เล่าประวัติคร่าวๆก่อน
จขกท จบวิศวะจากมหาลัยสีเขียวครับ มีแฟนเป็นคนญี่ปุ่น ทำงานฟรีแลนส์(เกี่ยวกับงานแปลบทความ)ได้ราวสองปีก็เกิดจับพลัดจับผลู ไปทำงานอยู่ญี่ปุ่นสองปี ทำงานในโรงงานญี่ปุ่นและทำไบต์ส่งหนังสือพิมพ์ครับ สอบได้ระดับN2 หลังจากกลับมาไทยแล้วก็ต้องการหาความมั่นคงด้วยการเป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนคนอื่นบ้าง จึงเริ่มสมัครงาน ที่ทำงานที่แรกเงินเดือน 20k กับตำแหน่ง Safety Training ในโรงงานครับ แล้วเป็นคนไทยคนเดียวในโรงงานที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้ เลยเป็นล่ามจำเป็นด้วย ทำงานได้ครึ่งปีก็อกเนื่องจากเหตุผลว่าโรงงานกับที่บ้านอยู่ไกลมาก ไปหาที่พักใกล้ๆก็ไม่ได้เพราะตอนนั้นเจอช่วงน้ำท่วมกทมปี54 ที่พักเต็มหมด
หลังจากนั้น ได้เข้าทำงานในบริษัทใหญ่บริษัทหนึ่ง ครั้งนี้ได้ JD ว่าเป็นล่ามเลย กับวุฒิวิศวะ และN2 กับเงินเดือน 20k งานก็โอเค มีรถรับส่ง ชีวิตไม่ลำบาก สวัสดิการดี โบนัสเยอะ
แต่ที่ระอาใจคือ ล่ามผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ระดับN4 (ระดับสามเก่า) เข้างานพร้อมกันแต่เงินเดือน 29k ไม่มีความเข้าใจในวัฒนธรรมญี่ปุ่น อ่านคันจิไม่ออก ตรงนี้เราสามารถทำงานร่วมกันและสนับสนุนให้เขาพัฒนาได้ซึ่งเราทำมาตลอด แต่สิ่งที่เอือมคือวันที่สลิปเงินเดือนออก ชอบเอามาเหน็บเราอยู่ทุกครั้งว่าเงินเดือนน้อยจัง 29k เสียภาษีเยอะจัง ประมาณนั้น
จริงๆแล้ว จนถึงปัจจุบัน จขกท ทำงานอยู่กับสังคมญี่ปุ่นมาร่วมห้าปี ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้หรอก ใครจะเงินเดือนเท่าไหร่อย่างไร ใครจะไปเป็นเมียน้อยใคร ใครอู้งาน ฯลฯ จขกท ไม่เคยสน เพราะเราอยู่กับองค์กร เราต้องมุ่งมั่นเต็มที่กับองค์กร แต่สังคมคนไทย วัฒนธรรมองค์กรในบ้านเรา กำลังทำให้คนที่ตั้งใจทำงานต้องหมดไฟลงได้ง่ายดายเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำ
ทำงานที่นี่ผ่านไปสามปี ตอนนี้ จขกท หลุดพ้นแล้วครับ เรื่องพวกนี้เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เราตั้งใจทำงานอย่างเดียวพอ
ส่วนน้องๆที่ต้องการเป็นล่ามและได้แวะเวียนมาอ่านกระทู้นี้ ขอฝากประสบการณ์ไว้ให้ข้อหนึ่งครับ
"เราเป็นล่าม หน้าที่ของเราคือแปลงสารจากภาษาหนึ่งไปยังอีกภาษาหนึ่งโดยส่งต่อใจความสำคัญที่ผู้ส่งสารต้องการส่งให้ครบถ้วน
ล่ามหลายคน เมื่อได้พูดคุยกับผู้บริหารคนญี่ปุ่นนานวันเข้า ก็เริ่มคิดแทน ตอบคำถามแทน ฟ้องผู้ใหญ่ เล่นการเมืองบริษัทฯลฯ
จนสารที่คนข้างล่างต้องการส่งถึงคนข้างบนนั้นถูกตัดตอน หรือบิดเบือนไป ตรงนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่ง"
ยิ่งได้เห็นคนที่ถูกส่งไปอบรมที่ญี่ปุ่น แล้วมาลาออกจากบริษัทไป เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปวดร้าวสำหรับองค์กรมากครับ
สำคัญที่สุดคือ การไม่เหน็บแนมคนอื่น ไม่กล่าวร้ายคนอื่น ไม่เบียดเบียนคนอื่น ย่อมเป็นสิ่งประเสริฐในการทำงานในทุกๆองค์กร
พูดน้อยๆ ทำงานเยอะๆ ใช้มือและเท้าทำงานมากกว่าใช้หูคอยสืบเสาะเรื่องส่วนตัวคนอื่นใช้ปากคอยนินทาผู้อื่น
ขอให้มนุษย์เงินเดือนทุกคน จงประสบแต่ความสุขความเจริญ ได้สมดังความคาดหมายในปีใหม่ 2557 นี้ทุกคนครับ
ระบายความในใจ จากมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่ง
จขกท จบวิศวะจากมหาลัยสีเขียวครับ มีแฟนเป็นคนญี่ปุ่น ทำงานฟรีแลนส์(เกี่ยวกับงานแปลบทความ)ได้ราวสองปีก็เกิดจับพลัดจับผลู ไปทำงานอยู่ญี่ปุ่นสองปี ทำงานในโรงงานญี่ปุ่นและทำไบต์ส่งหนังสือพิมพ์ครับ สอบได้ระดับN2 หลังจากกลับมาไทยแล้วก็ต้องการหาความมั่นคงด้วยการเป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนคนอื่นบ้าง จึงเริ่มสมัครงาน ที่ทำงานที่แรกเงินเดือน 20k กับตำแหน่ง Safety Training ในโรงงานครับ แล้วเป็นคนไทยคนเดียวในโรงงานที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้ เลยเป็นล่ามจำเป็นด้วย ทำงานได้ครึ่งปีก็อกเนื่องจากเหตุผลว่าโรงงานกับที่บ้านอยู่ไกลมาก ไปหาที่พักใกล้ๆก็ไม่ได้เพราะตอนนั้นเจอช่วงน้ำท่วมกทมปี54 ที่พักเต็มหมด
หลังจากนั้น ได้เข้าทำงานในบริษัทใหญ่บริษัทหนึ่ง ครั้งนี้ได้ JD ว่าเป็นล่ามเลย กับวุฒิวิศวะ และN2 กับเงินเดือน 20k งานก็โอเค มีรถรับส่ง ชีวิตไม่ลำบาก สวัสดิการดี โบนัสเยอะ
แต่ที่ระอาใจคือ ล่ามผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ระดับN4 (ระดับสามเก่า) เข้างานพร้อมกันแต่เงินเดือน 29k ไม่มีความเข้าใจในวัฒนธรรมญี่ปุ่น อ่านคันจิไม่ออก ตรงนี้เราสามารถทำงานร่วมกันและสนับสนุนให้เขาพัฒนาได้ซึ่งเราทำมาตลอด แต่สิ่งที่เอือมคือวันที่สลิปเงินเดือนออก ชอบเอามาเหน็บเราอยู่ทุกครั้งว่าเงินเดือนน้อยจัง 29k เสียภาษีเยอะจัง ประมาณนั้น
จริงๆแล้ว จนถึงปัจจุบัน จขกท ทำงานอยู่กับสังคมญี่ปุ่นมาร่วมห้าปี ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้หรอก ใครจะเงินเดือนเท่าไหร่อย่างไร ใครจะไปเป็นเมียน้อยใคร ใครอู้งาน ฯลฯ จขกท ไม่เคยสน เพราะเราอยู่กับองค์กร เราต้องมุ่งมั่นเต็มที่กับองค์กร แต่สังคมคนไทย วัฒนธรรมองค์กรในบ้านเรา กำลังทำให้คนที่ตั้งใจทำงานต้องหมดไฟลงได้ง่ายดายเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำ
ทำงานที่นี่ผ่านไปสามปี ตอนนี้ จขกท หลุดพ้นแล้วครับ เรื่องพวกนี้เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เราตั้งใจทำงานอย่างเดียวพอ
ส่วนน้องๆที่ต้องการเป็นล่ามและได้แวะเวียนมาอ่านกระทู้นี้ ขอฝากประสบการณ์ไว้ให้ข้อหนึ่งครับ
"เราเป็นล่าม หน้าที่ของเราคือแปลงสารจากภาษาหนึ่งไปยังอีกภาษาหนึ่งโดยส่งต่อใจความสำคัญที่ผู้ส่งสารต้องการส่งให้ครบถ้วน
ล่ามหลายคน เมื่อได้พูดคุยกับผู้บริหารคนญี่ปุ่นนานวันเข้า ก็เริ่มคิดแทน ตอบคำถามแทน ฟ้องผู้ใหญ่ เล่นการเมืองบริษัทฯลฯ
จนสารที่คนข้างล่างต้องการส่งถึงคนข้างบนนั้นถูกตัดตอน หรือบิดเบือนไป ตรงนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่ง"
ยิ่งได้เห็นคนที่ถูกส่งไปอบรมที่ญี่ปุ่น แล้วมาลาออกจากบริษัทไป เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปวดร้าวสำหรับองค์กรมากครับ
สำคัญที่สุดคือ การไม่เหน็บแนมคนอื่น ไม่กล่าวร้ายคนอื่น ไม่เบียดเบียนคนอื่น ย่อมเป็นสิ่งประเสริฐในการทำงานในทุกๆองค์กร
พูดน้อยๆ ทำงานเยอะๆ ใช้มือและเท้าทำงานมากกว่าใช้หูคอยสืบเสาะเรื่องส่วนตัวคนอื่นใช้ปากคอยนินทาผู้อื่น
ขอให้มนุษย์เงินเดือนทุกคน จงประสบแต่ความสุขความเจริญ ได้สมดังความคาดหมายในปีใหม่ 2557 นี้ทุกคนครับ