คาร์ล มาร์กซ ผู้จุดประกายการต่อสู้ของชนชั้นแรงงาน แต่บางครั้งแรงงานก็ไม่อยากสู้โว้ย

ช่วงนี้ระหว่างการทำ Thesis เพื่อจบโท ก็เลยคิดจะสร้างบทความวิชาการเพิ่มเติมสัก 2-3 ชิ้น เพื่อไว้ช่วยยกระดับตนเอง

ดังนั้นจากที่ไม่ค่อยจะชื่นชมทฤษฏีและแนวคิดสุดโต่งหลายๆด้านเช่น คอมมิวนิสต์แบบของคาร์ล มาร์กซ หรือ แนวคิดแบบเน้นความเท่าเทียมมันสุดๆจนฝืนธรรมชาติของสังคมแบบ ของ รุสโซ ก็กลายเป็นว่าต้องกลับมาอ่านทฤษฏีพวกนี้ เพื่อหามุมมองใหม่ๆเพิ่ม


สารภาพแบบอคติเลยว่า ผมไม่ปลื้มกับทฤษฏีสายรัฐศาสตร์ ที่โคตรจะน้ำท่วมทุ่ง และนักวิชาการ อาจารย์ ไปจนถึงนักศึกษาในระดับหัวกะทิที่โดนเทรนมาทางสายนี้ ก็มักจะให้ความสำคัญกับเรื่องการถกเถียงของ นิยาม ความหมาย หลักการบนตำรา ราวกับไม่เคยจะมองในบริบทของสังคมเลยว่า ถ้าอาไปใช้จริงแล้วมันจะเป็นอย่างไร เพราะในประวัติศาสตร์เรามีตัวอย่างเยอะมากๆว่า "ทำแบบนั้นมีแต่จะเจ๊ง และสังคมก็จะวุ่นวาย"


จึงไม่เคยคิดว่าต้องกลับมานั่งอ่านแนวคิดและงานของมาร์กซใหม่เอาจนป่านนี้


แต่ไหนๆก็ย้อนกลับมาอ่านแล้ว เมื่อวิเคราะห์ย้อนหลังดู จะพบว่าเรื่องน่าสนใจจากความล้มเหลวของ คาร์ล มาร์กซ์ ต่อการปลุกระดมชนชั้นแรงงานในอังกฤษ หรือประเทศอื่นๆ ซึ่งเขาหมายมั่นจะทำให้เกิดการต่อสู้ปฏิวัติทางชนชั้นให้ได้นั้น ซึ่งสุดท้ายแล้วมันไม่ได้ผลที่ฝรั่งเศส รัสเซีย จีน และ เขมร ในเวลาต่อมา แต่ประเด็นนี้อยากจะเจาะเข้าไปถึงตัวของมาร์กซ์ และคำถามสำคัญที่ว่า ทำไมมันถึงไม่เวิร์คกับประเทศอังกฤษ ซึ่งอุดมไปด้วยชนชั้นแรงงานเป็นตัวขับเคลื่อนประเทศในยุคนั้น และก็ยังต่อเนื่องมาถึงยุคนี้ด้วย (เมืองหลายๆแห่งของอังกฤษ ล้วนเป็นเมืองของชนชั้นแรงงานเป็นประชากรหลัก เช่น ลิเวอร์พูล นิวคาสเซิล)


ส่วนสำคัญคือ ตัวของมาร์กซ์เองก็ยังคบหาอยู่แต่ในแวดวงของชนชั้นสูงและปฏิเสธการเข้าถึงต่อชนชั้นแรงงานซะเอง จึงทำให้แท้จริงแล้ว "มาร์กซเข้าใจจิตใจของชนชั้นแรงงานจริงๆหรือ"


มันราวกับว่า เขาไม่ได้สนใจบริบททางสังคมของยุโรป โดยเฉพาะอังกฤษในเวลานั้น ซึ่งเป็นช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรมมาได้ไม่นาน กำลังต้องการแรงงานจำนวนมากเพื่อเพิ่มพูนการผลิตของประเทศ และสิ่งที่จะทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าจากการผลิตในอุตสาหกรรมนั้นก็คือเงื่อนไขที่นายจ้างและนายทุนทั้งหมดจะต้อง "ทำอย่างไรก็ได้ให้กลุ่มแรงงานอยู่ดีกินดี เพื่อจะได้มีพลังในการเพิ่มการผลิต" ดังนั้นแรงงานในอังกฤษเวลานั้นซึ่งมาร์กซ์ถึงกับเคยวางแผนจะใช้เป็นฐานที่มั่นสำคัญในการขยายลัทธิคอมมิวนิสต์ก่อนฝรั่งเศสซะอีก จึงไม่ประสบผล เพราะพวกชนชั้นแรงงานในอังกฤษไม่เอาด้วย จึงกลายเป็นความล้มเหลวของมาร์กซจากการยึดแต่แนวคิดในตำราซึ่งมาจากการค้นคว้าในห้องสมุดมากเกินไปจนลืมดูบริบทแวดล้อมที่เป็นจริง


ซึ่งสุดท้าย แนวคิดมาร์กซ์ก็โดน เลนิน สตาลิน เหมา พอลพต เอาไปใช้ในประเทศอื่นแทนซะงั้น แต่ก็อย่างว่า แนวคิดเป็นของตาย คนคือของเป็น ตอนเอาไปใช้ก็ไม่มีใครเหมือนกันสักประเทศ แล้วมาร์กซ์แกก็เล่นแต่เรื่องเศรษฐกิจกับชนชั้นมากไปหน่อย แทบไม่ดูมิติอื่น


ว่าไปแล้ว ก็ไม่ค่อยมีใครจะเขียนตำราว่าด้วยยุทธวิธีการต่อสู้ทางการเมืองนะ มีแต่เรื่องแนวคิดมากกว่า เชื่อว่าถ้ามี คงกลายเป็นหนังสือต้องห้ามโดนแบนกระจาย








ตั้งกระทู้ขึ้นมา เพราะเห็นว่าเป้นช่วงการเมืองแบ่งข้างแรงสุดขั้ว และเริ่มถกเถียงกันถึงหลักการประชาธิปไตยกันในวงกว้าง จึงอยากย้อนกลับมายกกรณีของคอมมิวนิสต์ ที่เป็นหลักการที่แพร่หลายในสังคมโลกช่วงศตวรรษที่ 19 ขึ้นมาเป็นกรณีศึกษาได้แบ่งปันกัน ยังไงเสีย สิ่งที่คิดอาจจะไม่ถูกเสมอไปก็ได้



แต่กลับเป็นว่า แนวคิดของ มิเชล ฟูโกต์ ผมดันกลับเจอในแทบทุกส่วนของสังคมเลย แม้แต่เมื่อมองย้อนกลับมาดูตัวเองด้วย จากที่อ่านฟูโกต์แล้วเคยงงเต๊ก นับวันกลับยิ่งรู้สึกเข้าใจเพิ่มขึ้นและเห็นด้วยกับแกมากขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกว่าคำอธิบายของฟูโกต์ในเรื่องสังคม ชนชั้น เพศ และวัฒนธรรม หรือวาทกรรมต่างๆ มันใช่เลยมากกว่า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่