ตามรักคืนเรือน ตอนที่ 8

กระทู้สนทนา
แม้เขาจะรู้ว่า จิระ นั้นพลิ้วขนาดไหน แต่กรรมการบริหารก็ทั้งต้อน ทั้งกล่อมให้จิระจนมุมจนได้ เขารู้ดีว่าจิระอยากจะทำโครงการใหญ่ ชอปปิ้งมอลล์ที่เชื่อมต่อกับรีสอร์ทสปาริมน้ำ แต่ด้วยเหตุผลหลายๆด้าน กรรมการก็บีบให้ จิระ ต้องเดินหน้าตัวชอปปิ้งมอลล์ แต่เพียงอย่างเดียวไปก่อน

      “เสียแผนหมด” จิระบ่นอย่างหัวเสีย ตั้งแต่เดิน ออกจากห้องประชุม จนกลับมาถึงห้องทำงาน โดยลูกทีมเดินจ้ำตามหลังหัวหน้าโปรเจคแทบไม่ทันรวมทั้ง วิวัฒน์

      “ใจเย็นพี่จิ “ ประสม หนึ่งในผู้ช่วยในทีมพูดเสียงปรามๆเมื่อเห็นกลุ่มกรรมการ เดินตามมาข้างหลัง

      “เฮ้ย ไม่ได้ใจร้อนอะไร ไม่ต้องเย็น” จิระตอบกลับ แต่เสียงนั้นไม่ได้เบาลง มือก็โยนแฟ้มนำเสนอ ลงบนโต๊ะทำงานอย่างหัวเสีย

      “จิ”

       เสียงจากพ่อของเขาเอง ดังจากปากประตูห้องของจิระ วิทยาก็เป็นหนึ่งในกรรมการที่ไล่ต้อนจิระในที่ประชุม

      “เข้าใจเหตุผลใช่ไหม” วิทยาถามเรียบๆ

      “ครับ     

      “เงินลงทุนเราไม่มากพอจะเก็บที่ดินเปล่าไว้นานๆ”

      “ครับ”

      “คิดในแง่ดีสิ ถ้ามีห้างมาเปิด หน้าบ้านเขา เจ้าของเขาอาจจะเปลี่ยนใจอยากขายก็ได้ แล้วก็ไม่มีกรรมการคนไหนคัดค้านเรื่อง รีสอร์ทนะ ยังเดินหน้าต่อไปได้ แต่ต้องมีลำดับก่อนหลัง”

      “ครับ” จิระดูเหมือนจะได้แต่รับคำ

     “ก็เข้าใจหมดแล้วจะ หัวเสียทำไม  โครงการเล็กลงแต่ก็ยังเป็นโครงการที่ดี ห่างจากนิคมไม่ไกล ถ้าขายพื้นที่มอลล์ ปล่อยออกไปได้บ้าง ทางกรรมการอาจจะ อนุมัติเงินเพิ่มให้สำหรับส่วนขยายส่วนของรีสอร์ทมากกว่าเดิม คิดในแง่ดีบ้างสิ”

     “ครับ”

      “แล้วก็ ฝากใช้งานเล็กมันหนักๆ ด้วย อย่าให้มันมีเวลาไปเที่ยวกินเหล้า” จบเรื่องงานก็หันมาเล่นงานลูกชายทันที

      “ท่านรอง ไม่ไปกินข้าวกับเลขา ละครับ นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว”วิวัฒน์เองก็มีไม้ตายไว้โต้ตอบพ่อกลับเหมือนกัน

      “เฮ้ย ไม่ต้องมาไล่พ่อเลย ไอ้เล็ก”ปากนั้นตอบโต้กับลูกชายแต่ก็อดยกมือซ้ายขึ้นมาดูนาฬิกาไม่ได้ “ตายละ สิบเอ็ดครึ่ง แล้ว”

      บรรยากาศการหยอกล้อ ของสองพ่อลูกทำให้จิระใจเย็นลงได้  จิระส่ายหน้าช้าแต่เริ่มมีรอยยิ้มที่มุมปาก

      “ท่านรอง วางใจได้ครับ ถ้าโครงการเริ่มเดินหน้าแล้วผมจะใช้งานเจ้าเล็ก ให้ไม่มีเวลานึกถึงขวดเหล้าเลย”

   -----------------------------------------------------

        คลิ๊ก!

       เสียงปิดประตูทำให้เขาต้องละสายตาจากหนังสือที่กำลังอ่านอยู่ เงยหน้าขึ้นมาก็เห็น วาณี อยู่ในชุดราตรีสีแดง เดินเข้าประตูมา หญิงสาวผิวขาว ตาตี่ ในชุดสีแดง ดูเหมือนเจ้าตัวจะอยากเน้นให้เห็นความเป็นจีนในสายเลือดโดยไม่คิดจะปิดบัง

      “พี่ไม่เข้าใจเลย ทำไมถึงชอบใส่นักไอ้ชุดแดงนี่”

      “สาวหมวย ก็ต้องคู่กับชุดแดงสิคะ พี่ปุ่น” พูดไปก็เดินเลียนแบบนางแบบ พลางหมุนโชว์ตัวไปด้วย

      “แล้วงานเลี้ยงเป็นยังไง บ้างสนุกไหม”

      “เจ้าบ่าวหล่อ เจ้าสาวสวย เพื่อนเจ้าสาวหมวย” คนตอบทำเสียงสำเนียงจีนล้อไปด้วย แล้วเจ้าตัวก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาโยนกระเป๋าถือไว้ข้างๆตัว “แล้วก็มีคนแก่น่าเบื่อ”

      “คนแก่ไหน ?”

      “ญาติทางยาย กุ๊ก หรือไม่ก็เจ้าบ่าว มั้งคะ หวานเองก็ไม่รู้จัก”

      กุ๊ก เป็นเพื่อนสนิทเรียนคณะเดียวกับวาณี พบรักกับรุ่นพี่ต่างคณะและเพิ่งจะมีงานเลี้ยงฉลองสมรสไปเมื่อช่วงค่ำ ทางเจ้าสาวขอให้วาณีไปทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าสาว

      “แล้วน่าเบื่อยังไง ไหนว่าเชิญญาติผู้ใหญ่ไม่กี่คน มีแต่เด็กๆ รุ่นหวานไม่ใช่เหรอ”

      “ก็ไม่รู้ว่าไปได้ข่าว เรื่องคุณแม่ได้ที่มรดกมาจากไหน มาถามว่าจะขายที่ไหม จะติดต่อกับคุณแม่ได้ยังไง หวานเองก็งงไปหมดเหมือนกัน เลยตอบปฏิเสธไปว่า คุณแม่ไม่คิดจะขาย วันก่อนก็มีโทรศัพท์ ทำนองนี้โทรเข้ามาที่ออฟฟิสเหมือนกัน”

      ปริญญา ฟังไปก็ขมวดคิ้วไป

      “มีอะไร หรือเปล่าค่ะ?พี่ปุ่น”

      “คุณพ่อ พี่ก็เพิ่งโทรมาเมื่อเช้า ว่ามีคนไปถามหาว่าจะติดต่อป้ากัลยา ได้ยังไงที่สุราษฏร์เหมือนกัน เลยพาคุณป้าไปหลบอยู่ที่ในสวน เพราะไม่แน่ใจว่าเป็นคนของพ่อหวาน หรือเปล่า”

      “คุณแม่ไม่เห็นโทรบอกหวานเลย”

      “คงไม่อยากให้เราเป็นห่วงนะ” เขาตอบไปตามที่คิด

     “พี่ว่า ที่มรดกของคุณตากิจจา จะสร้างปัญหามากกว่าที่เราคิดนะ”

   -----------------------------------------------------


    เวลาค่ำดึกสงัด วิวัฒน์ หิ้วกาน้ำชาแบบจีน มืออีกข้างถือถ้วยชาแบบจีนมาอีกหนึ่งใบ เดินไปยังศาลาริมน้ำ ชาจีนเป็นเครื่องเซ่นที่  คุณแม่บอกว่า คุณละเอียดชอบทำให้ที่บ้านแม้จะไม่มีใครดื่มชาจีน แต่มีกาน้ำชา และ ใบชาจีนอย่างดีติดบ้านไว้เสมอ

   ชายหนุ่ม นั่งลงที่เก้าอี้ วางกาน้ำชาไว้ข้างตัว แล้วค่อยๆรินน้ำชาร้อนลงในในถ้วยที่เตรียมมา ไอร้อนและกลิ่นใบชา หอมจางๆ ลอยมากระทบจมูกเขา วิวัฒน์ สูดหายใจลึกๆ รวบรวมความกล้า เขารู้สึกเหมือนชายหนุ่มที่กำลังจะ เข้าพบญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง

   “คุณละเอียดครับ เล็กไม่เจอ คุณละเอียด มานานมากแล้วแต่คุณแม่บอกว่าคุณ ยังอยู่” เขาเหลือบมองไปทั่ว ก่อนจะพูดต่อ

   “เล็กเจอ หลาน  เอ.. หรือจะเรียกว่า เหลนดี  เหลนของคุณละเอียดเขาน่ารักดีครับ” เขาเองก็รู้สึกทั้งเขิน ทั้งตลกตัวเองที่ออกมาเล่าความรู้สึกตนเองให้วิญญาณฟัง แต่เขาอยากจะได้กำลังใจ สำหรับแผนการขั้นถัดไป การได้บอกกับญาติผุ้ใหญ่ฝ่ายหญิง ทำให้เขามั่นใจขึ้น

   “หลายวันที่เล็กไปทำงาน เล็กก็สืบเรื่องของ หวาน เขาไปด้วยเล็กไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง คิดว่าจะติดต่อ ให้เขามาช่วยจัดสวนที่บ้าน หวานเขาเปิดบริษัท กับเพื่อนๆครับ เหลน คุณละเอียดเก่งนะครับ ฝีมือดีทีเดียว”

   เขาก้มหน้าลง มือสองข้างกุมกันไว้ พยายามเรียบเรียงคำพูด

   “เล็กชอบเขาจริงๆ นะครับ พอรู้ว่าเขาเป็นเหลน ของคุณ เล็กก็อยากจะรู้เรื่องเขามากขึ้น ยิ่งได้รู้ว่าชีวิตเขาผ่านอะไรมาบ้าง เล็กยิ่งชื่นชมเขา”  เหมือนคำพูดนั้นจะทำให้เขาสบายใจขึ้น เขาเงยหน้าขึ้นหันมองออกไปยังทะเลสาบ

   “เล็กคงเหมือนคนบ้า ที่หลงฝัน ไปถึงคนที่เจอกันแค่ครั้งเดียวแต่หลงเขาไปแล้ว แต่ถ้าจะผิดหวัง ก็ขอฟังจากปากเขาเอง ที่เล็กอยากจะบอกกับคุณ ก็มีแค่นี้แหละครับ”

   วิวัฒน์ลุกขึ้น มือหนึ่งหิ้วกาน้ำชา อีกมือ หยิบถ้วยชา ที่ตอนนี้น้ำในถ้วยชาเพียงแค่อุ่นๆ เท่านั้น แต่กลิ่นใบชานั้นหายไปหมดแล้ว เขาเดินกลับขึ้นบ้าน โดยไม่ลืมจะเหลียวมากล่าวคำลา กับเจ้าของศาลา

   “ราตรีสวัสดิ์ครับ คุณละเอียด”
  
   -------------------------------------------

   "ไอ้หวาน งานเข้าแล้ว” เสียง พี่อ้อย เรียกหล่อนจากโต๊ะทำงาน หลังจากวางหูโทรศัพท์ลง

    พี่อ้อย หรือ หฤทัย รุ่นพี่ที่มีอีกตำแหน่งเป็น ประธานบริษัท ซูการ์ สตูดิโอ จำกัด บริษัทที่รับ งานออกแบบทุกชนิด ตกแต่งภายใน ออกแบบสวน รวมไปถึงงานรับเหมาจัดสวน

   “ชื่อแก ชักขายได้แล้วนะ ทางโน้นระบุ ตัวแกมาเลย” ก่อนจะเดินมาทำท่ากระซิบที่ข้างหูหล่อน “ขอให้คุณ วาณี มาทำงานนี้ด้วยนะครับ เสียงโคตรหล่อ เลย”

   “ไม่ใช่ ลูกน้อง พ่อหวาน อีกนะคะ” วาณี อดค้านไม่ได้

        ตั้งแต่บริษัทนี้ตั้งมา ก็ได้ลูกค้าจาก การแนะนำ หรือ กดดันของ รัฐมนตรี อิทธิ เข้ามาเสมอๆ อาจจะด้วยความรัก อยากจะช่วยบริษัทที่ลูกสาวทำงาน หรือ อยากจะโชว์บารมีของพ่อ หล่อนก็ไม่อยากจะรับทั้งนั้น หล่อนต้องการเฉพาะงานที่ได้จากความสามารถของตัวเอง

   “ไม่น่าใช่นะ รายนี้ให้ตกแต่งสวนที่บ้านเจ้าของบ้านชื่อ..”หฤทัย เดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง หยิบกระดาษโน้ต มาอ่าน “วิทยา วิจิตรการกิจ คนติดต่อ ชื่อ วิวัฒน์ เป็นลูกชาย  เอ นามสกุลคุ้นๆ ”

   “พวก สยามพัฒน์ นิคะ หวานเคยเห็นชื่อ คุณวิทยา บ่อยๆ ในนิตยสาร บ้านกับสวน”

   “ถ้าพวก สยามพัฒน์ พรอพเพอร์ตี้ จริง ทำไมไม่ให้ลูกน้องทำให้ นักออกแบบสวนในบริษัทก็น่าจะมี แล้วจะมาจ้างเราทำไม”
  
     “คิดมากปวดหัว พี่อ้อย เขาอยากเสียเงิน ก็เรื่องของเขาตอนนี้ หวานว่างอยู่ เขานัดเวลาไหนได้ทั้งนั้น ไปดูบ้านวันนี้ก็ยังได้เลย”

   “เหงามากละสิแก ต้องมาอยู่เฝ้าบริษัทกับพี่สองคน ก็แกดันลาไปงานศพ ลาไปรับมรดก เสียหลายวัน งานแกคนอื่นเขาก็ทำแทนไปหมดสิ เป็นเศรษฐีแล้วนิ ไม่จ้างพี่ไปตกแต่งบ้านใหม่แกบ้างเหรอ”

   “มรดกแม่คะ ไม่ใช่ของหวาน บ้านกลางสวนผลไม้ ไม่ต้องตกแต่งอะไรหรอกคะ”

   “อย่างนี้ ยิ่งน่าไป ทำฟรีให้ก็ได้ ขอค่าจ้างเป็นเป็น อาหารสามมื้อ ผลไม้ในสวนก็พอ” พี่อ้อย ยังแหย่ไม่หยุด
  
     “วันหลังจะพาไปนอนค้างทั้งบริษัทเลยคะ แต่ตอนนี้พี่อ้อย เอาที่อยู่กับวันนัดไปดูบ้านลูกค้ามาก่อน”

   หฤทัย ทำหน้าเซ็งๆ เมื่อเห็น หล่อนไม่ ต่อปากต่อคำด้วย

   “ถ้าเจ้าของบ้านหล่อ ถ่ายรูปมาให้พี่ดูด้วยนะ” พี่อ้อยยังไม่วายพูดทิ้งท้ายตอนส่งกระดาษโน้ต จดที่อยู่ เบอร์โทรลูกค้าให้วาณี

              ----------------------------------------------------------

   แผนการเขาเริ่มจาก เกลี้ยกล่อมให้พ่อ ตกแต่งสวนใหม่เขารู้มานานแล้วว่าพ่อไม่ชอบสวนเดิม เพราะพ่อมักจะบ่นเรื่องสวนเหมือนสนามกอล์ฟอยู่เสมอ  แต่ไม่อยากจะทำใหม่เพราะเป็นบ้านในโครงการของบริษัท คำพูดติดปากของพ่อก็คือ

    อยู่ให้เหมือนลูกค้าเขาจะได้มั่นใจในบ้านของเรา

   จนบ้านลูกค้าแต่งสวน ปลูกต้นไม่เพิ่ม  ไปมากน้อยแค่ไหนบ้านของพ่อก็แทบจะไม่ต่างไปจากเมื่อ ยี่สิบปีก่อน จะมีสิ่งที่เพิ่มมาก็เพียง ศาลาริมน้ำ ที่พ่อลงทุนไปซื้อมาจากสมุทรสาคร  แรงยุของเขาสำเร็จ เมื่อเขาชี้ให้ดูเพื่อนบ้านโดยรอบ แต่งสวนปลูกต้นไม้ใหม่แล้วเกือบทั้งหมด พ่อถึงได้ยอมให้มีการตกแต่งสวนใหม่

   เขาโทรนัดติดต่อไปยัง ซูการ์ สตูดิโอ แล้วระบุตัว วาณี ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด ดูเหมือน หญิงสาวจะว่างอยู่และพร้อมจะมาดูสถานที่ได้เสมอ เขานัดให้หญิงสาวมาในบ่ายวันเสาร์ ซึ่งก็คือวันนี้

   “ไอ้ตัวยุ่ง ไหงวันนี้ตื่นเช้าได้”เสียงผู้เป็นพ่อทักทันทีที่เห็นเขาเดินลงจากบันได แต่ในมือคนพูดยังถือหนังสือพิมพ์อ่านค้างอยู่

   “ก็วันนี้นัดเขามาดูสวน ก็ต้องตื่นเช้าหน่อยสิครับ”เขาตอบขณะเดินเข้าไปที่เค้าเตอร์บาร์เพื่อชงกาแฟให้ตัวเอง

   “ไหนว่านัดไว้บ่ายไง แกตื่นใกล้ๆ เที่ยงอย่างทุกทีก็ได้”

   “ทุกทีก็ไม่ได้ตื่นสายขนาดนั้น นิครับ สิบโมงนิดๆ เอง”คำพูดเชิงประชดของบิดานั้นทำให้เขาคิดพฤติกรรมตนเองที่ผ่านมาเหมือนกัน

   เขาตื่นสายแบบนี้มาตลอดเลยเหรอ

   “นี่ถ้าไม่ใช่เพราะแกบอกจะเอาเงินแกออกครึ่งหนึ่ง ฉันไม่ยอมให้แกจ้างคนนอกมาทำงานนี้หรอก ผู้รับเหมาของเราก็มีทำไมต้องไปจ้างบริษัทอื่นก็ไม่รู้” เป็นคำบ่นที่เขาได้ยิน มาตลอดสองสามวันแล้ว

   “ก็ผู้รับเหมาของเรา ก็จัดออกมาได้แต่ แบบที่เราอยู่ไงครับผมว่าน่าจะให้บริษัท รับออกแบบสวนโดยเฉพาะมาทำ สวนนี้เพิ่มจากผู้รับเหมาเจ้าเดิม เสนอเป็นทางเลือก  ถ้าตกลงกันได้ให้เขาลดเปอร์เซ็นต์ลงมา ก็ win-win ทั้งสองฝ่าย เขาก็ได้งานเพิ่มเราก็มีทางเลือกเพิ่มให้ลูกค้า”

   “เรื่องนี้เข้าท่า แกลองไปทำแผนเสนอ คณะกรรมการดู ทำราคาเปรียบเทียบแต่ละเจ้าไว้  หรือ ลองเอางบโปรโมชั่นสวนลด ของเราให้เขาไปออกแบบดูว่าทำได้แค่ไหน เอาแบบละเอียดนะ”

   “ครับ ท่านรอง ถ้าว่างจาก โครงการของพี่จินะครับ จะทำให้”

   “แล้วไปตักบาตร กับแม่เขาไหมละ ไหนๆ ก็ตื่นแต่เช้าแล้ว”

   “ไปสิครับ แล้วคุณนายไปไหนละครับ”

   “งั้นไปช่วยแม่เขายกของในครัวใหญ่เลย น่าจะใกล้เสร็จแล้ว”

   “ครับ เบ๊กิตติมาศักดิ์จะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ”เขายกกาแฟซดหมดแก้ว ก่อนจะเดินไปทางครัวใหญ่

   ไหนๆ วันนี้เขาจะเริ่มจีบ เหลนคุณละเอียด อย่างจริงๆจังๆแล้วทำบุญเอาฤกษ์เอาชัยหน่อยก็แล้วกัน เขาคิดในใจ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่