เรื่องสั้น "วันวานที่ผ่านพ้น"

กระทู้สนทนา
วันวานที่ผ่านพ้น
       งานที่เร่งรัดเข้ามา มันทำให้เขารู้สึกว่าเครียด แต่ถึงแม้จะเครียด สิ่งที่เขาได้คือความภูมิใจ
ภูมิใจจากการที่มีคนมายกย่องในฐานะเป็นคนเก่ง โดยกลไกธรรมชาติแล้ว มนุษย์เรานั้นจะมีข้อ
ขัดแย้งอยู่ระหว่าง “ความสบาย” กับ “ความภูมิใจ” ถ้าเลือกทางสบายก็จะไม่กระตือรือล้นใน  
  การทำงาน ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จก็ต้องยิ่งขยัน
         “ชีวิตต้องอดทน” นั่นเป็นคำคมที่จิระกุล เชิ่ออยู่ตลอดเวลา เขาเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นมา
  ตั้งแต่เด็กแล้ว ทุกอย่างที่เขาตั้งใจจะทำ เขาต้องทำให้สำเร็จ ถ้าผิดพลาดไม่สำเร็จ ก็ยิ่งต้องทำใหม่
จนกว่าจะสำเร็จ และเพราะนิสัยแบบนี้ มันทำให้เขาประสบความสำเร็จมาตั้งแต่เด็กๆ โดยเฉพาะ
ในเรื่องกีฬาและเรื่องผู้หญิง เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ทางด้านกีฬาบาสเก็ตบอลมาก นอกจากนั้น
  เขายังเป็นคนที่ขยันมากฝึกซ้อมบาสเก็ตบอลอยู่ตลอดเวลาทุกวัน วันละหลายชั่วโมง และเพราะ
  จาก 2 สาเหตุนี้ทำให้เขามีฝีมือทางด้านกีฬามากที่สุด ไม่ใช่แค่เฉพาะในโรงเรียน แต่ทั้งระดับเขต
  ระดับจังหวัด และระดับประเทศเขาคือผู้ที่เก่งที่สุด เริ่มตั้งแต่ม.2  อายุ13 เขาก็มีส่วนสูงถึง 185
   เซนติเมตร และถูกรับเลือกเป็นกัปตันทีมในการแข่งขันระดับจังหวัด ซึ่งในการแข่งขันนั้น ผู้ที่ได้  
   ลงเป็นตัวจริงนั้นจะมีแค่นักเรียนชั้น ม.5 และ ม.6 เท่านั้น ยากมากที่จะมีนักเรียนชั้น ม.3-4 มา
    เป็นตัวจริงได้ แต่จิระกุลนั้นสามารถเป็นตัวจริงของทีมได้ตั้งแต่ตอนที่เรียนอยู่ชั้นม.2 เท่านั้นเอง
  และเขาคือเสาหลักของทีม เป็นตัวทำแต้ม ในการแข่งทุกครั้งเขาจะทำคะแนนให้ทีมได้ไม่ต่ำกว่า
    50 แต้ม และเป็นการดังค์ ไม่ต่ำกว่า 20 แต้ม ด้วยทั้งความสามารถแบบนี้ รูปร่างแบบนี้ รวมถึง
    หน้าตาที่แสดงถึงความเป็นคนแน่และคนแกร่ง จึงทำให้เขาเป็นที่หมายปองของเหล่าผู้หญิง
    จำนวนมาก
         เมื่อจิระกุลจบจากชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 เขาก็เข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำได้ด้วยโควต้านักกีฬา
     ขณะที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยนั้นเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเรียนแม้แต่นิดเดียว เพราะ  
     เขาเชื่อว่ายังไงด้วยฝีมือบาสเก็ตบอลของเขา มหาวิทยาลัยยังไงก็ต้องช่วยให้ผ่าน และก็เป็นไป
     ตามที่คาดคิด นั่นคือเขาทำข้อสอบแทบจะไม่ได้เลยในการสอบแต่ละครั้ง แต่เขาคือศักด์ศรีที่
      สำคัญที่สุดของมหาวิทยาลัย ถ้าขาดเขาไป ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยที่ถูกยกย่องว่าเก่งทั้งเรียน
      และกีฬาจะหายไปทันที นั่นเพราะตั้งแต่ปี 1 จนถึงปี 4 นั้น เขาก็แกนหลักที่ทำให้มหาวิทยาลัย
      ได้แชมป์บาสเก็ตบอลมาโดยตลอด เมื่อถึงปี 4 นั้น เขาไม่ได้คิดถึงการหางานที่ตรงกับสายที่
       เรียนมา ไม่อยากป็นพนักงานออฟฟิศ ไม่สนใจทำธุรกิจเอง ไม่สนใจทำธุรกิจที่บ้าน ไม่สนใจ
       การที่จะเรียนต่อในระดับปริญญาโท เขาคิดอยู่อย่างเดียวว่า เขาจะเอาดีทางด้านบาสเก็ตบอล
       เขาจะนำพาประเทศไทยให้มีชื่อดังไปทั่วโลกในด้านเรื่องกีฬาบาสเก็ตบอล เขาคิดไปจนถึงว่า
       จะทำให้ประเทศไทยคว้าแชมป์เอเชี่ยนเกมส์ให้ได้ ตอนที่อยู่ปี4 นั้น เป็นปีที่เขามีความสุขมาก
       เขาได้คบเป็นแฟนกับดาวมหาลัยคนที่ดังที่สุดที่ทั้งสวยและนิสัยดี ทุกวันที่เขาเดินผ่านเข้ามาใน
        มหาวิทยาลัยนั้น มันคือวันแห่งความสุข เขาเป็นที่เคารพนับถือจากทั้งรุ่นน้องและ
        เพื่อน ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย รุ่นพี่ก็เกรงใจ อาจารย์ก็ชมเขาอยู่เสมอ แม้แต่พนักงานในโรงเรียน
        ต่างก็อยากจะบอกคนอื่นว่ารู้จักกับเขา ทุกวันจะมี message เข้ามาที่โทรศัพท์เขา จากผู้หญิงที่
        เอ่ยประมาณว่า แอบชอบเขาอยู่ นั่นมันเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ามาโดยตลอด
         เขาแทบจะไม่เคยรู้จักกับความทุกข์ ความตกต่ำ ความไม่สมหวัง ชีวิตของเขาเป็นที่อิจฉาของ  
         ใครๆหลายต่อหลายคน ไม่ใช่แค่เพราะว่าเขาเป็นคนหล่อ เท่และเก่ง แต่ประวัติชีวิตของเขา
          เมื่อเล่าให้ใครต่อใครฟัง ทุกคนโดยเฉพาะผู้หญิงสวยๆ ล้วนแล้วแต่ชอบประวิติเขาทั้งนั้น ไม่
          ว่าจะเป็นตอนที่มาเข้าแข่งสายไป 30 นาที ทำให้ทีมโดนนำไปแล้ว 20 แล้ว แต่เมื่อเขาลง ก็
           พยายามเต็มที่จนทำให้ทีมพลิกกลับมาชนะได้ฉิวเฉียดในคะแนน 78 ต่อ 77 หรือจะเป็น
           ประวัติที่มีเรื่องชกต่อย ทะเลาะวิวาทกับกลุ่มอันธพาลที่บุกเข้าในโรงเรียนตอนนั้นและชนะ
           เรื่องที่หาเงินเลี้ยงส่งพ่อกับแม่ได้ตั้งแต่ตอนอยู่ชั้น ม.2 ด้วยเบี้ยเลี้ยงนักกีฬา และเหตุการณ์ที่
          โลดโผนที่สุดในชีวิตของเขา นั้นคือตอนที่มีแก๊งค์มาเฟียที่เจ็บแค้นเขาที่ไม่ยอมทำตามคำขู่
           คำขู่ที่ว่าคือยอมให้เขาล้มบอลซะ แกล้งทำเป็นแพ้ เพื่อที่กลุ่มมาเฟียจะได้ได้เงินพนันก้อน
           ใหญ่ เขาตกปากรับคำแต่เมื่อแข่งจริงเขาไม่มีการออมมือใดๆทั้งสิ้นทำให้ทีมชนะฝ่ายตรง
            ข้ามในคะแนน 70 ต่อ 42 ซึ่งมันทำให้กลุ่มมาเฟียต้องสูญเสียเงินไปจนถึง 10 ล้านบาท กลุ่ม
            มาเฟียจึงส่งคนมา 5 คนมาสั่งสอนให้เขารู้สำนึก โดยการฟาดแข้งให้ละเอียดและตีที่หัวอีกที
            แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงนั้น ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตและแข็งแรง เขาต่อสู้อย่างสุดชีวิตจนรอดมาได้  
            โดยที่เขาโดนกระทบกระเทือนที่หัวด้วยแป๊ปเหล็กไป 2 ครั้ง  กลางกระหม่อม1ครั้งและที่
             ท้ายทอยอีก1ครั้ง ในวันที่เขาถูกส่งลงโรงพยาบาลนั้น ทุกคนก็เป็นห่วงว่าเขาจะความจำ
             เสื่อมหรือกลายเป็นคนบ้ารึเปล่า แต่เมื่อตื่นขึ้นมาเขายังปกติดีทุกอย่าง เหตุการณ์นั้น
              เหมือนฟาดเคราะห์ให้กับเขาเพราะหลังจากนั้นเขาก็ประสบแต่เรื่องดีๆ มากกว่าที่เคยเจอ
              มาทั้งหมด
                    “หลังจากนั้นน่ะนะครับ” จิระกุลกล่าวกับคนที่มาห้อมล้อมฟังเรื่องของเขาด้วยความ
             ภูมิใจ “ชีวิตมันยิ่งกว่าฝัน ผมได้รับการทาบทามจาก grammy ให้ไปเป็นนักแสดงในสังกัด
             และพอภาพยนตร์เรื่องแรกออกฉาย บังเอิญมากเลยที่มีแมวมองจาก holly wood ทาบ
             ทามให้ไปเล่นหนังดังคู่กับ The rock “Dwayn Johnson” จนทำให้ได้รายได้เป็นกอบเป็น
              กำกว่า 30 ล้านบาท ผมเอาเงินนั้นไปลงทุนในบริษัทขายอุปกรณ์กีฬาบาสเก็ตบอล
              เนื่องจากชื่อเสียงของผมนั้น ทำให้อุปกรณ์กีฬาขายได้ดีจนได้รายได้ปีละกว่า 400 ล้านบาท
              จนมีเงินตั้งตัวได้ทำให้พ่อแม่อยู่ได้อย่างสุขสบายและมีบ้านที่กว้างใหญ่แบบนี้ล่ะครับ แล้ว
               ผมรู้สึกเห็นใจคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตมาก ไม่ว่าจะเป็นคนบ้า คนจรจัด
               วิกลจริต คนพิการ ผมก็เลยสร้างตึกหลังนี้เพื่อให้คนเหล่านั้นได้อยู่อาศัย ทำไมถึงทำเหรอ
                ครับ ก็เพราะผมเป็นคนที่เห็นอกเห็นใจคนอื่นน่ะครับ ถ้าชาตินี้เราได้ดีและไม่ทำบุญ ชาติ
                หน้าของเราก็จะไม่ดี” พูดจบ เหล่าผู้คนที่รายล้อมเขาอยู่นั้นต่างศรัทธาในตัวเขาและปรม
                มือให้ พร้อมทั้งขอร้องให้เขาดังก์ให้ดูเป็นขวัญตา จิระกุลตอบตกลงอย่างไม่ลังเล เพราะ
                 การโชว์ฝีมือด้านบาสเก็ตบอลและมีคนมายกย่อง มันทำให้เขาอยู่ได้อย่างเป็นสุขเสมอมา
                 เขาวิ่งเข้าไปที่แป้น กระโดดพร้อมหมุนตัว 2 รอบ และทำการดังค์ให้ดู ซึ่งที่จริงแล้วคนที่
                 จะทำแบบนี้ มีแค่นักบาสเก็ตบอล NBA เท่านั้น ผู้คนต่างตะลึงในความสามารถของเขา
                  ร้องด้วยความชอบใจ “เอาอีก..เอาอีก..เอาอีก..เอาอีก..เอาอีก” เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาจึง
                  แสดงโชว์ต่อไปคือ วิ่งถอยหลังกระโดดดังค์ซึ่งทำได้สวยงามมาก ผู้คนก็ต่างร้องดังขึ้น
                  “เอาอีก..เอาอีก..จิระกุล..เอาอีก..เอาอีก..เอาอีก” ซึ่งเขาเป็นสุขทุกครั้งที่ได้ยินเสียงนี้
            เขาคิดคำนี้ตลอดเวลา “เอาอีก..เอาอีก..เอาอีก..ชื่อของเขา..เอาอีก..เอาอีก..คนเก่ง..คน
                    เก่ง”
                                                   
                                                                          ………………  

                           “ไม่เข้าใจค่ะอาจารย์!”ฐิติพร นักเรียนชั้น ม.3 กล่าวในห้องเรียน “มันดูแปลกๆ
                  ไปรึเปล่าคะ ไปแสดงหนังคู่กับ the rock งั้นหรือ งั้นทำไมหนูไม่เคยเห็นหนังเรื่องนี้
                   เลยล่ะ เพราะหนูดูหนังของ The rock ทุกเรื่อง ไม่เห็นเคยมีคนไทยแสดง แล้วไอ้
                   เรื่องว่าทำธุรกิจอุปกรณ์กีฬาบาสเก็ตบอลยี่ห้อ “jira sport” นั้น แล้วทำไมหนูถึงไม่
                    เคยเห็นยี่ห้อนี้เลย
                             “ไหน! อ่านถึงหน้าไหน เอามาให้ครูดูซิ” อาจารย์พูดพลางเช็คหนังสือวิชา
                    ประวัติบุคคลสำคัญของไทยของนักเรียน “อ๋อ! ก็หนูเปิดผิดรึเปล่าคะ เปิดเลยไป 1
                    แผ่น ทำให้ข้ามไป 2 หน้า จากหน้า  121 ไปเป็น 124 เลย ต้องอ่านหน้า 122 กับ 123
                    ด้วยค่ะ” “อาจารย์สรุปให้ฟังเลยได้มั๊ยคะ” “อืม!ได้จ้ะก็ส่วนสุดท้ายของหน้า121
                     บอกว่า สู้กับมาเฟียและชนะใช่มั๊ยคะ” “ใช่! หนูก็รู้สึกแปลกๆตั้งแต่ตอนนั้นแล้วจะ
                      ชนะมาเฟีย 5 คนแล้ว ถูกตีหัวก็ไม่เป็นไร ต่อไปก็มีชีวิตดีๆมากๆไปแสดงหนัง เป็น
                      คนรวยล้นฟ้าอะไรงี้ มันเหมือนนิยายไปหน่อยค่ะ” “นั่นไม่ใช่นิยายจ้ะ ถ้าเป็นนิยาย
                      แล้ว สสวท.จะกล้าอนุญาติ ให้ลงที่หนังสือทางการแบบนี้เหรอ” “อืม!..”ฐิติกรยังคง
                       สงสัย” “ คืออย่างนี้ประวัติของคุณจิระกุลนั้น เป็นจริงทุกอย่าง เรื่องเป็นคนเก่ง                            
                       รวมถึงตอนที่ถูกตีหัวที่ฟื้นขึ้นมาก็ด้วย แต่ถ้าอ่านดีๆนั้น ตอนที่ถูกกระแทกที่หัวนั้น
                      ไม่ได้ทำให้สมองเสื่อมแต่อย่างใด แต่มันทำให้เขาเป็นอัมพาตครึ่งล่างทั้งตัว หลังจาก
                       นั้นเขาไม่สามารถเล่นบาสได้อีก ซึ่งมันเป็นสิ่งที่สะเทือนจิตใจของเขามาก เพราะทั้ง
                       ชีวิตของเขา สิ่งเดียวที่หวังพึ่งได้คือบาสเก็ตบอลเท่านั้น เมื่อเขาตกต่ำลงอย่างนั้น
                            เหล่าผู้หญิงที่เคยห้อมล้อมเขา เพื่อน คนรู้จักที่เคยชื่นชม ล้วนหายไปจนเขาไม่
                            เหลือใคร วันที่ทุกคนมาเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลนั้น เขาต้องเจอสายตาสมเพชของ
                            ผู้คนเป็นครั้งแรกในชีวิต เขาไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน เขาเคยแต่ประสบ
                            ความสำเร็จมาตลอด ไม่เคยตกต่ำ เมื่อเจอกับความตกต่ำ มันยากเกินกว่าที่จิตใจ
                            เขาจะรับได้ ตลอดเวลาที่เขานั่งบนรถเข็น เขาเฝ้าฝันถึงวันที่ผ่านพ้นไป
                       จากการตรวจคลื่นสมอง ในใจเขาจะคิดอยู่คำเดียว “เอาอีก..เอาอีก..เอาอีก..
               เอาอีก..เอาอีก..เอาอีก”ตลอดเวลาที่เกิดเรื่อง เมื่อเป็นอย่างนั้นจนถึงเดือนที่10
                             สมองของเขาจึงเลือกที่จะทำลายตนเอง หลอกตัวเองว่ายังคงเป็นนักบาสอยู่ และ
                              จับกลุ่มคุยกับคนเสียสติด้วยกันในศรีธัญญาเพื่อระลึกความหลังว่ายังเป็นนักบาส
                              ที่ยิ่งใหญ่” เขาเป็นคนที่โชคร้ายมากๆ
                                  “ใช่ๆ!ถ้าตอนนั้นยอมล้มบอลนัดนั้นก็ไม่เป็นไรแล้ว” ฐิติพร พูด อาจารย์
                              อำไพพรเงียบไปพักหนึ่งก่อนพูด “ไม่ใช่หรอกค่ะนักเรียน คนที่โดนทำร้ายใน
                              ลักษณะนี้นั้นมีอยู่มากมายเป็นหลายสิบล้านคนในโลก แต่เขามีบางอย่างที่
                              แตกต่างออกไป” “อะไรล่ะคะ!”ฐิติกรถาม “นั่น! พิจารณาดูประวัติเค้าดีๆ เค้า
                               เจอแต่เรื่องดีๆมาตลอดทั้งชีวิตใช่มั๊ย ไม่เคยเจอเรื่องไม่ดี พอเจอสถานการณ์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่