สัปดาห์นี้ DRINK ME ขอนำเสนอ 5 เครื่องดื่มที่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชาวสยาม
ตั้งแต่ ตั้งรกรากในช่วงแรกเริ่ม ล้มลุกคลุกคลาน จนกระทั่งเข้าสู่ยุคสมัยปัจจุปัน!!!!
1.น้ำมะเน็ด…ต้นตระกูลน้ำอัดลม
น้ำมะเน็ด คือ น้ำอัดลมรุ่นแรกมีรสชาติคล้าย ๆ น้ำมะนาว
แต่งรสเพิ่มความซ่า บ้างก็ว่าเหมือนสไปร์ท+ชเวปส์มะนาว
ซึ่งชาวสยามเรียกเพี้ยนมาจากคำว่า Lemonade นั่นเองค่ะ
ก่อนหน้า…..
โอเลี้ยง โอยั๊ว น้ำผลไม้ คือ ดริ๊งค์ที่ดับกระหายคลายร้อน
หรือบางครั้งก็ยก STATUS เป็นเครื่องดื่มโชว์ความโมเดิร์น
เมื่อน้ำมะเน็ดทักทายชาวสยาม …..
27 ธันวา 2409 ในสมัยรัชกาล 4 ปรากฏหลักฐานชัดแจ๋ว
มีการโฆษณาน้ำมะเน็ดอย่างเอิกเกริกบนหน้าหนังสือพิมพ์
ที่ชื่อว่า BANGKOK RECORDER ของ คุณหมอบรัดเลย์
ซึ่งชาวสยามเกิดความฉงนในรสซาบซ่าแบบไม่เคยพานพบ
ถึงขั้นตั้งก๊วนเม้าส์มอยว่า นี่เป็นน้ำจากเมืองฝรั่งปนสารเคมี
คิดเลยเถิดไปไกล ว่าดื่มแล้วท้องอาจจะระเบิดเพราะมีก๊าซ
ทำให้ยอดขายของน้ำมะเน็ดในช่วงแรกๆ แทบร้างรากันเลย
หลังจากนั้น….
สมัยรัฐกาลที่ 5 น้ำมะเน็ดได้พัฒนารูปลักษณ์ ราคา รสชาติ
คือ เปลี่ยนมาใช้ขวดแบบ CODD หรือ ขวดแก้วมีคอคอด
และ มีจุกลูกแก้วอยู่บริเวณปากขวดเพื่อทำหน้าที่แทนฝาจีบ
และปิดกั้นไม่ให้ก๊าซในขวดเล็ดออกจนทำให้ความซ่าหายไป
ซึ่งขวดน้ำมะเน็ดในยุคนั้นต้อง Import จากประเทศสิงค์โปร์
แม้ราคาต่อ 1 ขวดจะสูงลิ่วถึง 5 สตางค์ ในสมัยรัชกาลที่ 6
แต่ต่อมาราคาลดลงจนคนทั่วไปสามารถหาซื้อดื่มได้ถ้วนหน้า
โดยแหล่งฮิตยอดนิยมของน้ำมะเน็ด จะสิงสถิตแถวๆ โรงหนัง
กลายเป็นตัวแทนของความเท่ เก๋ & ศิวิไลซ์อย่างคนเมืองฝรั่ง
ซึ่งขายตั้งแต่หน้าโรง ไปจนถึงข้างในโรงที่กำลังฉายหนังอยู่
แล้วคนขายซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กก็จะร้องว่า “เน็ดจ้า เน็ดจ้า”
จนกระทั่งถึงการสยายปีกของน้ำดำระดับโลกยี่ห้อโค้ก เป๊ปซี่
ซึ่งโค้ก เข้ามาสยามครั้งแรก เมื่อปี 2492 หรือ 63 ปีที่แล้ว
ในขณะ เป๊ปซี่ เดินตามหลังโค้กในปี 2496 หรือ 59 ปีที่แล้ว
ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้น้ำมะเน็ดค่อยๆหายหน้าและจากไป
เหลือร่องรอยจางๆในความทรงจำว่า นี่คือต้นตระกูลน้ำอัดลม
5 เครื่องดื่ม แรก มี ใน สยาม!!!
ตั้งแต่ ตั้งรกรากในช่วงแรกเริ่ม ล้มลุกคลุกคลาน จนกระทั่งเข้าสู่ยุคสมัยปัจจุปัน!!!!
1.น้ำมะเน็ด…ต้นตระกูลน้ำอัดลม
น้ำมะเน็ด คือ น้ำอัดลมรุ่นแรกมีรสชาติคล้าย ๆ น้ำมะนาว
แต่งรสเพิ่มความซ่า บ้างก็ว่าเหมือนสไปร์ท+ชเวปส์มะนาว
ซึ่งชาวสยามเรียกเพี้ยนมาจากคำว่า Lemonade นั่นเองค่ะ
ก่อนหน้า…..
โอเลี้ยง โอยั๊ว น้ำผลไม้ คือ ดริ๊งค์ที่ดับกระหายคลายร้อน
หรือบางครั้งก็ยก STATUS เป็นเครื่องดื่มโชว์ความโมเดิร์น
เมื่อน้ำมะเน็ดทักทายชาวสยาม …..
27 ธันวา 2409 ในสมัยรัชกาล 4 ปรากฏหลักฐานชัดแจ๋ว
มีการโฆษณาน้ำมะเน็ดอย่างเอิกเกริกบนหน้าหนังสือพิมพ์
ที่ชื่อว่า BANGKOK RECORDER ของ คุณหมอบรัดเลย์
ซึ่งชาวสยามเกิดความฉงนในรสซาบซ่าแบบไม่เคยพานพบ
ถึงขั้นตั้งก๊วนเม้าส์มอยว่า นี่เป็นน้ำจากเมืองฝรั่งปนสารเคมี
คิดเลยเถิดไปไกล ว่าดื่มแล้วท้องอาจจะระเบิดเพราะมีก๊าซ
ทำให้ยอดขายของน้ำมะเน็ดในช่วงแรกๆ แทบร้างรากันเลย
หลังจากนั้น….
สมัยรัฐกาลที่ 5 น้ำมะเน็ดได้พัฒนารูปลักษณ์ ราคา รสชาติ
คือ เปลี่ยนมาใช้ขวดแบบ CODD หรือ ขวดแก้วมีคอคอด
และ มีจุกลูกแก้วอยู่บริเวณปากขวดเพื่อทำหน้าที่แทนฝาจีบ
และปิดกั้นไม่ให้ก๊าซในขวดเล็ดออกจนทำให้ความซ่าหายไป
ซึ่งขวดน้ำมะเน็ดในยุคนั้นต้อง Import จากประเทศสิงค์โปร์
แม้ราคาต่อ 1 ขวดจะสูงลิ่วถึง 5 สตางค์ ในสมัยรัชกาลที่ 6
แต่ต่อมาราคาลดลงจนคนทั่วไปสามารถหาซื้อดื่มได้ถ้วนหน้า
โดยแหล่งฮิตยอดนิยมของน้ำมะเน็ด จะสิงสถิตแถวๆ โรงหนัง
กลายเป็นตัวแทนของความเท่ เก๋ & ศิวิไลซ์อย่างคนเมืองฝรั่ง
ซึ่งขายตั้งแต่หน้าโรง ไปจนถึงข้างในโรงที่กำลังฉายหนังอยู่
แล้วคนขายซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กก็จะร้องว่า “เน็ดจ้า เน็ดจ้า”
จนกระทั่งถึงการสยายปีกของน้ำดำระดับโลกยี่ห้อโค้ก เป๊ปซี่
ซึ่งโค้ก เข้ามาสยามครั้งแรก เมื่อปี 2492 หรือ 63 ปีที่แล้ว
ในขณะ เป๊ปซี่ เดินตามหลังโค้กในปี 2496 หรือ 59 ปีที่แล้ว
ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้น้ำมะเน็ดค่อยๆหายหน้าและจากไป
เหลือร่องรอยจางๆในความทรงจำว่า นี่คือต้นตระกูลน้ำอัดลม