเงินเก็บออม ถ้า!ผมไม่ลงทุนทำกิจการนะ ผมไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่ครับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพื่อนหลายๆคนถามว่าทำไมผมบอกว่าอย่างน้อยยังมีเรื่องให้คุยได้ว่ามีดีอยู่ 2 เรื่องคือไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่ นอกนั้นเสียหมด5555…. ที่จริงผมยังหาเหตุผลไม่ได้ว่ากินกับสูบไปทำไมก็เลยไม่กินไม่สูบครับ นิสัยผมคือชอบสงสัย(ทุกเรื่อง) และทุกอย่างต้องมีเหตุและผลเสมอครับ
กลับมาเรื่องลาออกต่อสาเหตุที่ผมลาออกเพราะด้วยความที่นิสัยส่วนตัวเวลาทำงานแล้วอยากให้ผลงานออกมาดีทุกอย่างต้องจับต้องได้บริษัทต้องพัฒนาก้าวไปข้างหน้า แต่ด้วยลำพังตัวคนเดียวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เพราะงานบริษัทต้องไปกันเป็นทีม ด้วยความที่คนอื่นไม่พัฒนาแถมยังคอยแทงข้างหลังช่างประจบเอาใจเจ้านายอีก นายญี่ปุ่นชวนไปปาร์ตี้บังคับให้กินเหล้าผมก็ไม่กิน ผมเลยพิจารณาตัวเองว่าไม่มีความสามารถที่จะพัฒนาบริษัทได้เลยขอลาออกเพื่อเปิดโอกาสให้คนที่มีความสามารถมากกว่าผมเข้ามาทำงานและพัฒนาบริษัท
ตอนที่จะลาออกที่บ้านก็ไม่มีใครว่าภรรยา,แม่,พี่น้องแต่ก็บอกๆ ว่าให้หาอะไรทำซะเพราะมีภาระต้องจ่ายต้องกินต้องใช้ ช่วงเริ่มต้นปีใหม่คนในระแวกที่อาศัยไปทำงานตามปกติแต่ชีวิตผมเปลี่ยนไปผมต้องตื่นไปส่งลูกขึ้นรถโรงเรียนรอรับกลับตอนเย็นชีวิตช่วงนั้นรู้สึกว่ามีเวลาให้ลูกมากขึ้นลูกๆ ชอบและรู้สึกว่ามีความสุขที่ได้เห็นการเจริญเติบโตและการเรียนรู้ของลูก ได้พูดคุยกับแม่มากขึ้น ช่วงว่างระหว่างวันนั่งมองโอกาสธุรกิจติดต่อไปหลายๆ ที่แต่ยังไม่ลงตัวกับที่ไหนสักแห่งเพราะเงืนทุนไม่เอื้ออำนวยเพราะได้โบนัสก่อนลาออกมาแสนกว่าบาทส่วนหนึ่งออมให้ลูกไปและบางส่วนให้แม่ตัวเองและภรรยา ขนาดธุรกิจ 7-11 ผมยังเคยไปสัมมนากับพี่สาวมา 2 ครั้งโดยใช้หลักทรัพย์พี่สาวยื่นไปเพื่อเข้าร่วมสัมนาแต่ด้วยความที่ทุนมีไม่พอเลยไม่ได้ทำครับ เดี๋ยวปิดร้านกลับบ้านก่อนนะครับ ถึงบ้านแล้วจะมาต่อครับ.....
ประสบการณ์ชีวิต...เอามาแชร์(กันซะก่อน(ก่อนที่จะไม่ได้แชร์)เพื่อเป็นกำลังใจให้หลายคนครับ
หมายเหตุ...กระทู้นี้ขออนุญาตไม่ลงรูปร้านนะครับเกรงว่าจะกระทบกับหลายอย่าง หากต้องการทราบพิกัดร้านหลังไมค์มาถามได้ครับ
เริ่มจากวันที่ 28 เดือนธันวาคม 2555 ผมก็เป็นอิสระภาพจากการเป็นมนุษย์เงินเดือนด้วยการยื่นใบลาออกในวันสุดท้ายของการทำงานโดยขณะนั้นตำแหน่งผมคือผช.ผจก.ในวัย 34 ปี เงินเดือน 4 หมื่นต้นๆ ด้วยความที่ผมทำงานตั้งแต่จบปวส.เป็นช่างเทคนิคอาศัยเรียนเอกชนเสาร์อาทิตย์จนจบปริญญาตรีเลยมีประสบการณ์ทำงานโรงงานจนถึงปัจจุบันก็ 15 ปีแล้วครับ ช่วงทำงานมีเวลาว่างก็จับกลุ่มคุยกันในหมู่พี่ๆ,เพื่อนๆ ที่ทำงานด้วยกันวันแล้ววันเล่าเฝ้าแต่คุย สุดท้ายล่วงเลยมา 10 กว่าปีไม่มีอะไรนอกจากเป็นมนุษย์เงินเดือนเช้าตื่นนอนทำงานเย็นกลับบ้านกินข้าวอาบน้ำดูละครนอนชีวิตวนลูปเดจาวูไปเรื่อยๆ
ก่อนจะเล่าต่อขอแสดง Status กับฐานะสักนิดก่อนนะครับ...
แต่งงานแล้วภรรยามีแล้วลูกก็มีแล้ว 2 คน(ข้อมูลนี้ที่จริงไม่อยากเปิดเผยคิดอยู่นานว่าจะบอกดีมั๊ย555) เอาหนี้ที่มีนะปัจจุบันบ้าน 1 หลังยังเหลืออีกส่งอีก 25 ปี(แต่ตั้งใจว่าจะส่งให้หมดก่อน)ประมาณ 1.9 ล้าน , รถ 1 คันเหลือส่งอีก 2 ปี ประมาณ 3 แสน(ขายคันเก่าใช้มา 9 ปีเอาไปดาวน์เยอะส่งน้อยปีไม่อยากเป็นหนี้นาน) , เงินกู้มาลงทุน 2 แสน เหลือ 1.7 ปี เงินยืมพี่สาวนิดหน่อย 1 แสน รวมแล้วประมาณ 2.5 ล้านจิ๊บๆ ถ้าเทียบกับคนอื่นครับ ค่าใช้จ่ายคงที่ต่อเดือนที่ต้องจ่ายอยู่ที่ประมาณ 3.5 หมื่น ค่าใช้จ่ายในครอบครัวประมาณ 1 หมื่นนิดๆ(คิดถ้วนไปง่ายดี) รวมค่าใช้จ่ายทั้งเดือนต้องมีประมาณ 4.5 หมื่นถึงจะอยู่ได้ เท่ากับว่าเงินเดือนผมสามารถเลี้ยงครอบครัวได้ โดยเอาเงินเดือนแฟนผมประมาณ 1.6 หมื่นเป็นเงินเก็บออม ถ้า!ผมไม่ลงทุนทำกิจการนะ ผมไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่ครับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพื่อนหลายๆคนถามว่าทำไมผมบอกว่าอย่างน้อยยังมีเรื่องให้คุยได้ว่ามีดีอยู่ 2 เรื่องคือไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่ นอกนั้นเสียหมด5555…. ที่จริงผมยังหาเหตุผลไม่ได้ว่ากินกับสูบไปทำไมก็เลยไม่กินไม่สูบครับ นิสัยผมคือชอบสงสัย(ทุกเรื่อง) และทุกอย่างต้องมีเหตุและผลเสมอครับ
กลับมาเรื่องลาออกต่อสาเหตุที่ผมลาออกเพราะด้วยความที่นิสัยส่วนตัวเวลาทำงานแล้วอยากให้ผลงานออกมาดีทุกอย่างต้องจับต้องได้บริษัทต้องพัฒนาก้าวไปข้างหน้า แต่ด้วยลำพังตัวคนเดียวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เพราะงานบริษัทต้องไปกันเป็นทีม ด้วยความที่คนอื่นไม่พัฒนาแถมยังคอยแทงข้างหลังช่างประจบเอาใจเจ้านายอีก นายญี่ปุ่นชวนไปปาร์ตี้บังคับให้กินเหล้าผมก็ไม่กิน ผมเลยพิจารณาตัวเองว่าไม่มีความสามารถที่จะพัฒนาบริษัทได้เลยขอลาออกเพื่อเปิดโอกาสให้คนที่มีความสามารถมากกว่าผมเข้ามาทำงานและพัฒนาบริษัท
ตอนที่จะลาออกที่บ้านก็ไม่มีใครว่าภรรยา,แม่,พี่น้องแต่ก็บอกๆ ว่าให้หาอะไรทำซะเพราะมีภาระต้องจ่ายต้องกินต้องใช้ ช่วงเริ่มต้นปีใหม่คนในระแวกที่อาศัยไปทำงานตามปกติแต่ชีวิตผมเปลี่ยนไปผมต้องตื่นไปส่งลูกขึ้นรถโรงเรียนรอรับกลับตอนเย็นชีวิตช่วงนั้นรู้สึกว่ามีเวลาให้ลูกมากขึ้นลูกๆ ชอบและรู้สึกว่ามีความสุขที่ได้เห็นการเจริญเติบโตและการเรียนรู้ของลูก ได้พูดคุยกับแม่มากขึ้น ช่วงว่างระหว่างวันนั่งมองโอกาสธุรกิจติดต่อไปหลายๆ ที่แต่ยังไม่ลงตัวกับที่ไหนสักแห่งเพราะเงืนทุนไม่เอื้ออำนวยเพราะได้โบนัสก่อนลาออกมาแสนกว่าบาทส่วนหนึ่งออมให้ลูกไปและบางส่วนให้แม่ตัวเองและภรรยา ขนาดธุรกิจ 7-11 ผมยังเคยไปสัมมนากับพี่สาวมา 2 ครั้งโดยใช้หลักทรัพย์พี่สาวยื่นไปเพื่อเข้าร่วมสัมนาแต่ด้วยความที่ทุนมีไม่พอเลยไม่ได้ทำครับ เดี๋ยวปิดร้านกลับบ้านก่อนนะครับ ถึงบ้านแล้วจะมาต่อครับ.....