สิ้นปี...ที่ไม่สิ้นแสงแห่งมหาชน......by เปลวสีเงิน.

กระทู้สนทนา
แล้วก็มาถึงวันนี้จนได้สินะ...วันที่ ๓๑ ธันวาคม หมายถึงวันสิ้นสุดแห่งปี ๒๕๕๖ สันตติกาลสู่ปี ๒๕๕๗ อยากถามทุกท่านด้วยพุทธวจนะว่า "วันคืนล่วงไป บัดนี้เราทำอะไรอยู่"?
    สำหรับคนอื่น ผมไม่ทราบ แต่สำหรับ "มวลมหาประชาชน" ผมทราบ คือทราบว่า ท่านทั้งหลายกำลังหมุนวงล้อธรรมบดขยี้อธรรมระบอบทักษิณ นำสังคมประเทศสู่อนาคตใหม่    
    ประชาธิปไตย ไม่โกง ไม่กิน ไม่สิ้นชาติ!
    รอบๆ ตัว ท่านลองสังเกตดูเถอะ มันเปลี่ยนแปลงทั้งนั้น อย่าว่าแต่การบ้าน-การเมืองเลย แม้แต่ทัศนคติ-วิถี-ชีวิต-จิตใจมนุษย์วันนี้ มันเหมือนชีวิตจิตใจเมื่อวานซะที่ไหน
    กระทั่งดินฟ้าอากาศ ปีนี้ยังหนาวเย็นขนาดนี้ ก็ไม่แน่ว่าปีหน้า "หิมะ" จะตกเมืองไทย!?
    เมื่อสังคมโลกหมุนเวียนไปอย่างนี้แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สังคมไทยจะเกิดปฏิกิริยาการเมือง "มิติใหม่" ดังที่เป็น
    เพราะก่อนไปถึงจุดลงตัวสยามประเทศ "มิติใหม่" ในอีก ๒-๓ ปีข้างหน้า มันก็ต้อง ข้น-เคี่ยว-คลั่ก อย่างนี้แหละ!
    ข้อสำคัญ เราต้องหมุนตามไปกับโลก แต่อย่าหลงโลก-ติดโลกย์ โดยอยู่กับมันด้วยรู้เท่าทัน และปรับตัวรับสภาพมัน
    "ปิดกรุงเทพฯ" Shut Down Bangkok ยุทธศาสตร์เปลี่ยนผ่านระบอบทักษิณของกำนันสุเทพ เราจะเห็นว่า เป็นมิติใหม่อันไม่เคยมีมาก่อนในการต่อสู้ทางการเมือง
    พวกชีวิต "สังคมติดกรอบ" จะตกใจ...!
    แต่มวลมหาประชาชนผู้ตื่นรู้ ไม่มีใครตกใจ ด้วยรู้ว่า การก้าวไปสู่อนาคตข้างหน้า ต้องก้าวข้ามออกไปจากกรอบที่กักขัง "สังคมสยบยอมโจร" วันนี้ให้สำเร็จ  
    วิธีการที่จะก้าวข้ามให้พ้น ต้องไม่สร้างความกลัวขังตัวเองด้วยคำถามว่า ทำได้หรือ..เป็นไปได้หรือ?
    เพราะด้วยมิติ "สู่อนาคตใหม่" ไม่มีสิ่งใหม่ไหน ที่จะเป็นไปไม่ได้...ทำไม่ได้ เพราะสิ่งใหม่ภายใต้มโนสำนึกนั้น
    เป็นใหม่สร้างสรรค์ ไม่ใช่ใหม่บั่นทอน-ทำลาย!
    แค่สโลแกนนักสู้นิติธร "รองเท้าผ้าใบ กับใจถึงถึง" แค่นี้ก็ก้าวข้ามกรอบหรือกรงขังแห่งความกลัว แห่งความลังเลไม่แน่ใจสู่อนาคตใหม่
    สำเร็จไปแล้ว...เกือบครึ่ง!
    ผมต้องการย้ำให้ย้อนสำรวจ ด้วยมิติสู่อนาคตใหม่ อะไรๆที่ไม่เคยพบ-เคยเห็นมาก่อน ก็จะมี-จะปรากฏ ให้พบ ให้เห็น!
    กระทั่งวิธีการและรูปแบบทรราชระบอบทักษิณนั่นก็เถอะ มันเหมือนวิธีการและรูปแบบที่ทรราชเก่าๆ เขาทำกันซะที่ไหนล่ะ?
    แต่ก่อนๆ การกังฉิน กินบ้าน-โกงเมือง จะมีขีดจำกัดอยู่แค่ รับสินบาทคาดสินบน กินอิฐกินดินทราย แค่ ๕ ล้าน ๑๐ ล้าน หนังสือพิมพ์ก็พาดหัวตัวยักษ์ โจษขานกันอื้ออึงไปแล้ว
    ไม่มีการก้าวล่วงสถาบัน ไม่มีถึงขั้นล้างระบอบหวังยึดครองประเทศ!
    แต่มิติทรราชระบอบทักษิณ กินงบประมาณ กินโครงการ เป็นล้านล้าน แค่ออเดิร์ฟ เพราะมัน "ใหม่" ไปถึงขั้น  
    "กินแผ่นดิน-ขายประเทศ"!?
    เมื่อการโกง-กินของทรราช เป็นการโกง-กินนอกมิติ มันก็เป็นธรรมดาที่ขบวนการปราบทรราชโกง-กิน จะต้องใช้วิธีการและรูปแบบนอกมิติไปด้วย
    ดังนั้น ที่ปล่อยข่าวกันวันนี้ว่า "ทหารจะปฏิวัติ" นั้น นั่นมันหัสนิยาย สมัย ป.อินทรปาลิต เรื่อง พล นิกร กิมหงวน โน่น
    เช้ยยยย.....เชย!
    ผมไม่ต้องไปสืบข่าวก่อนคุย แต่บอกได้เลย ทหารวันนี้ เขาไม่โง่ขนาดนั้น การปราบยุคเข็ญ จากทรราชกระทำย่ำยีต่อชาติบ้านเมืองนั้น พูดในหลักการ เป็น ๑ ในหน้าที่ทหารเขาอยู่แล้ว
    แต่รูปแบบและวิธีการปราบนั้น สมมุติว่าทหารเขาจะขจัดเสี้ยนหนามให้แผ่นดินจริงๆ ละก็....
    ร้อยรูปแบบ พันวิธีการ ที่เขาจะทำโดยไม่ต้องฉีกรัฐธรรมนูญตามสูตรสำเร็จเก่าๆ และไม่ทำให้ประชาธิปไตย ระบบรัฐสภาต้องพิกล-พิการ!
    เพราะอะไรน่ะหรือ...?
    ก็เพราะ "มิติใหม่" ที่กองทัพวันนี้ เขาพัฒนามิติก้าวพ้นกรอบเดิมๆ แล้วน่ะซี!
    อย่างตำรวจนครบาลของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ที่ออกมาตบเท้าแสดงพลังอำนาจ "รัฐตำรวจ" ระบอบทักษิณ ที่ลานพระบรมรูปทรงม้าเมื่อวาน (๓๐ ธค.๕๖) ผมบอกได้เลยว่า
    เช้ยยยยย เชย!
    มันย่ำย้อนไปถึงยุค ๒๔๙๔-๒๕๐๐ สมัยอัศวินเผ่า เจ้าตำรับกองทัพตำรวจ มีตำรวจเป็นมือปืนอัศวิน คอยตามเก็บ-ตามฆ่านักการเมืองที่เป็นศัตรูอำนาจจอมพล ป.
    เหมือนตอนนี้ อัศวินอดุลย์-อัศวินแจ๊ด สร้างกองทัพตำรวจผสมกองกำลังไม่ทราบสัญชาติ ตามพิฆาตมวลมหาประชาชนที่เป็นศัตรูอำนาจระบอบทักษิณ ผ่านร่างทรงยิ่งลักษณ์
    แล้วกองทัพตำรวจของอัศวินเผ่า ก็จบด้วยเจ๊งให้กับทหาร ที่ล้างทรราชคืนระบบคุณธรรมให้กับบ้านเมือง โดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์!
    ต่างกันเพียงว่า กองทัพตำรวจอภิบาลระบอบทักษิณ ยังย่ำรูปแบบอยู่ในรอยตีนเมื่อ ๕๖ ปีที่แล้ว
    แต่กองทัพ "สร้างมิติใหม่" ด้วยเรียนรู้จากประสบการณ์ และศึกษา "มิติโลก" ช่วงเปลี่ยนผ่าน แล้วประยุกต์ ๒ ด้านนั้น เป็น "ท่าที-บทบาท" กองทัพในวันนี้-ขณะนี้
    ทุกอย่าง "ศูนย์กลาง" อยู่ที่เจตนา!
    "การเข้าสู่อำนาจ" ก็เช่นนั้น ในอดีต ทหารจะเข้าสู่อำนาจด้วยเจตนา "ยึดครองอำนาจ" ไว้เอง
    การเปลี่ยนผ่านนั้น จึงใช้วิธีการ "ปฏิวัติ-รัฐประหาร" ในการเข้าสู่!
    แต่วันนี้ สังคมโลกสู่มิติ "อำนาจประชาชนเปลี่ยนโลก" ไม่ใช่ "อำนาจทหารเปลี่ยนโลก"
    ดังนั้น เมื่อถึงจุดหนึ่งในสถานการณ์ การเปลี่ยนผ่านด้วยเรียนรู้ประสบการณ์และเรียนรู้สังคมโลกของทหาร เขาจะไม่ใช้รูปแบบ "ปฏิวัติ-รัฐประหาร"
    ที่ไม่ใช้ เพราะ "เจตนา" ทหารวันนี้ ถ้าจะทำ เขาจะทำด้วยเจตนา ไม่ต้องการเข้าสู่อำนาจ
    หากแต่ทำด้วยเจตนา "หย่าศึกประชาชน" แล้วคืนอำนาจให้ประชาชน ทำหน้าที่ "เปลี่ยนโลก-เปลี่ยนสังคม" กันเอง
    ตามกลไกประชาธิปไตย ธรรมาภิบาลกำกับ!
    พูดถึงธรรมาภิบาล ก็มาพูดถึงวัน "ส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่" กันนิด ผมตั้งใจไว้แล้ว เย็นนี้ จะไปสวดมนต์ข้ามปีที่ สสส.เขาจัดต่อเนื่องมา ๒-๓ ปีจนเป็นประเพณีไปแล้วที่ท้องสนามหลวง
    ทราบว่า ในรายการหลากหลายตั้งแต่เย็นยันสองยาม ข้ามสู่ พ.ศ.๒๕๕๗ มีรายการหนึ่งที่ผมขอแนะนำว่า "ท่านควรได้รับโอกาสอันหาได้ยากยิ่ง" นี้
    คือคุณหมออุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ยิ้มาน ท่านอาราธนา "พระธรรมมงคลญาณ" วัดธรรมมงคล ที่ตั้งอยู่ย่านพระโขนง  ๑๐๑ มาสาธยายมนต์ เข้าใจว่า "ช่วงเย็นใกล้ค่ำ" แต่ไม่ทราบเวลาแน่นอน
    พระธรรมมงคล คือ "หลวงพ่อวิริยังค์" พระผู้ปฏิบัติดี-ปฏิบัติชอบ ศิษย์ "หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต" องค์สุดท้าย ที่เหลืออยู่ปัจจุบันนี้ ถ้าผมจำไม่ผิด อายุท่านใกล้ ๑๐๐ ปีแล้ว!
    โดยปกติ ยากที่เราทั้งหลายจะมีบุญวาสนาได้พบเพื่อฟังธรรม หรือร่ำเรียนสมาธิธรรมจากหลวงพ่อวิริยังค์โดยตรง
    เมื่อหลวงพ่อรับนิมนต์มาสาธยายมนต์ที่ท้องสนามหลวงเช่นนี้ ด้วยมนต์จากพระสงฆ์ผู้ประเสริฐอันหาได้ยากในยุคสมัยนี้ ขอเราได้ร่วมอยู่ในวงประชุมสโมสร ตั้งใจรับพุทธมนต์จากท่าน
    มงคลสูงสุด ย่อมเกิดแก่มนุษย์และเทวดา สถานเดียว!
    ผมจึงมาบอกให้ท่านไปกัน จากสนามหลวงแล้ว ผมก็คงไปไหนไม่ได้ ต้องไปนับดาวคืนแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑ ณ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ ส่งต่อ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๒ ณ ๑ มกราคม ๒๕๕๗ ตอนสองยาม
    ร่วมกับมหาประชาชนคนราชดำเนิน เอาฤกษ์/เอาชัย
    ก่อน Shut Down Bangkok.

ที่มา:http://www.thaipost.net/news/311213/84068

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่