
เป็นรีวิวที่ 2 นะครับ ไม่รู้จะเขียนได้น่าติดตามหรือเปล่าถ้าผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ
ก่อนจะมาเป็นทริปนี้เคยได้ยินและหาข้อมูลมาพอสมควรแล้ว แต่ไม่ได้ไปสักที ปีที่ผ่านมาช่วงปลายๆ เดือนพฤศจิกายน เพื่อนก็ได้ชวนให้ผมจัดทริปเขาช้างเผือกหน่อย แต่ก็ได้โทรถามเจ้าหน้าที่แล้ว เต็มหมดว่างแค่วันอังคาร-พฤหัส ผมก็ถอดใจละว่าปี 57 นี้ค่อยหาเวลาไปให้ได้ จนวันที่ 26 ธ.ค. 56 ผมเข้ามาอ่านกระทู้ของคุณยุ้ย
http://pantip.com/topic/31435802/comment2-1 ว่าจองได้เลยเกิดสนใจขึ้นมาทันใดและก็โทรไปถามพี่เจ้าหน้าที่อีก เค้าก็บอกว่าเต็มอีก

เศร้าอีกรอบจนวันที่ 28 คุณ HoT-Zell ได้มาตอบกระทู้คุณยุ้ยว่าเค้าจองได้ผมก็ถามเค้าว่าทำไมผมโทรแล้วเจ้าหน้าที่บอกว่าเต็ม แต่ก็ไม่มีใครตอบอีก ซึ่งวันที่ 28 ผมเข้ามาอ่าน ก็ 20.47 น. แล้ว จึงตัดสินใจเช้าวันที่ 29 จะโทรไปอีกรอบวัดดวง สวรรค์ทรงโปรด วันที่ 29 เช้าโทรไปถามอีกรอบ เจ้าหน้าที่ผู้ชายรับสาย ผมก็ถามว่าถ้าจะขึ้นวันที่ 30 มีว่างไหม พี่เค้าบอกว่ามากี่คน เราเลยตอบว่าไปคนเดียวครับ มายังไงจะไปรถทัวร์ครับ พี่เค้าบอกว่ารถขึ้นมาอุทยานหมดเที่ยงแล้วคงมาไม่ทันงั้นขึ้นวันที่ 31 ไหม ไปรวมกับกรุ๊ฟอื่น พี่เค้าบอกว่าให้มารายงานตัวก่อน 9 โมง ตกลงทันทีเลยแล้วก็บอกชื่อพี่เค้าเอาไว้ วันนั้นเหมือนได้ไปแล้วเลยบึ่งไปหมอชิตซื้อตั๋วโดยไม่หาหรือโทรถามเลย - -'' ไปถึงน้องไม่ขายตั๋วล่วงหน้านะ หงิดกลัวรถเต็มเลยต้องกลับบ้านแบบอึนๆ (ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ตื่นมันตี3 เลยจะได้รีบมา) เช้าวันที่ 30 ตื่นตี 3 อาบน้ำแต่งตัวเตรียมนู้นนี่นั่น แบกเป้ แบกกระเป๋ากล้องขึ้นแท็กซี่ ตอนประมาณ ตี 4 ครึ่งกว่าถึงหมอชิตตี 5 กว่าๆ ซื้อตั๋วเลยจ้า รถเกือบเต็ม ช่อง 21 22 ค่ารถลงทองผาภูมิ 197 บาท ไปแบบงงๆ เพราะไม่รู้ว่าลงตรงไหนเลยบอกพี่เค้าไว้ก่อนว่าถึงแล้วบอกด้วยนะครับ

ขึ้นรถแล้วนั่งดูวิวตลอดเส้นทางออกจากหมอชิต 6 โมงนิดๆ ไปถึงตลาดทองผาภูมิประมาณ 11 โมงกว่า (เอาละหว่ารถหมดเที่ยงด้วย เลยเดินไปหาพี่ที่เค้าขายข้าวอยู่ตรงที่รถจอด เค้าบอกเข้าไปอีกอยู่ใกล้ๆ เซเว่น นั่งมอเตอร์ไซต์ไปดีกว่าน้อง และก็ได้พี่ใจดีที่บ้านอยู่ทางที่ผมจะไปโบกรถมอเตอร์ไซต์ให้ ผมเดินคุยกับพี่เค้าสักพักพี่คนนี้เค้ามากับแฟนและลูก(กลับบ้าน)พี่เค้าบอกน้องไปก่อนเลยเดี๋ยวรถจะหมด ใจดีมาก วันนั้นพี่วินก็ไม่มีสักคันทำไมหายไปหมดน้อ เดินไปสักพักก็มีมาคันนึงก็อย่างที่เล่าไว้ครับพี่เค้าให้ผมไปก่อนและบอกพี่วินด้วยว่าไปส่งน้องเค้าที่รถเมล์เหลืองที่จะขึ้นอุทยาน มาถึงปุ๊บขึ้นรถทันใดเลย(ข้างรถจะเขียนว่าปิล๊อค นะครับไม่ใช่อิต่อง) นั่งรถจนประมาณเที่ยงครึ่ง รถก็ออก(แต่ก็ได้เจอน้องที่จะไปร่วมทริปด้วยกันในวันถัดไป ตอนแรกไม่ได้คุยกันเพราะน้องเค้านั่งด้านหลังๆ ของเยอะมากเพราะชาวบ้านลงมาซื้อของ)รถออกเที่ยงครึ่งไปถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิประมาณ 4 โมงได้ ไปถึงก็จ่ายค่าเข้าอุทยาน 40 บาท ค่ากางเต็นท์ 30บาท(เอาเต็นท์มาเองขอรับ) จ่ายเสร็จป้ายหน้าอุทยานคนไม่เยอะแหะ จัดการวางกระเป๋า เต็นท์ หยิบขาตั้งกล้องและเซ็ตให้เรียบร้อยจัดสัก 2 รูป

หลังจากที่ถ่ายรูปเสร็จก็เดินเข้าไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเพื่อสอบถามเรื่องขึ้นเขาช้างเผือกพรุ่งนี้ (เพื่อความชัวร์) และก็เดินไปหาที่กางเต็นท์ด้านใน เดินไปสักพักคุณน้าคนนึงขับกระบะมาหมุนกระจกลงน้องขึ้นมาหลังรถเลยจะได้ไม่ต้องเดิน(ว้าว เจอคนใจดีตั้งแต่แรกเริ่มเลย) พอเจอด่านด้านบนที่จะต้องฉีกหางตั๋ว ผมก็ลงแต่ที่จอดรถด้านบนเต็มน้าเค้าเลยต้องวนรถลงไปจอดข้างล่างผมก็เลยทำการไหว้ขอบคุณน้าเค้าไป น้าเค้าบอกว่ามาหลายรอบแล้วข้างบนเคยมากางละไปข้างล่างบ้าง ^_^ เราก็เดินหาที่กางเต็นท์ พอดีเห็นมีตรงใกล้ๆ จุดชมวิวเนินกูดดอย ใกล้ๆ ผา ก็เลยจัดการกางเต็นท์เลย กางเสร็จก็ขอสักรูป อิอิ

เจอแต่คนใจดีครับทริปนี้ ผมกางเต็นท์เสร็จมีคุณลุงคุณป้ามากับลูกหลานและญาติๆ มากันกลุ่มใหญ่เลยเพราะ 4 เต็นท์ด้านล่างที่ผมกาง ลุงพูดมาเลยมาคนเดียวหรอ (ครับผมมาคนเดียวครับ) มาจากไหนละเรา (มาจากกรุงเทพฯ ครับมารถทัวร์) โห ลุยน่าดูเลย มาๆ มากินข้าวด้วยกัน (^_^ ผมก็ยิ้มแล้วก็ตอบลุงไป พอดีกระทันหันครับลุงมัวแต่รอเพื่อนรอไปรอมาไม่ได้มาสักที และก็บอกลุงว่าขอบคุณมากครับ ไม่เป็นไรครับ) ผมก็ลงไปกินข้าวร้านของอุทยานพอคุยกับคุณลุงเสร็จแล้วก็เลยไปอาบน้ำ(น้ำเย็นมากๆ โอยสั่นสะท้านนี้แค่ 4 โมงกว่าเองนะ แต่เสื้อกางเกงใส่ตัวเดิมเปลี่ยนแต่ กกน. เสื้อกางเกงไว้เปลี่ยนตอนลุยขึ้นเขาพรุ่งนี้)พออาบน้ำเสร็จก็ได้เวลาถ่ายรูปและลงไปกินข้าว

บ้านทาร์ซานจ้า ใครอยากนอนบ้าง (ผมขอบาย เพราะกลัวความสูงดูท่าไม่ไหวลมแรงด้วย

นี่คือทางเดินลงไปร้านค้าสวัสดิการของทางอุทยาน (มันคือทางที่เราต้องเดินขึ้นมากางเต็นท์ด้านบน ที่น้าเค้าให้ติดรถมา ก็ไกลพอสมควร)

พอมาถึงป้อมตรงทางขึ้นเจอดอกไม้ใกล้ๆ ร้านค้าอุทยานก็เลยขอสักหน่อย (เจอดอกไม้ไม่ได้ต้องถ่ายๆ)

ถ่ายเสร็จก็เดินไปร้านค้าสวัสดิการ เลยจัดชุดใหญ่เลยขนมปังเอลเซ่ 8 อัน นม 4 กล่อง น้ำเปล่าขวดใหญ่ 2 ขวด (ตอนแรกคิดว่าไม่มีข้าวขายครับ ซื้อมาม่าเซเว่นที่หมอชิตมาแค่ 2 ถ้วยเองกะเอาไปกินบนเขาช้างเผือก เลยตุนซะหน่อย แต่พอซื้อเสร็จเดินออกมาเห็นทางเดินด้านหลังร้านสวัสดิการ เลยถามพี่เค้าว่าพี่ครับมีข้าวขายไหมครับ พี่เค้าบอกมีเลยเดินไปกินข้าวเลย รอดแล้วเรามื้อนี้ (ลุงเค้าเรียกกินเจือกหยิ่งดีนัก ก็มันเกรงใจนิหน่า))

ทางเดินไปจุดกางเต็นท์ด้านหลังศูนย์บริการนักท่องเที่ยว คนเยอะน่าดูเลยวันที่ 30 ที่อุทยาน

หลังจากกินอิ่มแล้วก็เอาของที่ซื้อจากร้านค้าสวัสดิการไปเก็บที่เต็นท์ แล้วเดินไปดูจุดชมวิวเนินช้างเผือก

เดินเข้าไปถ่ายรูปอยู่พักนึง มีช่างกล้องมาคนนึง เลยขอให้เค้าถ่ายให้ ^_^ และก็ได้เจอกันอีกทีตอนกลางคืนเอาโทรศัพท์ไปชาร์ตที่กินข้าว ส่วนเค้าเอาแบตกล้องไปชาร์ต คุยกันตั้งนานไม่ได้ถามชื่อกันเลย เค้ามากับแฟนและก็พี่ แฟนพี่ เป็นนักถ่ายภาพเลย เค้าคุยว่าเมื่อคืนไปนอนที่เนินช้างศึกมา ลมแรงมาก เต็นท์พับหลายรอบ ต้องเอารถมาบังลม ถังน้ำก็เอาไม่อยู่ล้มหลายรอบ *0* อะไรจะแรงขนาดนั้น และเค้าก็เปิดคลิปให้ดูโหเสียงลมใช่ได้เลยวูปๆ ตลอดเลยแต่ฟ้าตอนเย็นวันที่ 29 บนเนินช้างศึกสวยมากและก็แยกกันไปบอกว่าจะไปเจอกันข้างบนถ่ายดาว

เห็นเขาสูงๆ ตรงกลางไหมครับ พรุ่งนี้เราจะไปลุยกัน เขาช้างเผือก

ขอ Panorama สักรูป

พอผมชาร์ตโทรศัพท์จนเต็มก็ประมาณ 2 ทุ่มแล้ว เงยหน้าขึ้นไป ดาวเต็มท้องฟ้าเลยนี้ขนาดยังไม่ปิดไฟนะ วู้เลยรีบขึ้นไปตรงจุดกางเต็นท์เอาสายชาร์ตไปเก็บแล้วหยิบขาตั้งกล้องโดยด่วนหามุม หัดถ่ายดาว (แต่ก็ไม่เจอ 2 คนนั้น เจอแต่พ่อ แม่ ลูก ที่คุณพ่อพาลูกมาดูดาว ที่จุดชมวิวเนินกูดดอย)

ดาวเยอะมากสวยงามมากๆ ครับ ผมมาตั้งกล้องตรงจุดชมวิวเนินกูดดอย (ถ่ายแบบซูมๆ สักนิด)

หลังจากนั้นก็เลยเดินลองมาถ่ายตรงจุดชมวิวเขาช้างเผือก (ลองวิชาซะเลย หัดถ่ายดาวหมุน แต่ถ่ายมาแค่ 10 ใบเองดาวเลยไม่เป็นเส้นมากมือใหม่หัดถ่าย)

ถ่ายได้แล้วผมก็กลับมาที่กางเต็นท์ ตรงจุดกางเต็นท์ผมเงยหน้ามองฟ้า มันเป็นอะไรที่ฟินมาก เห็นแล้วปิ้งไอเดียถ่ายรูป ต้นไม้มีช่องรอดผ่านระหว่าพุ่มไม้ให้ดาวโผล่มาพอดี ขอสักใบ

หลังจากถ่ายใบนี้เสร็จก็เข้าเต็นท์เอาแปรงสีฟันไปแปรงฟันแล้วนอนละครับ ค่ำคืนนี้มันยังไม่จบ เมื่อนอนไปสักชั่วโมงสองชั่วโมง ลมครับพี่น้องมันค่อยๆ แรงขึ้นๆ โอ้แม่เจ้าอย่างกับคนมาเขย่าเต็นท์ นอนหลับๆ ตื่นๆ ตลอดคืนเลย

หนาวก็หนาวดันมีถุงนอนแบบบาง คิดว่าเอาอยู่ คืนนั้นเลยเกิดความคิดบ้าๆ ขึ้นมา นี้ขนาดข้างล่างยังขนาดนี้ข้างบนเขาช้างเผือกจะขนาดไหนเนี้ย พรุ่งนี้กลับบ้านดีกว่าไม่ขึ้นละไม่ไหว และก็ปิ้งความคิดขึ้นมาเออที่ภูกระดึงยังมีให้เช่าเครื่องนอนเลยนี้หว่าพรุ่งนี้เช้าลองถามเจ้าหน้าที่ดูถ้าไม่มีจริงๆ ค่อยกลับบ้าน และแล้วก็เช้าวันใหม่ วันสุดท้ายของปี 2556 พระอาทิตย์ขึ้นสวยงามมากเลยครับ

รอถ่ายรูปพระอาทิตย์จนเกือบ 8 โมง ตายละหว่า เจ้าหน้าที่นัดก่อน 9 โมง แล้วตูไม่มีรถมาด้วยต้องไปร่วมกับคนอื่น รีบเก็บเต็นท์แล้วลาลุงกับป้าที่อยู่ข้างๆ กันเลย ลุงกับป้าก็จะกลับกรุงเทพฯ วันนี้เหมือนกัน บึ่งมาถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีคนมาแจ้งขึ้นเขาช้างเผือกกันหลายคน และก็บางคนมาคืนเครื่องนอน บางคนมาเช่าเครื่องนอนเต็นท์ (พอเห็นแล้วคิดในใจเลยเอาละเว้ยขึ้นๆ มีให้เช่าลุยโลด) แล้วก็แจ้งชื่อพี่เจ้าหน้าที่ไป แต่เราต้องไปเสียค่ากางเต็นท์ข้างบนเขาช้างเผือก 30 บาท ตรงด้านหน้าด่านทางเข้าก่อนด้วยนะครับ วันนี้โชคดีจริงๆ ตอนแรกก็คิดว่าจะต้องหากรุ๊ฟเองแล้วก็เลยถามคนนั้นคนนี้ ว่าขอร่วมไปด้วยแล้วหารค่าเจ้าหน้าที่นำทาง พี่เจ้าหน้าที่ใจดี คิดค่าเหมาเป็นรายหัว 150 บาท

และได้เจอน้องผู้หญิงที่นั่งรถเมล์เหลืองมาพร้อมกัน(ถ้าบ้านเราเรียกสองแถว ชื่อน้องแป้งกับน้องอ๊ะ) เลยได้คุยทักทายกันน้องก็จะขึ้นเขาช้างเผือกด้วยเหมือนกัน และก็รอเช่าถุงนอน ส่วนน้องแป้งกับน้องอ๊ะรอเช่าถุงนอนกับเต็นท์ ค่าถุงนอน 40 บาท และก็รอเจ้าหน้าที่กับกลุ่มอื่นด้วย รอสักพักใหญ่ก็มีกลุ่มผู้ใจดีมาแว้ว มากัน 6 คน พี่เจ้าหน้าที่ก็เลยบอกว่าให้พวกเรา 3 คนติดรถไปด้วยได้ไหมมีที่ว่างไหม เค้าบอกว่าที่ (ตอนนั้นยังไม่รู้จักชื่อกัน) จนได้เดินทางร่วมกันรอเครื่องนอนเต็นท์ เสร็จแล้วเราก็ได้ออกเดินทาง (ขอขั้นรูปสักนิด ^_^)
ระหว่างรอนั้นเจ้าแจ๋วแว๋วก็ออกมาต้อนรับนักท่องเที่ยวพร้อมมาป่วนพี่เจ้าหน้าที่

อยู่ข้างในป่วนจนพี่เจ้าหน้าที่ไปจุ๊บ สักพักถึงบินออกมาข้างนอก แอ๊คอาร์ตมากๆ พอเห็นคนมาถ่ายรูป
[CR] ส่งท้ายปีเก่า 56 ต้อนรับปีใหม่ 57 กับ อช.ทองผาภูมิ+เขาช้างเผือก ลุยเดี่ยวทริปเร่งด่วน
เป็นรีวิวที่ 2 นะครับ ไม่รู้จะเขียนได้น่าติดตามหรือเปล่าถ้าผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ
ก่อนจะมาเป็นทริปนี้เคยได้ยินและหาข้อมูลมาพอสมควรแล้ว แต่ไม่ได้ไปสักที ปีที่ผ่านมาช่วงปลายๆ เดือนพฤศจิกายน เพื่อนก็ได้ชวนให้ผมจัดทริปเขาช้างเผือกหน่อย แต่ก็ได้โทรถามเจ้าหน้าที่แล้ว เต็มหมดว่างแค่วันอังคาร-พฤหัส ผมก็ถอดใจละว่าปี 57 นี้ค่อยหาเวลาไปให้ได้ จนวันที่ 26 ธ.ค. 56 ผมเข้ามาอ่านกระทู้ของคุณยุ้ย http://pantip.com/topic/31435802/comment2-1 ว่าจองได้เลยเกิดสนใจขึ้นมาทันใดและก็โทรไปถามพี่เจ้าหน้าที่อีก เค้าก็บอกว่าเต็มอีก
ขึ้นรถแล้วนั่งดูวิวตลอดเส้นทางออกจากหมอชิต 6 โมงนิดๆ ไปถึงตลาดทองผาภูมิประมาณ 11 โมงกว่า (เอาละหว่ารถหมดเที่ยงด้วย เลยเดินไปหาพี่ที่เค้าขายข้าวอยู่ตรงที่รถจอด เค้าบอกเข้าไปอีกอยู่ใกล้ๆ เซเว่น นั่งมอเตอร์ไซต์ไปดีกว่าน้อง และก็ได้พี่ใจดีที่บ้านอยู่ทางที่ผมจะไปโบกรถมอเตอร์ไซต์ให้ ผมเดินคุยกับพี่เค้าสักพักพี่คนนี้เค้ามากับแฟนและลูก(กลับบ้าน)พี่เค้าบอกน้องไปก่อนเลยเดี๋ยวรถจะหมด ใจดีมาก วันนั้นพี่วินก็ไม่มีสักคันทำไมหายไปหมดน้อ เดินไปสักพักก็มีมาคันนึงก็อย่างที่เล่าไว้ครับพี่เค้าให้ผมไปก่อนและบอกพี่วินด้วยว่าไปส่งน้องเค้าที่รถเมล์เหลืองที่จะขึ้นอุทยาน มาถึงปุ๊บขึ้นรถทันใดเลย(ข้างรถจะเขียนว่าปิล๊อค นะครับไม่ใช่อิต่อง) นั่งรถจนประมาณเที่ยงครึ่ง รถก็ออก(แต่ก็ได้เจอน้องที่จะไปร่วมทริปด้วยกันในวันถัดไป ตอนแรกไม่ได้คุยกันเพราะน้องเค้านั่งด้านหลังๆ ของเยอะมากเพราะชาวบ้านลงมาซื้อของ)รถออกเที่ยงครึ่งไปถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิประมาณ 4 โมงได้ ไปถึงก็จ่ายค่าเข้าอุทยาน 40 บาท ค่ากางเต็นท์ 30บาท(เอาเต็นท์มาเองขอรับ) จ่ายเสร็จป้ายหน้าอุทยานคนไม่เยอะแหะ จัดการวางกระเป๋า เต็นท์ หยิบขาตั้งกล้องและเซ็ตให้เรียบร้อยจัดสัก 2 รูป
หลังจากที่ถ่ายรูปเสร็จก็เดินเข้าไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเพื่อสอบถามเรื่องขึ้นเขาช้างเผือกพรุ่งนี้ (เพื่อความชัวร์) และก็เดินไปหาที่กางเต็นท์ด้านใน เดินไปสักพักคุณน้าคนนึงขับกระบะมาหมุนกระจกลงน้องขึ้นมาหลังรถเลยจะได้ไม่ต้องเดิน(ว้าว เจอคนใจดีตั้งแต่แรกเริ่มเลย) พอเจอด่านด้านบนที่จะต้องฉีกหางตั๋ว ผมก็ลงแต่ที่จอดรถด้านบนเต็มน้าเค้าเลยต้องวนรถลงไปจอดข้างล่างผมก็เลยทำการไหว้ขอบคุณน้าเค้าไป น้าเค้าบอกว่ามาหลายรอบแล้วข้างบนเคยมากางละไปข้างล่างบ้าง ^_^ เราก็เดินหาที่กางเต็นท์ พอดีเห็นมีตรงใกล้ๆ จุดชมวิวเนินกูดดอย ใกล้ๆ ผา ก็เลยจัดการกางเต็นท์เลย กางเสร็จก็ขอสักรูป อิอิ
เจอแต่คนใจดีครับทริปนี้ ผมกางเต็นท์เสร็จมีคุณลุงคุณป้ามากับลูกหลานและญาติๆ มากันกลุ่มใหญ่เลยเพราะ 4 เต็นท์ด้านล่างที่ผมกาง ลุงพูดมาเลยมาคนเดียวหรอ (ครับผมมาคนเดียวครับ) มาจากไหนละเรา (มาจากกรุงเทพฯ ครับมารถทัวร์) โห ลุยน่าดูเลย มาๆ มากินข้าวด้วยกัน (^_^ ผมก็ยิ้มแล้วก็ตอบลุงไป พอดีกระทันหันครับลุงมัวแต่รอเพื่อนรอไปรอมาไม่ได้มาสักที และก็บอกลุงว่าขอบคุณมากครับ ไม่เป็นไรครับ) ผมก็ลงไปกินข้าวร้านของอุทยานพอคุยกับคุณลุงเสร็จแล้วก็เลยไปอาบน้ำ(น้ำเย็นมากๆ โอยสั่นสะท้านนี้แค่ 4 โมงกว่าเองนะ แต่เสื้อกางเกงใส่ตัวเดิมเปลี่ยนแต่ กกน. เสื้อกางเกงไว้เปลี่ยนตอนลุยขึ้นเขาพรุ่งนี้)พออาบน้ำเสร็จก็ได้เวลาถ่ายรูปและลงไปกินข้าว
บ้านทาร์ซานจ้า ใครอยากนอนบ้าง (ผมขอบาย เพราะกลัวความสูงดูท่าไม่ไหวลมแรงด้วย
นี่คือทางเดินลงไปร้านค้าสวัสดิการของทางอุทยาน (มันคือทางที่เราต้องเดินขึ้นมากางเต็นท์ด้านบน ที่น้าเค้าให้ติดรถมา ก็ไกลพอสมควร)
พอมาถึงป้อมตรงทางขึ้นเจอดอกไม้ใกล้ๆ ร้านค้าอุทยานก็เลยขอสักหน่อย (เจอดอกไม้ไม่ได้ต้องถ่ายๆ)
ถ่ายเสร็จก็เดินไปร้านค้าสวัสดิการ เลยจัดชุดใหญ่เลยขนมปังเอลเซ่ 8 อัน นม 4 กล่อง น้ำเปล่าขวดใหญ่ 2 ขวด (ตอนแรกคิดว่าไม่มีข้าวขายครับ ซื้อมาม่าเซเว่นที่หมอชิตมาแค่ 2 ถ้วยเองกะเอาไปกินบนเขาช้างเผือก เลยตุนซะหน่อย แต่พอซื้อเสร็จเดินออกมาเห็นทางเดินด้านหลังร้านสวัสดิการ เลยถามพี่เค้าว่าพี่ครับมีข้าวขายไหมครับ พี่เค้าบอกมีเลยเดินไปกินข้าวเลย รอดแล้วเรามื้อนี้ (ลุงเค้าเรียกกินเจือกหยิ่งดีนัก ก็มันเกรงใจนิหน่า))
ทางเดินไปจุดกางเต็นท์ด้านหลังศูนย์บริการนักท่องเที่ยว คนเยอะน่าดูเลยวันที่ 30 ที่อุทยาน
หลังจากกินอิ่มแล้วก็เอาของที่ซื้อจากร้านค้าสวัสดิการไปเก็บที่เต็นท์ แล้วเดินไปดูจุดชมวิวเนินช้างเผือก
เดินเข้าไปถ่ายรูปอยู่พักนึง มีช่างกล้องมาคนนึง เลยขอให้เค้าถ่ายให้ ^_^ และก็ได้เจอกันอีกทีตอนกลางคืนเอาโทรศัพท์ไปชาร์ตที่กินข้าว ส่วนเค้าเอาแบตกล้องไปชาร์ต คุยกันตั้งนานไม่ได้ถามชื่อกันเลย เค้ามากับแฟนและก็พี่ แฟนพี่ เป็นนักถ่ายภาพเลย เค้าคุยว่าเมื่อคืนไปนอนที่เนินช้างศึกมา ลมแรงมาก เต็นท์พับหลายรอบ ต้องเอารถมาบังลม ถังน้ำก็เอาไม่อยู่ล้มหลายรอบ *0* อะไรจะแรงขนาดนั้น และเค้าก็เปิดคลิปให้ดูโหเสียงลมใช่ได้เลยวูปๆ ตลอดเลยแต่ฟ้าตอนเย็นวันที่ 29 บนเนินช้างศึกสวยมากและก็แยกกันไปบอกว่าจะไปเจอกันข้างบนถ่ายดาว
เห็นเขาสูงๆ ตรงกลางไหมครับ พรุ่งนี้เราจะไปลุยกัน เขาช้างเผือก
ขอ Panorama สักรูป
พอผมชาร์ตโทรศัพท์จนเต็มก็ประมาณ 2 ทุ่มแล้ว เงยหน้าขึ้นไป ดาวเต็มท้องฟ้าเลยนี้ขนาดยังไม่ปิดไฟนะ วู้เลยรีบขึ้นไปตรงจุดกางเต็นท์เอาสายชาร์ตไปเก็บแล้วหยิบขาตั้งกล้องโดยด่วนหามุม หัดถ่ายดาว (แต่ก็ไม่เจอ 2 คนนั้น เจอแต่พ่อ แม่ ลูก ที่คุณพ่อพาลูกมาดูดาว ที่จุดชมวิวเนินกูดดอย)
ดาวเยอะมากสวยงามมากๆ ครับ ผมมาตั้งกล้องตรงจุดชมวิวเนินกูดดอย (ถ่ายแบบซูมๆ สักนิด)
หลังจากนั้นก็เลยเดินลองมาถ่ายตรงจุดชมวิวเขาช้างเผือก (ลองวิชาซะเลย หัดถ่ายดาวหมุน แต่ถ่ายมาแค่ 10 ใบเองดาวเลยไม่เป็นเส้นมากมือใหม่หัดถ่าย)
ถ่ายได้แล้วผมก็กลับมาที่กางเต็นท์ ตรงจุดกางเต็นท์ผมเงยหน้ามองฟ้า มันเป็นอะไรที่ฟินมาก เห็นแล้วปิ้งไอเดียถ่ายรูป ต้นไม้มีช่องรอดผ่านระหว่าพุ่มไม้ให้ดาวโผล่มาพอดี ขอสักใบ
หลังจากถ่ายใบนี้เสร็จก็เข้าเต็นท์เอาแปรงสีฟันไปแปรงฟันแล้วนอนละครับ ค่ำคืนนี้มันยังไม่จบ เมื่อนอนไปสักชั่วโมงสองชั่วโมง ลมครับพี่น้องมันค่อยๆ แรงขึ้นๆ โอ้แม่เจ้าอย่างกับคนมาเขย่าเต็นท์ นอนหลับๆ ตื่นๆ ตลอดคืนเลย
รอถ่ายรูปพระอาทิตย์จนเกือบ 8 โมง ตายละหว่า เจ้าหน้าที่นัดก่อน 9 โมง แล้วตูไม่มีรถมาด้วยต้องไปร่วมกับคนอื่น รีบเก็บเต็นท์แล้วลาลุงกับป้าที่อยู่ข้างๆ กันเลย ลุงกับป้าก็จะกลับกรุงเทพฯ วันนี้เหมือนกัน บึ่งมาถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีคนมาแจ้งขึ้นเขาช้างเผือกกันหลายคน และก็บางคนมาคืนเครื่องนอน บางคนมาเช่าเครื่องนอนเต็นท์ (พอเห็นแล้วคิดในใจเลยเอาละเว้ยขึ้นๆ มีให้เช่าลุยโลด) แล้วก็แจ้งชื่อพี่เจ้าหน้าที่ไป แต่เราต้องไปเสียค่ากางเต็นท์ข้างบนเขาช้างเผือก 30 บาท ตรงด้านหน้าด่านทางเข้าก่อนด้วยนะครับ วันนี้โชคดีจริงๆ ตอนแรกก็คิดว่าจะต้องหากรุ๊ฟเองแล้วก็เลยถามคนนั้นคนนี้ ว่าขอร่วมไปด้วยแล้วหารค่าเจ้าหน้าที่นำทาง พี่เจ้าหน้าที่ใจดี คิดค่าเหมาเป็นรายหัว 150 บาท
ระหว่างรอนั้นเจ้าแจ๋วแว๋วก็ออกมาต้อนรับนักท่องเที่ยวพร้อมมาป่วนพี่เจ้าหน้าที่
อยู่ข้างในป่วนจนพี่เจ้าหน้าที่ไปจุ๊บ สักพักถึงบินออกมาข้างนอก แอ๊คอาร์ตมากๆ พอเห็นคนมาถ่ายรูป