แล้วก็มาถึงวันนี้จนได้สินะ...วันที่ ๓๑ ธันวาคม หมายถึงวันสิ้นสุดแห่งปี ๒๕๕๖ สันตติกาลสู่ปี ๒๕๕๗ อยากถามทุกท่านด้วยพุทธวจนะว่า "วันคืนล่วงไป บัดนี้เราทำอะไรอยู่"?
สำหรับคนอื่น ผมไม่ทราบ แต่สำหรับ "มวลมหาประชาชน" ผมทราบ คือทราบว่า ท่านทั้งหลายกำลังหมุนวงล้อธรรมบดขยี้อธรรมระบอบทักษิณ นำสังคมประเทศสู่อนาคตใหม่
ประชาธิปไตย ไม่โกง ไม่กิน ไม่สิ้นชาติ!
รอบๆ ตัว ท่านลองสังเกตดูเถอะ มันเปลี่ยนแปลงทั้งนั้น อย่าว่าแต่การบ้าน-การเมืองเลย แม้แต่ทัศนคติ-วิถี-ชีวิต-จิตใจมนุษย์วันนี้ มันเหมือนชีวิตจิตใจเมื่อวานซะที่ไหน
กระทั่งดินฟ้าอากาศ ปีนี้ยังหนาวเย็นขนาดนี้ ก็ไม่แน่ว่าปีหน้า "หิมะ" จะตกเมืองไทย!?
เมื่อสังคมโลกหมุนเวียนไปอย่างนี้แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สังคมไทยจะเกิดปฏิกิริยาการเมือง "มิติใหม่" ดังที่เป็น
เพราะก่อนไปถึงจุดลงตัวสยามประเทศ "มิติใหม่" ในอีก ๒-๓ ปีข้างหน้า มันก็ต้อง ข้น-เคี่ยว-คลั่ก อย่างนี้แหละ!
ข้อสำคัญ เราต้องหมุนตามไปกับโลก แต่อย่าหลงโลก-ติดโลกย์ โดยอยู่กับมันด้วยรู้เท่าทัน และปรับตัวรับสภาพมัน
"ปิดกรุงเทพฯ" Shut Down Bangkok ยุทธศาสตร์เปลี่ยนผ่านระบอบทักษิณของกำนันสุเทพ เราจะเห็นว่า เป็นมิติใหม่อันไม่เคยมีมาก่อนในการต่อสู้ทางการเมือง
พวกชีวิต "สังคมติดกรอบ" จะตกใจ...!
แต่มวลมหาประชาชนผู้ตื่นรู้ ไม่มีใครตกใจ ด้วยรู้ว่า การก้าวไปสู่อนาคตข้างหน้า ต้องก้าวข้ามออกไปจากกรอบที่กักขัง "สังคมสยบยอมโจร" วันนี้ให้สำเร็จ
วิธีการที่จะก้าวข้ามให้พ้น ต้องไม่สร้างความกลัวขังตัวเองด้วยคำถามว่า ทำได้หรือ..เป็นไปได้หรือ?
เพราะด้วยมิติ "สู่อนาคตใหม่" ไม่มีสิ่งใหม่ไหน ที่จะเป็นไปไม่ได้...ทำไม่ได้ เพราะสิ่งใหม่ภายใต้มโนสำนึกนั้น
เป็นใหม่สร้างสรรค์ ไม่ใช่ใหม่บั่นทอน-ทำลาย!
แค่สโลแกนนักสู้นิติธร "รองเท้าผ้าใบ กับใจถึงถึง" แค่นี้ก็ก้าวข้ามกรอบหรือกรงขังแห่งความกลัว แห่งความลังเลไม่แน่ใจสู่อนาคตใหม่
สำเร็จไปแล้ว...เกือบครึ่ง!
ผมต้องการย้ำให้ย้อนสำรวจ ด้วยมิติสู่อนาคตใหม่ อะไรๆที่ไม่เคยพบ-เคยเห็นมาก่อน ก็จะมี-จะปรากฏ ให้พบ ให้เห็น!
กระทั่งวิธีการและรูปแบบทรราชระบอบทักษิณนั่นก็เถอะ มันเหมือนวิธีการและรูปแบบที่ทรราชเก่าๆ เขาทำกันซะที่ไหนล่ะ?
แต่ก่อนๆ การกังฉิน กินบ้าน-โกงเมือง จะมีขีดจำกัดอยู่แค่ รับสินบาทคาดสินบน กินอิฐกินดินทราย แค่ ๕ ล้าน ๑๐ ล้าน หนังสือพิมพ์ก็พาดหัวตัวยักษ์ โจษขานกันอื้ออึงไปแล้ว
ไม่มีการก้าวล่วงสถาบัน ไม่มีถึงขั้นล้างระบอบหวังยึดครองประเทศ!
แต่มิติทรราชระบอบทักษิณ กินงบประมาณ กินโครงการ เป็นล้านล้าน แค่ออเดิร์ฟ เพราะมัน "ใหม่" ไปถึงขั้น
"กินแผ่นดิน-ขายประเทศ"!?
เมื่อการโกง-กินของทรราช เป็นการโกง-กินนอกมิติ มันก็เป็นธรรมดาที่ขบวนการปราบทรราชโกง-กิน จะต้องใช้วิธีการและรูปแบบนอกมิติไปด้วย
ดังนั้น ที่ปล่อยข่าวกันวันนี้ว่า "ทหารจะปฏิวัติ" นั้น นั่นมันหัสนิยาย สมัย ป.อินทรปาลิต เรื่อง พล นิกร กิมหงวน โน่น
เช้ยยยย.....เชย!
ผมไม่ต้องไปสืบข่าวก่อนคุย แต่บอกได้เลย ทหารวันนี้ เขาไม่โง่ขนาดนั้น การปราบยุคเข็ญ จากทรราชกระทำย่ำยีต่อชาติบ้านเมืองนั้น พูดในหลักการ เป็น ๑ ในหน้าที่ทหารเขาอยู่แล้ว
แต่รูปแบบและวิธีการปราบนั้น สมมุติว่าทหารเขาจะขจัดเสี้ยนหนามให้แผ่นดินจริงๆ ละก็....
ร้อยรูปแบบ พันวิธีการ ที่เขาจะทำโดยไม่ต้องฉีกรัฐธรรมนูญตามสูตรสำเร็จเก่าๆ และไม่ทำให้ประชาธิปไตย ระบบรัฐสภาต้องพิกล-พิการ!
เพราะอะไรน่ะหรือ...?
ก็เพราะ "มิติใหม่" ที่กองทัพวันนี้ เขาพัฒนามิติก้าวพ้นกรอบเดิมๆ แล้วน่ะซี!
อย่างตำรวจนครบาลของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ที่ออกมาตบเท้าแสดงพลังอำนาจ "รัฐตำรวจ" ระบอบทักษิณ ที่ลานพระบรมรูปทรงม้าเมื่อวาน (๓๐ ธค.๕๖) ผมบอกได้เลยว่า
เช้ยยยยย เชย!
มันย่ำย้อนไปถึงยุค ๒๔๙๔-๒๕๐๐ สมัยอัศวินเผ่า เจ้าตำรับกองทัพตำรวจ มีตำรวจเป็นมือปืนอัศวิน คอยตามเก็บ-ตามฆ่านักการเมืองที่เป็นศัตรูอำนาจจอมพล ป.
เหมือนตอนนี้ อัศวินอดุลย์-อัศวินแจ๊ด สร้างกองทัพตำรวจผสมกองกำลังไม่ทราบสัญชาติ ตามพิฆาตมวลมหาประชาชนที่เป็นศัตรูอำนาจระบอบทักษิณ ผ่านร่างทรงยิ่งลักษณ์
แล้วกองทัพตำรวจของอัศวินเผ่า ก็จบด้วยเจ๊งให้กับทหาร ที่ล้างทรราชคืนระบบคุณธรรมให้กับบ้านเมือง โดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์!
ต่างกันเพียงว่า กองทัพตำรวจอภิบาลระบอบทักษิณ ยังย่ำรูปแบบอยู่ในรอยตีนเมื่อ ๕๖ ปีที่แล้ว
แต่กองทัพ "สร้างมิติใหม่" ด้วยเรียนรู้จากประสบการณ์ และศึกษา "มิติโลก" ช่วงเปลี่ยนผ่าน แล้วประยุกต์ ๒ ด้านนั้น เป็น "ท่าที-บทบาท" กองทัพในวันนี้-ขณะนี้
ทุกอย่าง "ศูนย์กลาง" อยู่ที่เจตนา!
"การเข้าสู่อำนาจ" ก็เช่นนั้น ในอดีต ทหารจะเข้าสู่อำนาจด้วยเจตนา "ยึดครองอำนาจ" ไว้เอง
การเปลี่ยนผ่านนั้น จึงใช้วิธีการ "ปฏิวัติ-รัฐประหาร" ในการเข้าสู่!
แต่วันนี้ สังคมโลกสู่มิติ "อำนาจประชาชนเปลี่ยนโลก" ไม่ใช่ "อำนาจทหารเปลี่ยนโลก"
ดังนั้น เมื่อถึงจุดหนึ่งในสถานการณ์ การเปลี่ยนผ่านด้วยเรียนรู้ประสบการณ์และเรียนรู้สังคมโลกของทหาร เขาจะไม่ใช้รูปแบบ "ปฏิวัติ-รัฐประหาร"
ที่ไม่ใช้ เพราะ "เจตนา" ทหารวันนี้ ถ้าจะทำ เขาจะทำด้วยเจตนา ไม่ต้องการเข้าสู่อำนาจ
หากแต่ทำด้วยเจตนา "หย่าศึกประชาชน" แล้วคืนอำนาจให้ประชาชน ทำหน้าที่ "เปลี่ยนโลก-เปลี่ยนสังคม" กันเอง
ตามกลไกประชาธิปไตย ธรรมาภิบาลกำกับ!
พูดถึงธรรมาภิบาล ก็มาพูดถึงวัน "ส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่" กันนิด ผมตั้งใจไว้แล้ว เย็นนี้ จะไปสวดมนต์ข้ามปีที่ สสส.เขาจัดต่อเนื่องมา ๒-๓ ปีจนเป็นประเพณีไปแล้วที่ท้องสนามหลวง
ทราบว่า ในรายการหลากหลายตั้งแต่เย็นยันสองยาม ข้ามสู่ พ.ศ.๒๕๕๗ มีรายการหนึ่งที่ผมขอแนะนำว่า "ท่านควรได้รับโอกาสอันหาได้ยากยิ่ง" นี้
คือคุณหมออุดมศิลป์ ศรีแสงนาม

าน ท่านอาราธนา "พระธรรมมงคลญาณ" วัดธรรมมงคล ที่ตั้งอยู่ย่านพระโขนง ๑๐๑ มาสาธยายมนต์ เข้าใจว่า "ช่วงเย็นใกล้ค่ำ" แต่ไม่ทราบเวลาแน่นอน
พระธรรมมงคล คือ "หลวงพ่อวิริยังค์" พระผู้ปฏิบัติดี-ปฏิบัติชอบ ศิษย์ "หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต" องค์สุดท้าย ที่เหลืออยู่ปัจจุบันนี้ ถ้าผมจำไม่ผิด อายุท่านใกล้ ๑๐๐ ปีแล้ว!
โดยปกติ ยากที่เราทั้งหลายจะมีบุญวาสนาได้พบเพื่อฟังธรรม หรือร่ำเรียนสมาธิธรรมจากหลวงพ่อวิริยังค์โดยตรง
เมื่อหลวงพ่อรับนิมนต์มาสาธยายมนต์ที่ท้องสนามหลวงเช่นนี้ ด้วยมนต์จากพระสงฆ์ผู้ประเสริฐอันหาได้ยากในยุคสมัยนี้ ขอเราได้ร่วมอยู่ในวงประชุมสโมสร ตั้งใจรับพุทธมนต์จากท่าน
มงคลสูงสุด ย่อมเกิดแก่มนุษย์และเทวดา สถานเดียว!
ผมจึงมาบอกให้ท่านไปกัน จากสนามหลวงแล้ว ผมก็คงไปไหนไม่ได้ ต้องไปนับดาวคืนแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑ ณ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ ส่งต่อ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๒ ณ ๑ มกราคม ๒๕๕๗ ตอนสองยาม
ร่วมกับมหาประชาชนคนราชดำเนิน เอาฤกษ์/เอาชัย
ก่อน Shut Down Bangkok.
ที่มา:
http://www.thaipost.net/news/311213/84068
สิ้นปี...ที่ไม่สิ้นแสงแห่งมหาชน......by เปลวสีเงิน.
สำหรับคนอื่น ผมไม่ทราบ แต่สำหรับ "มวลมหาประชาชน" ผมทราบ คือทราบว่า ท่านทั้งหลายกำลังหมุนวงล้อธรรมบดขยี้อธรรมระบอบทักษิณ นำสังคมประเทศสู่อนาคตใหม่
ประชาธิปไตย ไม่โกง ไม่กิน ไม่สิ้นชาติ!
รอบๆ ตัว ท่านลองสังเกตดูเถอะ มันเปลี่ยนแปลงทั้งนั้น อย่าว่าแต่การบ้าน-การเมืองเลย แม้แต่ทัศนคติ-วิถี-ชีวิต-จิตใจมนุษย์วันนี้ มันเหมือนชีวิตจิตใจเมื่อวานซะที่ไหน
กระทั่งดินฟ้าอากาศ ปีนี้ยังหนาวเย็นขนาดนี้ ก็ไม่แน่ว่าปีหน้า "หิมะ" จะตกเมืองไทย!?
เมื่อสังคมโลกหมุนเวียนไปอย่างนี้แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สังคมไทยจะเกิดปฏิกิริยาการเมือง "มิติใหม่" ดังที่เป็น
เพราะก่อนไปถึงจุดลงตัวสยามประเทศ "มิติใหม่" ในอีก ๒-๓ ปีข้างหน้า มันก็ต้อง ข้น-เคี่ยว-คลั่ก อย่างนี้แหละ!
ข้อสำคัญ เราต้องหมุนตามไปกับโลก แต่อย่าหลงโลก-ติดโลกย์ โดยอยู่กับมันด้วยรู้เท่าทัน และปรับตัวรับสภาพมัน
"ปิดกรุงเทพฯ" Shut Down Bangkok ยุทธศาสตร์เปลี่ยนผ่านระบอบทักษิณของกำนันสุเทพ เราจะเห็นว่า เป็นมิติใหม่อันไม่เคยมีมาก่อนในการต่อสู้ทางการเมือง
พวกชีวิต "สังคมติดกรอบ" จะตกใจ...!
แต่มวลมหาประชาชนผู้ตื่นรู้ ไม่มีใครตกใจ ด้วยรู้ว่า การก้าวไปสู่อนาคตข้างหน้า ต้องก้าวข้ามออกไปจากกรอบที่กักขัง "สังคมสยบยอมโจร" วันนี้ให้สำเร็จ
วิธีการที่จะก้าวข้ามให้พ้น ต้องไม่สร้างความกลัวขังตัวเองด้วยคำถามว่า ทำได้หรือ..เป็นไปได้หรือ?
เพราะด้วยมิติ "สู่อนาคตใหม่" ไม่มีสิ่งใหม่ไหน ที่จะเป็นไปไม่ได้...ทำไม่ได้ เพราะสิ่งใหม่ภายใต้มโนสำนึกนั้น
เป็นใหม่สร้างสรรค์ ไม่ใช่ใหม่บั่นทอน-ทำลาย!
แค่สโลแกนนักสู้นิติธร "รองเท้าผ้าใบ กับใจถึงถึง" แค่นี้ก็ก้าวข้ามกรอบหรือกรงขังแห่งความกลัว แห่งความลังเลไม่แน่ใจสู่อนาคตใหม่
สำเร็จไปแล้ว...เกือบครึ่ง!
ผมต้องการย้ำให้ย้อนสำรวจ ด้วยมิติสู่อนาคตใหม่ อะไรๆที่ไม่เคยพบ-เคยเห็นมาก่อน ก็จะมี-จะปรากฏ ให้พบ ให้เห็น!
กระทั่งวิธีการและรูปแบบทรราชระบอบทักษิณนั่นก็เถอะ มันเหมือนวิธีการและรูปแบบที่ทรราชเก่าๆ เขาทำกันซะที่ไหนล่ะ?
แต่ก่อนๆ การกังฉิน กินบ้าน-โกงเมือง จะมีขีดจำกัดอยู่แค่ รับสินบาทคาดสินบน กินอิฐกินดินทราย แค่ ๕ ล้าน ๑๐ ล้าน หนังสือพิมพ์ก็พาดหัวตัวยักษ์ โจษขานกันอื้ออึงไปแล้ว
ไม่มีการก้าวล่วงสถาบัน ไม่มีถึงขั้นล้างระบอบหวังยึดครองประเทศ!
แต่มิติทรราชระบอบทักษิณ กินงบประมาณ กินโครงการ เป็นล้านล้าน แค่ออเดิร์ฟ เพราะมัน "ใหม่" ไปถึงขั้น
"กินแผ่นดิน-ขายประเทศ"!?
เมื่อการโกง-กินของทรราช เป็นการโกง-กินนอกมิติ มันก็เป็นธรรมดาที่ขบวนการปราบทรราชโกง-กิน จะต้องใช้วิธีการและรูปแบบนอกมิติไปด้วย
ดังนั้น ที่ปล่อยข่าวกันวันนี้ว่า "ทหารจะปฏิวัติ" นั้น นั่นมันหัสนิยาย สมัย ป.อินทรปาลิต เรื่อง พล นิกร กิมหงวน โน่น
เช้ยยยย.....เชย!
ผมไม่ต้องไปสืบข่าวก่อนคุย แต่บอกได้เลย ทหารวันนี้ เขาไม่โง่ขนาดนั้น การปราบยุคเข็ญ จากทรราชกระทำย่ำยีต่อชาติบ้านเมืองนั้น พูดในหลักการ เป็น ๑ ในหน้าที่ทหารเขาอยู่แล้ว
แต่รูปแบบและวิธีการปราบนั้น สมมุติว่าทหารเขาจะขจัดเสี้ยนหนามให้แผ่นดินจริงๆ ละก็....
ร้อยรูปแบบ พันวิธีการ ที่เขาจะทำโดยไม่ต้องฉีกรัฐธรรมนูญตามสูตรสำเร็จเก่าๆ และไม่ทำให้ประชาธิปไตย ระบบรัฐสภาต้องพิกล-พิการ!
เพราะอะไรน่ะหรือ...?
ก็เพราะ "มิติใหม่" ที่กองทัพวันนี้ เขาพัฒนามิติก้าวพ้นกรอบเดิมๆ แล้วน่ะซี!
อย่างตำรวจนครบาลของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ที่ออกมาตบเท้าแสดงพลังอำนาจ "รัฐตำรวจ" ระบอบทักษิณ ที่ลานพระบรมรูปทรงม้าเมื่อวาน (๓๐ ธค.๕๖) ผมบอกได้เลยว่า
เช้ยยยยย เชย!
มันย่ำย้อนไปถึงยุค ๒๔๙๔-๒๕๐๐ สมัยอัศวินเผ่า เจ้าตำรับกองทัพตำรวจ มีตำรวจเป็นมือปืนอัศวิน คอยตามเก็บ-ตามฆ่านักการเมืองที่เป็นศัตรูอำนาจจอมพล ป.
เหมือนตอนนี้ อัศวินอดุลย์-อัศวินแจ๊ด สร้างกองทัพตำรวจผสมกองกำลังไม่ทราบสัญชาติ ตามพิฆาตมวลมหาประชาชนที่เป็นศัตรูอำนาจระบอบทักษิณ ผ่านร่างทรงยิ่งลักษณ์
แล้วกองทัพตำรวจของอัศวินเผ่า ก็จบด้วยเจ๊งให้กับทหาร ที่ล้างทรราชคืนระบบคุณธรรมให้กับบ้านเมือง โดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์!
ต่างกันเพียงว่า กองทัพตำรวจอภิบาลระบอบทักษิณ ยังย่ำรูปแบบอยู่ในรอยตีนเมื่อ ๕๖ ปีที่แล้ว
แต่กองทัพ "สร้างมิติใหม่" ด้วยเรียนรู้จากประสบการณ์ และศึกษา "มิติโลก" ช่วงเปลี่ยนผ่าน แล้วประยุกต์ ๒ ด้านนั้น เป็น "ท่าที-บทบาท" กองทัพในวันนี้-ขณะนี้
ทุกอย่าง "ศูนย์กลาง" อยู่ที่เจตนา!
"การเข้าสู่อำนาจ" ก็เช่นนั้น ในอดีต ทหารจะเข้าสู่อำนาจด้วยเจตนา "ยึดครองอำนาจ" ไว้เอง
การเปลี่ยนผ่านนั้น จึงใช้วิธีการ "ปฏิวัติ-รัฐประหาร" ในการเข้าสู่!
แต่วันนี้ สังคมโลกสู่มิติ "อำนาจประชาชนเปลี่ยนโลก" ไม่ใช่ "อำนาจทหารเปลี่ยนโลก"
ดังนั้น เมื่อถึงจุดหนึ่งในสถานการณ์ การเปลี่ยนผ่านด้วยเรียนรู้ประสบการณ์และเรียนรู้สังคมโลกของทหาร เขาจะไม่ใช้รูปแบบ "ปฏิวัติ-รัฐประหาร"
ที่ไม่ใช้ เพราะ "เจตนา" ทหารวันนี้ ถ้าจะทำ เขาจะทำด้วยเจตนา ไม่ต้องการเข้าสู่อำนาจ
หากแต่ทำด้วยเจตนา "หย่าศึกประชาชน" แล้วคืนอำนาจให้ประชาชน ทำหน้าที่ "เปลี่ยนโลก-เปลี่ยนสังคม" กันเอง
ตามกลไกประชาธิปไตย ธรรมาภิบาลกำกับ!
พูดถึงธรรมาภิบาล ก็มาพูดถึงวัน "ส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่" กันนิด ผมตั้งใจไว้แล้ว เย็นนี้ จะไปสวดมนต์ข้ามปีที่ สสส.เขาจัดต่อเนื่องมา ๒-๓ ปีจนเป็นประเพณีไปแล้วที่ท้องสนามหลวง
ทราบว่า ในรายการหลากหลายตั้งแต่เย็นยันสองยาม ข้ามสู่ พ.ศ.๒๕๕๗ มีรายการหนึ่งที่ผมขอแนะนำว่า "ท่านควรได้รับโอกาสอันหาได้ยากยิ่ง" นี้
คือคุณหมออุดมศิลป์ ศรีแสงนาม
พระธรรมมงคล คือ "หลวงพ่อวิริยังค์" พระผู้ปฏิบัติดี-ปฏิบัติชอบ ศิษย์ "หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต" องค์สุดท้าย ที่เหลืออยู่ปัจจุบันนี้ ถ้าผมจำไม่ผิด อายุท่านใกล้ ๑๐๐ ปีแล้ว!
โดยปกติ ยากที่เราทั้งหลายจะมีบุญวาสนาได้พบเพื่อฟังธรรม หรือร่ำเรียนสมาธิธรรมจากหลวงพ่อวิริยังค์โดยตรง
เมื่อหลวงพ่อรับนิมนต์มาสาธยายมนต์ที่ท้องสนามหลวงเช่นนี้ ด้วยมนต์จากพระสงฆ์ผู้ประเสริฐอันหาได้ยากในยุคสมัยนี้ ขอเราได้ร่วมอยู่ในวงประชุมสโมสร ตั้งใจรับพุทธมนต์จากท่าน
มงคลสูงสุด ย่อมเกิดแก่มนุษย์และเทวดา สถานเดียว!
ผมจึงมาบอกให้ท่านไปกัน จากสนามหลวงแล้ว ผมก็คงไปไหนไม่ได้ ต้องไปนับดาวคืนแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑ ณ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ ส่งต่อ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๒ ณ ๑ มกราคม ๒๕๕๗ ตอนสองยาม
ร่วมกับมหาประชาชนคนราชดำเนิน เอาฤกษ์/เอาชัย
ก่อน Shut Down Bangkok.
ที่มา:http://www.thaipost.net/news/311213/84068