ศาลฎีกาแจงไร้ กม.รองรับผู้สมัครใต้กลุ่มวืด
ศาลฎีกาแจงวินิจฉัย 123 ผู้สมัครกลุ่มวืด 28 เขต 8 จว.ใต้ เป็นเรื่องใหม่ เหตุยังไม่มีข้อ กม.เขียนรองรับ สรุป 16 เขต มีผู้สมัครรายเดียว
ภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเดินหน้าเลือกตั้วในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ แต่ไม่ขอขยายเวลาการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตในพื้นที่ 28 เขต 8 จังหวัดภาคใต้ที่มีปัญหา เนื่องจากถูกม็อบ กปปส.ปิดล้อม ส่งผลให้ผู้สมัครจำนวน 123 คน ไม่สามารถลงรับสมัครได้ โดยให้เหตุผลว่า กกต.ต้องยึดตามหลักกฎหมาย จึงแนะนำให้ผู้สมัครที่พลาดหวังไปยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาวินิจฉัยชี้ขาดว่าเป็นผู้สมัครที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
วินิจฉัย123กลุ่มวืดเรื่องใหม่
ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 มกราคม แหล่งข่าวจากศาลฎีกา เปิดเผยว่า เรื่องที่ กกต.แนะนำให้ผู้สมัครเลือกที่พลาดหวังยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อให้วินิจฉัยคดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 219 กรณีพื้นที่เขตเลือกตั้งจำนวน 28 เขต ใน 8 จังหวัดภาคใต้ ไม่สามารถเปิดรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งได้นั้น หากผู้สมัครจะมายื่นคำร้องต่อศาลฎีกาตามกฎหมายสามารถทำได้ แต่ศาลจะต้องพิจารณาอีกครั้งว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่ และถ้าหากรับคำร้องแล้วจะพิจารณาอย่างไร
"ทั้งนี้จากประวัติที่ผ่านมาเคยมีเพียงกรณียื่นคำร้องให้ศาลฎีกาวินิจฉัยคุณสมบัติของผู้สมัครว่าครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่กรณีที่ผู้สมัครไม่สามารถลงสมัครได้ดังกล่าวยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและไม่มีข้อกฎหมายเขียนรองรับตรงๆ โดยทางศาลฎีกาคงจะต้องพูดคุยกันหลายฝ่ายในเรื่องข้อกฎหมายเพื่อหาข้อสรุปกรณีดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้หากผู้สมัครจะมายื่นคำร้องต่อศาลฎีกาจริง ทางศาลก็คงจะต้องพิจารณาโดยเร็วเพื่อให้ทันในการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้" แหล่งข่าว ระบุ
สรุปยอดผู้สมัคร16เขตเลือกตั้งมีผู้สมัครรายเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานสรุปรายงานผลการรับสมัครส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวน 77 จังหวัด 375 เขต ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2556 - 1 มกราคม 2557 ว่า สรุปยอดรวมผู้สมัครแบบแบ่งเขตทั่วประเทศ จำนวน 1,261 คน ประกอบด้วย
1.กทม.และปริมณฑล 11 จังหวัด 308 คน 2.ภาคกลางและตะวันออก 15 จังหวัด 135 คน 3.ภาคใต้ 15 จังหวัด 101 คน 4.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด 524 คน และ 5.ภาคเหนือ 16 จังหวัด 193 คน
จังหวัดที่ไม่มีผู้สมัคร จำนวน 8 จังหวัด 28 เขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย
1.จ.นครศรีธรรมราช เขต 3,8
2.จ.ชุมพร เขต 1
3.จ.กระบี่ เขต 1,2,3
4.จ. ตรัง เขต 1,2,3,4
5.จ.พัทลุง เขต 1,2,3
6.จ.สงขลา เขต 1,2,3,4,5,6,7,8
7.จ.สุราษฎร์ธานี เขต 1,2,3,4,5,6
8.จ. ภูเก็ต เขต 1
จังหวัดที่มีผู้สมัครเพียงคนเดียว 9 จังหวัด 16 เขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย จ.นครศรีธรรมราช เขต 7 , จ.ชุมพร เขต 2,3 , จ.ภูเก็ต เขต 2 , จ.อยุธยา เขต 3,4 , จ.นครสวรรค์ เขต 1,3 , จ.น่าน เขต 1,2,3 ,จ.แพร่ เขต 1,2 , จ.อุตรดิตถ์ เขต 1,3 และ จ.นครปฐม เขต 1
พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย พรรคชาติพัฒนา จำนวน 205 คน พรรคพลังสหกรณ์ 97 คน พรรคภูมิใจไทย 120 คน พรรคภารดรภาพ 2 คน พรรคพลังประชาธิปไตย 36 คน พรรคชาติสามัคคี 2 คน พรรคพลังประเทศไทย 13 คน พรรคกสิกรไทย 5 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 121 คน พรรคเพื่อไทย 338 คน พรรคพลังเครือข่ายประชาชน 2 คน พรรคครูไทยเพื่อประชาชน 5 คน พรรคไทยมหารัฐพัฒนา 1 คน
พรรคยางพาราไทย 1 คน พรรคดำรงไทย 6 คน พรรคประชาธิปไตยใหม่ 57 คน พรรคชาติประชาธิปไตยก้าวหน้า 3 คน พรรคเมืองไทยของเรา 2 คน พรรคเครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย 5 คน พรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย 3 คน พรรครักไท 4 คน พรรคเสียงประชาชน 90 คน พรรคคนขอปลดหนี้ 20 คน
พรรคเพื่อชีวิตใหม่ 12 คน พรรคประชากรไทย 6 คน พรรคสร้างไทย 1 คน พรรคเพื่อประชาชนไทย 4 คน พรรคพัฒนาคุณภาพชีวิต 2 คน พรรคพลังชล 8 คน พรรคเพื่อประชาธิปไตย 2 คน พรรคประชาราษฎร์ 13 คน พรรคเพื่อชาติ 12 คน พรรคเพื่อธรรม 1 คน พรรคคนกีฬา 1 คน พรรคเงินเดือนประชาชน 19 คน พรรคไทยรักธรรม 11 คน พรรคเพื่อแผ่นดิน 27 คน พรรคอนาคตไทย 1 คน และพรรครักษ์ธรรม 1 คน
กกต.จัดคิวพรรคการเมืองยิงสปอตหาเสียง13-30ม.ค.
นายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดสรรเวลาออกอากาศให้พรรคการเมืองโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งทางวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์ของรัฐเมื่อวันที่ 3 ม.ค. ที่ผ่านมาว่า การประชุมเรื่องดังกล่าวทุกพรรคการเมืองมีมติที่จะใช้ลำดับการจัดสรรเวลาออกอากาศให้พรรคการเมืองโฆษณาหาเสียงฯ ตามลำดับหมายเลขประจำพรรคการเมืองที่ได้จับสลากเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีทั้งหมดจำนวน 53 พรรคการเมือง โดยจะจัดสรรเวลาให้ทุกพรรคการเมืองโฆษณาหาเสียงข้อความสั้นๆ เกี่ยวกับนโยบายพรรคการเมือง (สปอต) อย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 30 วินาที
นอกจากนี้จะจัดสรรเวลาให้ทุกพรรคการเมือง แถลงนโยบาย พรรคการเมืองละ 10 นาทีต่อครั้ง ซึ่งจะเริ่มออกอากาศของวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ระหว่างวันที่ 13-30 ม.ค. รวมทั้งสิ้น14 วัน ยกเว้นวันหยุดราชการ โดยจะออกอากาศในระหว่างเวลา 08.00-22.00 น. ซึ่งจะออกอากาศวันละ 4 พรรคการเมือง ทั้งทางสถานีวิทยุกระจายเสียงและสถานีวิทยุโทรทัศน์ตามลำดับ เช่นพรรคการเมืองลำดับที่ 1-4 ก็จะออกอากาศวันแรกโดยออกอากาศสถานีช่อง ก ส่วนวันถัดมาก็จะเป็นลำดับพรรคการเมืองที่ 5-8 ก็จะออกอากาศสถานีช่อง โดยจะไล่ลำดับการออกอากาศเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนครบทุกพรรค ครบทุกช่องสถานี ซึ่งทุกพรรคการเมืองจะได้ออกอากาศโฆษณาหาเสียงทุกช่อง ทุกสถานีโดยเท่าเทียมกัน
"อุเทน"แนะรัฐบาล-กปปส."ลดทิฐิถอยคนละก้าว
ที่โรงแรมรอยัล พริ๊นเซส หลานหลวง นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค แถลงจุดยืนต่อสถานการณ์การเมือง ว่า เป็นห่วงวิกฤตความขัดแย้งทางการเมืองหลังการนัดชุมนุมใหญ่ปิดกรุงเทพฯ ของกลุ่มกปปส.วันที่ 13 ม.ค.นี้ และการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันเดียวกัน จะนำไปสู่การเผชิญหน้า จึงอยากเสนอทางออกไปถึง 2 ฝ่ายและเดินหน้าแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม จะต้องเป็นฝ่ายเริ่มต้นยื่นมือเพื่อเปิดทางสู่การเจรจา ด้วยการเลื่อนวันเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.ออกไป เช่นเดียวกับกลุ่มกปปส. ที่ควรหยุดข้อเสนอสุดโต่งเกินไป และใช้ประชาชนเป็นตัวประกัน
"พรรคเห็นด้วยกับการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย แต่ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.นี้ เพราะเชื่อว่าจะเกิดความแย้งครั้งที่หนักที่สุดและสิ้นเปลืองงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์ หากต่างฝ่ายยังดึงดันให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ สุดท้ายกองทัพ อาจต้องออกมาหยุดปัญหาความแย้งที่เกิดขึ้น"นายอุเทน กล่าว
กปปส.เปิดเส้นทางเดินขบวน5ม.ค.เริ่ม10โมง
เมื่อเวลา 15.15 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. แถลงถึงเส้นทางการเดินขบวนวันที่ 5 ม.ค. ว่า ขบวนจะเริ่มออกเดินตั้งแต่เวลา10.00 น. เป็นต้นไป โดยจะตั้งหัวขบวนด้านหลังเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ใช้เส้นทางไปสู่ถนนตะนาว ผ่านย่านเฟื่องนคร เข้าสู่บ้านหม้อ ออกปากคลองตลาดตัดผ่านสะพานพุทธฯ เข้าสู่ย่านพาหุรัด-วังบูรพา แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนเจริญกรุง ผ่านวงเวียน 22 ตัดเข้าถนนไมตรีจิต ออกมาที่ถนนวรจักร ย่านบำรุงเมือง ออกสู่ถนนมหาไชย และกลับเข้าสู่ถนนราชดำเนินกลาง รวมระยะทางประมาณ 7.5 กิโลเมตร ซึ่งจะเป็นการเดินเชิญชวนประชาชนเจ้าของประเทศมาร่วมแสดงพลังในวันที่ 13 ม.ค. โดยจากนั้นจะมีการเดินวันเว้นวัน วันที่ 7 และ 9 ม.ค. โดยวันอาทิตย์ที่ 12 ม.ค. จะเป็นการเก็บกำลังและออกเดินร่วมกันตามที่นัดในวันที่ 13 ม.ค.
นายเอกนัฎ กล่าวต่อว่า ขณะที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อํานวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ก็ออกมาให้ร้ายคุกคามประชาชนแทน โดยมีพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นเครื่องมือระบอบทักษิณ รวมถึงมีขบวนการใต้ดินพยายามคุกคามและปล่อยข่าวอันเป็นเท็จ เพื่อบั่นทอนการเคลื่อนไหวประชาชน ทั้งนี้ ตนเห็นว่าสิ่งแรกที่ ศอ.รส.ต้องทำคือ แสดงความรับผิดชอบในกระบวนการโกหกเรื่องชายชุดดำบนดาดฟ้ากระทรวงแรงงาน เพราะนายสุรพงษ์ออกมาโกหกเป็นคนแรก รวมทั้งมีร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ด้วยที่กล่าวให้ร้ายประชาชน ดังนั้นจึงขอให้นายสุรพงษ์ชี้แจงและแสดงความรับผิดชอบด้วย
“ศอ.รส.ควรออกมาชี้แจงถึงมาตรการดูแลและคุ้มกันประชาชน ไม่ใช่ออกมาแถลงว่าเตรียมกองกำลังผสมไว้ ส่วนการปล่อยข่าวโจมตี กปปส.หลายกระแส ยืนยันว่าทุกครั้งที่กปปส.ประกาศนัดสำคัญมีพี่น้องร่วมการชุมนุมมากขึ้นตามลำดับ พี่น้องออกมาชุมนุมเพื่อไม่ให้ประเทศล่มจมและไม่ให้ระบอบทักษิณโกงกินได้อีกต่อไป ไม่ได้มุ่งทำลายเศรษฐกิจประเทศ การชุมนุมของมวลมหาประชาชนดำเนินการโดยยึดหลักอหิงสา สงบ สันติ ปราศจากอาวุธ และขออย่านำพฤติกรรมของพวกท่านมาชี้วัดหรือประเมินมวลมหาประชาชน เพราะมวลมหาประชาชนไม่ปล้น ฆ่า หรือเผา เหมือนพวกท่าน"นายเอกนัฏ กล่าว
บังกลาเทศระส่ำเผาคูหาเลือกตั้งตะวันตก-เครือจักรภพไม่ส่งผู้สังเกตการณ์
สถานการณ์ในบังกลาเทศยังเต็มไปด้วยเหตุรุนแรง มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 คน และจุดไฟเผาทำลายคูหาเลือกตั้งอย่างน้อย 30 แห่ง ก่อนเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์นี้ (5 ม.ค.) ที่ค่อนข้างแน่นอนว่าพรรคสันนิบาตอวามี ภายใต้นายกรัฐมนตรีหญิงเช็ค ฮาสินา จะได้รับชัยชนะ เนื่องจากพรรคฝ่ายค้านนำโดยพรรคชาตินิยมบังกลาเทศ (บีเอ็นพี) ภายใต้อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคาลิดา เซีย คว่ำบาตรการเลือกตั้งที่พวกเขามองว่าเป็นแค่จัดฉาก และเรียกร้องประชาชนผละงานประท้วงทั่วประเทศ 48 ชั่วโมง เริ่มจากเช้าวันเสาร์
ทางการจัดเตรียมคูหาเลือกตั้งกว่า 1.8 หมื่นแห่ง ใน 147 เขตจากทั้งหมด 300 เขต เนื่องจากเมื่อฝ่ายค้านไม่เข้าร่วม มีที่นั่งกว่า 150 ที่นั่ง ที่ผู้สมัครสันนิบาตอวามีลงชิงชัยแบบไร้คู่แข่ง ส่วนที่เหลือเป็นการชิงชัยระหว่างผู้สมัครจากพรรครัฐบาลกับพรรคพันธมิตร
หลายสัปดาห์มานี้ กรุงธากาแทบถูกตัดขาดจากพื้นที่อื่นของประเทศ เนื่องจากฝ่ายค้านพยายามกดดันให้ทุกฝ่ายร่วมผละงานประท้วงและปิดกั้นการสัญจรไปมา ประชาชนทั่วไปติดอยู่วงล้อมเหตุนองเลือด นักเคลื่อนไหวจุดไฟเผายวดยานของผู้ขับขี่ที่ไม่ร่วมผละงาน โรงเรียนและสถานที่ต่างๆ หลายสิบแห่งที่จะใช้เป็นคูหาเลือกตั้ง ถูกเผาทำลาย และมีผู้เสียชีวิตกว่า 100 คน ในช่วงก่อนเลือกตั้งโดยมากในพื้นที่ชนบท
ประวัติศาสตร์การเมืองบังกลาเทศเต็มไปด้วยเหตุรุนแรงและล้างแค้นทางการเมือง นับจากแยกตัวเป็นเอกราชจากปากีสถานเมื่อปี 2514 มีการลอบสังหารประธานาธิบดีสองคนกับความพยายามก่อรัฐประหารแต่ไม่สำเร็จ 19 ครั้ง และตลอด 22 ปีที่ผ่านมา เก้าอี้นายกรัฐมนตรีของบังกลาเทศไม่เป็นของนางฮาสินา ก็นางคาลิดา เซีย แต่ความเป็นปฏิปักษ์ของสตรีทั้งสองทวีความรุนแรงมากขึ้นในระยะหลัง
พรรคฝ่ายค้านบังกลาเทศต้องการให้นายกรัฐมนตรีฮาสินาลาออก และตั้งรัฐบาลเป็นกลางรักษาการเพื่อกำกับดูแลการเลือกตั้งเช่นเดียวกับการเลือกตั้งครั้งก่อน แต่นางฮาสินาใช้เสียงส่วนใหญ่สองในสามในสภาแก้ไขกฎหมายยกเลิกระบบนี้เมื่อปี 2553 โดยอ้างว่ารัฐบาลรักษาการไม่จำเป็นอีกต่อไป
สหภาพยุโรป ตลอดจนสหรัฐอเมริกา และเครือจักรภพอังกฤษ ประกาศจะไม่ส่งผู้สังเกตการณ์ไปร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้งในวันอาทิตย์นี้ รองโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐแถลงว่า สหรัฐรู้สึกผิดหวังที่สองพรรคการเมืองใหญ่ไม่สามารถบรรลุความตกลงที่จะจัดการเลือกตั้งอย่างอิสระ เสรีและเชื่อถือได้
ศาลฎีกาแจง 8 จว.ใต้ เป็นเรื่องใหม่ เหตุยังไม่มีข้อ กม.เขียนรองรับ / ชูวิทย์"พ่อแม่มัวทำอะไร ถึงปล่อยให้สุเทพทำได้ขนาดนี้
ศาลฎีกาแจงไร้ กม.รองรับผู้สมัครใต้กลุ่มวืด
ศาลฎีกาแจงวินิจฉัย 123 ผู้สมัครกลุ่มวืด 28 เขต 8 จว.ใต้ เป็นเรื่องใหม่ เหตุยังไม่มีข้อ กม.เขียนรองรับ สรุป 16 เขต มีผู้สมัครรายเดียว
ภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเดินหน้าเลือกตั้วในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ แต่ไม่ขอขยายเวลาการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตในพื้นที่ 28 เขต 8 จังหวัดภาคใต้ที่มีปัญหา เนื่องจากถูกม็อบ กปปส.ปิดล้อม ส่งผลให้ผู้สมัครจำนวน 123 คน ไม่สามารถลงรับสมัครได้ โดยให้เหตุผลว่า กกต.ต้องยึดตามหลักกฎหมาย จึงแนะนำให้ผู้สมัครที่พลาดหวังไปยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาวินิจฉัยชี้ขาดว่าเป็นผู้สมัครที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
วินิจฉัย123กลุ่มวืดเรื่องใหม่
ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 มกราคม แหล่งข่าวจากศาลฎีกา เปิดเผยว่า เรื่องที่ กกต.แนะนำให้ผู้สมัครเลือกที่พลาดหวังยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อให้วินิจฉัยคดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 219 กรณีพื้นที่เขตเลือกตั้งจำนวน 28 เขต ใน 8 จังหวัดภาคใต้ ไม่สามารถเปิดรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งได้นั้น หากผู้สมัครจะมายื่นคำร้องต่อศาลฎีกาตามกฎหมายสามารถทำได้ แต่ศาลจะต้องพิจารณาอีกครั้งว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่ และถ้าหากรับคำร้องแล้วจะพิจารณาอย่างไร
"ทั้งนี้จากประวัติที่ผ่านมาเคยมีเพียงกรณียื่นคำร้องให้ศาลฎีกาวินิจฉัยคุณสมบัติของผู้สมัครว่าครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่กรณีที่ผู้สมัครไม่สามารถลงสมัครได้ดังกล่าวยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและไม่มีข้อกฎหมายเขียนรองรับตรงๆ โดยทางศาลฎีกาคงจะต้องพูดคุยกันหลายฝ่ายในเรื่องข้อกฎหมายเพื่อหาข้อสรุปกรณีดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้หากผู้สมัครจะมายื่นคำร้องต่อศาลฎีกาจริง ทางศาลก็คงจะต้องพิจารณาโดยเร็วเพื่อให้ทันในการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้" แหล่งข่าว ระบุ
สรุปยอดผู้สมัคร16เขตเลือกตั้งมีผู้สมัครรายเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานสรุปรายงานผลการรับสมัครส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวน 77 จังหวัด 375 เขต ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2556 - 1 มกราคม 2557 ว่า สรุปยอดรวมผู้สมัครแบบแบ่งเขตทั่วประเทศ จำนวน 1,261 คน ประกอบด้วย
1.กทม.และปริมณฑล 11 จังหวัด 308 คน 2.ภาคกลางและตะวันออก 15 จังหวัด 135 คน 3.ภาคใต้ 15 จังหวัด 101 คน 4.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด 524 คน และ 5.ภาคเหนือ 16 จังหวัด 193 คน
จังหวัดที่ไม่มีผู้สมัคร จำนวน 8 จังหวัด 28 เขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย
1.จ.นครศรีธรรมราช เขต 3,8
2.จ.ชุมพร เขต 1
3.จ.กระบี่ เขต 1,2,3
4.จ. ตรัง เขต 1,2,3,4
5.จ.พัทลุง เขต 1,2,3
6.จ.สงขลา เขต 1,2,3,4,5,6,7,8
7.จ.สุราษฎร์ธานี เขต 1,2,3,4,5,6
8.จ. ภูเก็ต เขต 1
จังหวัดที่มีผู้สมัครเพียงคนเดียว 9 จังหวัด 16 เขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย จ.นครศรีธรรมราช เขต 7 , จ.ชุมพร เขต 2,3 , จ.ภูเก็ต เขต 2 , จ.อยุธยา เขต 3,4 , จ.นครสวรรค์ เขต 1,3 , จ.น่าน เขต 1,2,3 ,จ.แพร่ เขต 1,2 , จ.อุตรดิตถ์ เขต 1,3 และ จ.นครปฐม เขต 1
พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย พรรคชาติพัฒนา จำนวน 205 คน พรรคพลังสหกรณ์ 97 คน พรรคภูมิใจไทย 120 คน พรรคภารดรภาพ 2 คน พรรคพลังประชาธิปไตย 36 คน พรรคชาติสามัคคี 2 คน พรรคพลังประเทศไทย 13 คน พรรคกสิกรไทย 5 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 121 คน พรรคเพื่อไทย 338 คน พรรคพลังเครือข่ายประชาชน 2 คน พรรคครูไทยเพื่อประชาชน 5 คน พรรคไทยมหารัฐพัฒนา 1 คน
พรรคยางพาราไทย 1 คน พรรคดำรงไทย 6 คน พรรคประชาธิปไตยใหม่ 57 คน พรรคชาติประชาธิปไตยก้าวหน้า 3 คน พรรคเมืองไทยของเรา 2 คน พรรคเครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย 5 คน พรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย 3 คน พรรครักไท 4 คน พรรคเสียงประชาชน 90 คน พรรคคนขอปลดหนี้ 20 คน
พรรคเพื่อชีวิตใหม่ 12 คน พรรคประชากรไทย 6 คน พรรคสร้างไทย 1 คน พรรคเพื่อประชาชนไทย 4 คน พรรคพัฒนาคุณภาพชีวิต 2 คน พรรคพลังชล 8 คน พรรคเพื่อประชาธิปไตย 2 คน พรรคประชาราษฎร์ 13 คน พรรคเพื่อชาติ 12 คน พรรคเพื่อธรรม 1 คน พรรคคนกีฬา 1 คน พรรคเงินเดือนประชาชน 19 คน พรรคไทยรักธรรม 11 คน พรรคเพื่อแผ่นดิน 27 คน พรรคอนาคตไทย 1 คน และพรรครักษ์ธรรม 1 คน
กกต.จัดคิวพรรคการเมืองยิงสปอตหาเสียง13-30ม.ค.
นายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดสรรเวลาออกอากาศให้พรรคการเมืองโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งทางวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์ของรัฐเมื่อวันที่ 3 ม.ค. ที่ผ่านมาว่า การประชุมเรื่องดังกล่าวทุกพรรคการเมืองมีมติที่จะใช้ลำดับการจัดสรรเวลาออกอากาศให้พรรคการเมืองโฆษณาหาเสียงฯ ตามลำดับหมายเลขประจำพรรคการเมืองที่ได้จับสลากเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีทั้งหมดจำนวน 53 พรรคการเมือง โดยจะจัดสรรเวลาให้ทุกพรรคการเมืองโฆษณาหาเสียงข้อความสั้นๆ เกี่ยวกับนโยบายพรรคการเมือง (สปอต) อย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 30 วินาที
นอกจากนี้จะจัดสรรเวลาให้ทุกพรรคการเมือง แถลงนโยบาย พรรคการเมืองละ 10 นาทีต่อครั้ง ซึ่งจะเริ่มออกอากาศของวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ระหว่างวันที่ 13-30 ม.ค. รวมทั้งสิ้น14 วัน ยกเว้นวันหยุดราชการ โดยจะออกอากาศในระหว่างเวลา 08.00-22.00 น. ซึ่งจะออกอากาศวันละ 4 พรรคการเมือง ทั้งทางสถานีวิทยุกระจายเสียงและสถานีวิทยุโทรทัศน์ตามลำดับ เช่นพรรคการเมืองลำดับที่ 1-4 ก็จะออกอากาศวันแรกโดยออกอากาศสถานีช่อง ก ส่วนวันถัดมาก็จะเป็นลำดับพรรคการเมืองที่ 5-8 ก็จะออกอากาศสถานีช่อง โดยจะไล่ลำดับการออกอากาศเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนครบทุกพรรค ครบทุกช่องสถานี ซึ่งทุกพรรคการเมืองจะได้ออกอากาศโฆษณาหาเสียงทุกช่อง ทุกสถานีโดยเท่าเทียมกัน
"อุเทน"แนะรัฐบาล-กปปส."ลดทิฐิถอยคนละก้าว
ที่โรงแรมรอยัล พริ๊นเซส หลานหลวง นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค แถลงจุดยืนต่อสถานการณ์การเมือง ว่า เป็นห่วงวิกฤตความขัดแย้งทางการเมืองหลังการนัดชุมนุมใหญ่ปิดกรุงเทพฯ ของกลุ่มกปปส.วันที่ 13 ม.ค.นี้ และการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันเดียวกัน จะนำไปสู่การเผชิญหน้า จึงอยากเสนอทางออกไปถึง 2 ฝ่ายและเดินหน้าแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม จะต้องเป็นฝ่ายเริ่มต้นยื่นมือเพื่อเปิดทางสู่การเจรจา ด้วยการเลื่อนวันเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.ออกไป เช่นเดียวกับกลุ่มกปปส. ที่ควรหยุดข้อเสนอสุดโต่งเกินไป และใช้ประชาชนเป็นตัวประกัน
"พรรคเห็นด้วยกับการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย แต่ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.นี้ เพราะเชื่อว่าจะเกิดความแย้งครั้งที่หนักที่สุดและสิ้นเปลืองงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์ หากต่างฝ่ายยังดึงดันให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ สุดท้ายกองทัพ อาจต้องออกมาหยุดปัญหาความแย้งที่เกิดขึ้น"นายอุเทน กล่าว
กปปส.เปิดเส้นทางเดินขบวน5ม.ค.เริ่ม10โมง
เมื่อเวลา 15.15 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. แถลงถึงเส้นทางการเดินขบวนวันที่ 5 ม.ค. ว่า ขบวนจะเริ่มออกเดินตั้งแต่เวลา10.00 น. เป็นต้นไป โดยจะตั้งหัวขบวนด้านหลังเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ใช้เส้นทางไปสู่ถนนตะนาว ผ่านย่านเฟื่องนคร เข้าสู่บ้านหม้อ ออกปากคลองตลาดตัดผ่านสะพานพุทธฯ เข้าสู่ย่านพาหุรัด-วังบูรพา แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนเจริญกรุง ผ่านวงเวียน 22 ตัดเข้าถนนไมตรีจิต ออกมาที่ถนนวรจักร ย่านบำรุงเมือง ออกสู่ถนนมหาไชย และกลับเข้าสู่ถนนราชดำเนินกลาง รวมระยะทางประมาณ 7.5 กิโลเมตร ซึ่งจะเป็นการเดินเชิญชวนประชาชนเจ้าของประเทศมาร่วมแสดงพลังในวันที่ 13 ม.ค. โดยจากนั้นจะมีการเดินวันเว้นวัน วันที่ 7 และ 9 ม.ค. โดยวันอาทิตย์ที่ 12 ม.ค. จะเป็นการเก็บกำลังและออกเดินร่วมกันตามที่นัดในวันที่ 13 ม.ค.
นายเอกนัฎ กล่าวต่อว่า ขณะที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อํานวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ก็ออกมาให้ร้ายคุกคามประชาชนแทน โดยมีพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นเครื่องมือระบอบทักษิณ รวมถึงมีขบวนการใต้ดินพยายามคุกคามและปล่อยข่าวอันเป็นเท็จ เพื่อบั่นทอนการเคลื่อนไหวประชาชน ทั้งนี้ ตนเห็นว่าสิ่งแรกที่ ศอ.รส.ต้องทำคือ แสดงความรับผิดชอบในกระบวนการโกหกเรื่องชายชุดดำบนดาดฟ้ากระทรวงแรงงาน เพราะนายสุรพงษ์ออกมาโกหกเป็นคนแรก รวมทั้งมีร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ด้วยที่กล่าวให้ร้ายประชาชน ดังนั้นจึงขอให้นายสุรพงษ์ชี้แจงและแสดงความรับผิดชอบด้วย
“ศอ.รส.ควรออกมาชี้แจงถึงมาตรการดูแลและคุ้มกันประชาชน ไม่ใช่ออกมาแถลงว่าเตรียมกองกำลังผสมไว้ ส่วนการปล่อยข่าวโจมตี กปปส.หลายกระแส ยืนยันว่าทุกครั้งที่กปปส.ประกาศนัดสำคัญมีพี่น้องร่วมการชุมนุมมากขึ้นตามลำดับ พี่น้องออกมาชุมนุมเพื่อไม่ให้ประเทศล่มจมและไม่ให้ระบอบทักษิณโกงกินได้อีกต่อไป ไม่ได้มุ่งทำลายเศรษฐกิจประเทศ การชุมนุมของมวลมหาประชาชนดำเนินการโดยยึดหลักอหิงสา สงบ สันติ ปราศจากอาวุธ และขออย่านำพฤติกรรมของพวกท่านมาชี้วัดหรือประเมินมวลมหาประชาชน เพราะมวลมหาประชาชนไม่ปล้น ฆ่า หรือเผา เหมือนพวกท่าน"นายเอกนัฏ กล่าว
บังกลาเทศระส่ำเผาคูหาเลือกตั้งตะวันตก-เครือจักรภพไม่ส่งผู้สังเกตการณ์
สถานการณ์ในบังกลาเทศยังเต็มไปด้วยเหตุรุนแรง มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 คน และจุดไฟเผาทำลายคูหาเลือกตั้งอย่างน้อย 30 แห่ง ก่อนเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์นี้ (5 ม.ค.) ที่ค่อนข้างแน่นอนว่าพรรคสันนิบาตอวามี ภายใต้นายกรัฐมนตรีหญิงเช็ค ฮาสินา จะได้รับชัยชนะ เนื่องจากพรรคฝ่ายค้านนำโดยพรรคชาตินิยมบังกลาเทศ (บีเอ็นพี) ภายใต้อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคาลิดา เซีย คว่ำบาตรการเลือกตั้งที่พวกเขามองว่าเป็นแค่จัดฉาก และเรียกร้องประชาชนผละงานประท้วงทั่วประเทศ 48 ชั่วโมง เริ่มจากเช้าวันเสาร์
ทางการจัดเตรียมคูหาเลือกตั้งกว่า 1.8 หมื่นแห่ง ใน 147 เขตจากทั้งหมด 300 เขต เนื่องจากเมื่อฝ่ายค้านไม่เข้าร่วม มีที่นั่งกว่า 150 ที่นั่ง ที่ผู้สมัครสันนิบาตอวามีลงชิงชัยแบบไร้คู่แข่ง ส่วนที่เหลือเป็นการชิงชัยระหว่างผู้สมัครจากพรรครัฐบาลกับพรรคพันธมิตร
หลายสัปดาห์มานี้ กรุงธากาแทบถูกตัดขาดจากพื้นที่อื่นของประเทศ เนื่องจากฝ่ายค้านพยายามกดดันให้ทุกฝ่ายร่วมผละงานประท้วงและปิดกั้นการสัญจรไปมา ประชาชนทั่วไปติดอยู่วงล้อมเหตุนองเลือด นักเคลื่อนไหวจุดไฟเผายวดยานของผู้ขับขี่ที่ไม่ร่วมผละงาน โรงเรียนและสถานที่ต่างๆ หลายสิบแห่งที่จะใช้เป็นคูหาเลือกตั้ง ถูกเผาทำลาย และมีผู้เสียชีวิตกว่า 100 คน ในช่วงก่อนเลือกตั้งโดยมากในพื้นที่ชนบท
ประวัติศาสตร์การเมืองบังกลาเทศเต็มไปด้วยเหตุรุนแรงและล้างแค้นทางการเมือง นับจากแยกตัวเป็นเอกราชจากปากีสถานเมื่อปี 2514 มีการลอบสังหารประธานาธิบดีสองคนกับความพยายามก่อรัฐประหารแต่ไม่สำเร็จ 19 ครั้ง และตลอด 22 ปีที่ผ่านมา เก้าอี้นายกรัฐมนตรีของบังกลาเทศไม่เป็นของนางฮาสินา ก็นางคาลิดา เซีย แต่ความเป็นปฏิปักษ์ของสตรีทั้งสองทวีความรุนแรงมากขึ้นในระยะหลัง
พรรคฝ่ายค้านบังกลาเทศต้องการให้นายกรัฐมนตรีฮาสินาลาออก และตั้งรัฐบาลเป็นกลางรักษาการเพื่อกำกับดูแลการเลือกตั้งเช่นเดียวกับการเลือกตั้งครั้งก่อน แต่นางฮาสินาใช้เสียงส่วนใหญ่สองในสามในสภาแก้ไขกฎหมายยกเลิกระบบนี้เมื่อปี 2553 โดยอ้างว่ารัฐบาลรักษาการไม่จำเป็นอีกต่อไป
สหภาพยุโรป ตลอดจนสหรัฐอเมริกา และเครือจักรภพอังกฤษ ประกาศจะไม่ส่งผู้สังเกตการณ์ไปร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้งในวันอาทิตย์นี้ รองโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐแถลงว่า สหรัฐรู้สึกผิดหวังที่สองพรรคการเมืองใหญ่ไม่สามารถบรรลุความตกลงที่จะจัดการเลือกตั้งอย่างอิสระ เสรีและเชื่อถือได้