เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยที่ได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง พวกเขาจึงเลือกพรรคของแม้วตลอดไง นโยบายหลายนโยบายส่งผลต่อชีวิตความเปนอยู่ของประชาชนจำนวนหนึ่งจริง ๆ  ถ้าไม่อคติเกินไป ก็ต้องยอมรับความจริงว่า นโยบายแม้วที่ดีดี ก็มีจริง ๆ ผ่านการพิสูจน์ด้วยระยะเวลามาพอสมควรแล้วด้วย ส่วนมีนโยบายอะไรบ้าง ไม่ยากหากคุณจะหาดูกัน ซึ่งนั่นมันทำให้ประชาชนกลุ่มที่ไม่ค่อยเหนคุณค่าการเลือกตั้งมาก่อน ตื่นตัวขึ้นและสนใจเรื่องการเมืองและเรื่องเลือกตั้งมากขึ้น ยิ่งมีรัฐประหาร 49 นั่นยิ่งทำให้พวกเขาตื่นตัวเพิ่มขึ้นสนใจติดตามข่าวสารมากขึ้น ซึ่งเปนปรากฎการณ์ใหม่ ที่ชนชั้นรากหญ้ากลับกลายเปนชนชั้นที่มีพลังต่อรองในการปกครองประเทศอย่างไม่เคยมีมาก่อน ในขณะที่ชนชั้นกลางถูกทำให้ อาอนแรงลง ด้วยสงครามสื่อ ที่ฝ่ายต้องการโค่นแม้ว ปูพรมมาตลอดเปนเวลานาน ซึ่งนับเปนความสำเร็จของฝ่ายโค่นแม้วที่ทำให้ ชนชั้นที่เคยเปนพลังขับเคลื่อนแระชาธิปไตยอย่างชนชั้นกลางอ่อนแรงลง โดยการสร้างกระแส ความดี คุณธรรม ความรักชาติ สถาบัน เพื่อกลบกระแสแระชาธิปไตยของชนชั้นกลางที่เคยเปนชนชั้นหลักในการเรียกร้อง และรักษาประชาธิปไตยในอดีตที่ผ่าน ๆ มานั่นจึงทำให้ รัฐประหาร 49 ไร้กระแสต่อต้านจากชนชั้นกลาง แต่ที่ฝ่ายโค่นแม้วคิดไม่ถึง ก็คือกระแสต่อต้านที่มีชนชั่นรากหญ้าเปนส่วนใหญ่กลับลุกฮือและเติบโตขึ้น พวกเขาลุกมาทวงถามประชาธิปไตย ที่พวกเขาร่วมสนับสนุนโดยผ่านการเลือกตั้ง สมัย รบ แม้ว 2 เปนต้นมา ( สมัย รบ แม้ว 1 กระแสพรรคแม้ว ไม่ได้เปนที่รู้จักในหมู่ชนชั้นรากหญ้าเท่าไหร่ เพราะประชาชนก็คิดเหมือนเดิม ๆ ที่ผ่านมา คือเรียกใครก็เหมือนกัน ชีวิตพวกเขาก็เหมือนเดิม การเลือกตั้งสมัย รบ แม้ว 1 กระแสความต้องการแม้วมาเปนนายก เปนกระแสของชนชั้นกลาง เพราะเขาเบื่อกับ รบ ผสมจากพรรคเดิม ๆ ที่ รบ ไม่มีประสิทธิภาพเท่าไหร เบื่อการทำงานที่เชื่องข้า และหนักไปทางเล่นเกมส์การเมืองอย่าง ปชป ประกอบกับโลกกำลังก้าวสู่ยุคดิจิตอล อีกทั้งโปรไฟล์แม้ว ก็ถือว่าดีเยี่ยม มีความรู้ระดับ ดร มีความสำเร็จจากการบริหารภาคธุรกิจ อีกทั้งแม้วใช้วิธีดูด สส ที่มีฐานเสียงในแต่ละพื้นที่เข้าพรรคจำนวนมาก เพราะฉะนั่น รบ แม้ว 1 คะแนนที่ได้จึงมาจากชนชั่ชกลางและชนชั้นธุรกิจเปนส่วนใหน่ ส่วนชาวบ้านธรรมดา เปนคะแนนที่พ่วงมากับ สส ที่มีฐานความนิยมในท้องถิ่น เท่านั้น ส่วนเรื่องการซื้อเสียงก็คงมีแน่ ในพื้นที่ที่สูสีและความนิยมของประชาชนไม่ต่างกันมาก )
                              ส่วนเลือกตั้ง รบ แม้ว 2 ครั้งนี้แหละที่พลังชนชั้นรากหญ้าแสดงออกมาผ่านการเลือกตั้ง โดยเป้าแระสงค์ที่จะเลือกแม้วอย่างแท้จริง และตรง ๆ ทั้งนี้เพราะพวกเขาได้ลิ้มลองผลของการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง จากนโยบาบหลาย ๆ อย่าง ของ รบ แม้ว 1ซึ่งสิ่งเหล่านี้เปนสิ่งที่พวกเขาไม่เคยได้รับมาก่อนจาก รบ ไหนไหนในอดีต มันจึงไม่แปลก และไม่ใช่เรื่องโง่เขลาที่พวกเขาจะชื่นชม แม้ว และเลือกพรรคแม้วทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง และรู้สึกไม่ยอมที่มีใครมาล้ม รบ ที่พวกเขาเลือก รบ แม้วจึงเปนความภูมิใจของชาวรากหญ้า ที่พวกเขาได้ลิ้มลองพลังของสิทธิเสียงผ่านการเลือกตั่ง รบ แม้ว จึงเปนความหวังที่พวกเขาคิดว่าจะทำให้ชีวิตพวกเขาดีขึ้นไปเรื่อย ๆ 
ส่วตัวผมเอง ก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่ดี ในสังคมาี่ผมอยู่จากนโยบาบยาเสพติดของแม้ว มันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนแตกต่าง จากยุคไหน ๆ ส่วนนโยบายอื่น ๆ แทบไม่มีผลฌดยตรงต่อผม แต่ก็ส่งผลดีต่อคนรอบ ๆ ตัวจำนวนไม่น้อย สรุปแล้วนโยบายแม้วหลายนโยบาย ส่งผลดีเปนวงกว้างต่อคนจำนวนมาก ปลุกให้คนรากหญ้าจำนวนมาก รู้ถึงคุณค่าของสิทธิเสียงตัวเองอย่างไม่เคยมีมาก่อน จากที่เหนแต่คุณค่าเฮพาะหน้า ด้วยเงินไม่กี่ร้อย เพราะฉะนั้น การเกิดขึ้นของ รบ แม้วเปลี่ยโฉมการเมืองไทย ปฎิร๔ปการเมืองไทยจากอดีต จาก รบ ผสม ที่ไร้ประสิทธิภาพและเสถียรภาพ จากการเมืองพรรคยิบย่อย กลายเปนการเมืองสองขั้วคล้ายอเมริกา จากการหาเสียงโดยสัญญาลมลม เปนการชูนโยบายที่ทำได้จริง 
                                           เพราะฉะนั้นประเด็นเรื่องซื้อเสียงทางตรงจึงแทบไม่มีผลต่อการเลือกตั้ง แต่การซื้อเสียงทางอ้อมด้วยนโยบายมาแทน แต่ก็ต้องมองเปนนโยบายไป และถ้าการดำเนินนโยบายนั้น ประสบผลสำเร็จในการบริหารนโยบาย เละไม่ส่งผลเสียมากมายต่อประเทศ มันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ซึ่งถ้ารวม ๆ แล้ว มีนโยบายดีดี ที่ทำได้บ้าง ล้มเหลวบ้าง แต่ประเทศยังไปข้างหน้าได้ดีพอสมควร ก็เปนสิ่งที่รับได้ 
                           เสียดายที่ทุกอย่าง จบ ไปแล้วเ้วย รัฐประหาร 49 การเมืองสองขั้ว ที่ต่างต้องแข่งกันเสนอนโยบายแข่งกันเอาใจประชาชนเพื่อให้ได้สิทธิในการบริหารประเทศ หยุดยั้งไม่มีโอกาสได้พัฒนาให้เข้มแข็ง และเข้มข้นทั้งแนวนโยบาย และะระบบการตวรจสอบ ถ่วงดุล กลับมาได้แต่ความวุ่นวายแตกแยก สูญเสียชีวืตผู้คน โอกาสทางเศรษฐกิจ ภาพลักษณ์ ประเทศและอะไรอื่น ๆ อีกมากมาย และยังไม่รู้จะยึดเยื้อไปถึงเมื่อไหร่ จะจบแบบไหนยังไง 
สรุปแล้วปฎิรูปประเทศมันเปนไปแทบไม่ได้ นอกจากต้องใช้การยึดอำนาจประเทศแบบเบดเสดเดดขาด และคนที่ทำก็ต้องเปนคนที่หวังดีต่อประเทศจริง ๆ มีความรู้ความสามารถ และมีคนที่สนับสนุนช่วยเหลือที่มีเจตนามุ่งหวังเพื่อประเทศชาติจริง  แต่วิธีนี้มันก็ไม่ใช่แนวทางของประชาธิปไตย และก็ยังหาคนท่ดีและมีเพาเวอร์ทำได้ไม่มี สุเทพที่ออกมานำม๊อบปาว ๆ ตอนนี้ ปฎิรูปประเทศที่เทือกเอ่ย                                                                  ก็แค่วาทะกรรมอำพรางเท่านั่น
                                         แต่ถ้าจะปฎิรูปประเทศประเทศที่อยู่ในแนวทางประชาธิปไตย มีครั้งหนึ่งและคนหนึ่งที่ได้ทำไปบ้าง และทำสำเร็จไปบ้างนิดหน่อยแล้ว นั่นคือ รบ แม้ว 2 พราะแม้วเปนนายกจากวิถีประชาธิปไตย เปนหัวหน้าพรรคที่มี สส มากพอตั้ง รบ พรรคเดียวได้ เปนนายทุนและผู้สนับสนุนหลักของพรรคอีกต่างหาก มีฐานประชาชนที่รองรับและสนับสนุนเปนจำนวนมาก ซึ่งนั่นทำให้มีพาวเวอร์พอที่จะปฎิรูปหลาย ๆ อย่างของประเทศโดยไม่มีแรงต่อต้านมากนัก  ถ้าจะปฎิรูป  ซึ่งสมัย รบ แม้ว 1 ก็ปฎิรูป บางหน่วยงาย และบางอย่างของประเทศไปแล้ว เช่นรัฐวิสาหกิจบางอัน ระบบราชการบางส่วน และแม้แต่กองทัพแม้วก็เร่ิมทำจากการลดงบประมาณลง ปฎิรูปสังคม ก็ปฎิรูปผ่านนโยบายหลายอย่าง ไม่ว่าเรื่องสุขภาพ ก็ 30 บาท เรื่องยาเสพติด ก็ใช่ ซึ่งการเอาอยู่เรื่องยาเสพติดเรื่องเดว ผลดีต่อสังคมมันตามมาอีกหลายเรื่องเช่น ปัญหาอาชญากรรม เรื่องขายตัว เปนต้น พูดง่าย ๆ ถ้าใครเคยอยู่ในช่วง รบ ผสมมาบ้าง จะเหนความแตกต่างที่ชัดเจน ถ้าเปรัยบกับ รบ แม้ว และถ้าใครพอสนใจการเมืองบ้างก่อนยุคมี รบ แม้ว จะเหนได้ว่า ยุคที่ประเทศมีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดก็คือ ยุค รบ แม้ว่เนี่ยแหละ จึงพอใกล้เคยงกับการปฎิรูปประเทศได้ อันนี้ผมว่ามันมีส่วนเกวเนื่องมาจากการปฎิรูปการเมืองโดยการสร้าง รธน 40 ด้วยแหละเพราะ รธน 40 เน้นให้ความเข้มแข็งและการมีเสถียรภาพของ รบ 
                                            สรุปแล้วสาเหตุหนึ่งที่มีการล้มแม้ว เพราะแม้วได้เปลี่ยนโครงสร้างเดิมของประเทศบางส่วนไปแล้ว และกำลังจะทำต่อ ๆ ไปอีก มันเปนธรรมดา ที่การเปลี่ยนแปลงย่อมีคนที่รับได้ และรับไม่ได้ จะรับไม่ได้ ด้วยเหตุผลใดก็คงแตกต่างกันไปตามสถานะ แต่ รบ แม้วเปน รบ ตามวิถี ประชาธิปไตย ที่มีเพาเวอร์ที่จะแฎิรูปประเทศได้และอาจมมีโอกาสสำเร็จสูงอีกต่างหาก เพราะมีองค์ประกอบครบอย่างที่หาใน รบ ไหนไม่ได้แล้ว รบ ปู ก็ทำไม่ได้ สภาประชาชนของเทือกก็ทำไม่ได้  คนที่จะทำได้นั่นนอกจากความรู้ความสามารถและ บารมีแล้วต้องได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างท่วมท้น เพราะไม่งั้น สององค์กรเปนอย่างน้อย ที่คงไม่มีใครกล้าไปแฎิรูปได้ นั่นคือ องค์กรยุติธรรม และก็กองทัพ   
                                                เพราะฉะนั้นผมจึงเสียดาย ที่โอกาสนั่นมันถูกทำลายไปแล้ว ด้วยการทำให้ลุกฮือของ พธม และตบด้วยการรัฐประหาร 49 และคงหาอะไรที่มันเหมาะเจาะแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว เพราะวันนี้อะไรมันเปลีายนไปหมดแล้ว  และเปลี่ยนไปในทางแย่ลงอีกต่างหาก ต่อให้แม้วกลับมาเปนนายกอีก ก็ทำไม่ได้แล้ว เพราะตราบใดที่ประชาชนยังแตกแยกแบบนี้ ประเทศนี้ก็คงมีแต่แย่ลง ๆ ยากที่จะดีขึ้น และความแตกแยกของประชาชนทุกวันนี้ มันเกิดเพราะมีการสร้างขึ้นมาจากหลายส่วนหลายฝ่าย และก็คงยากที่หยุดการกระทำของทุกทุกฝ่ายได้ คงต้องรอให้ประเทศไทยมันพินาศจนทุกคนรู้สึกร่วมกันว่า มันเปนแบบนี้อีกต่อไปไม่ได้แล้วเท่านั้น
สุดท้ายเกือบ 10 กีแล้วนับแต่การลุกฮือของ พธม และตามมาด้วยการรัฐประหาร มีการล้ม รบ ที่ชนะเลือกตั้งฝ่ั่งแม้ว 4 รบ ด้วยกลวิธีต่างกันไป ฝ่ายหนึ่งอ้างอิงกระแสกระชาธิปไตย ฝ่ายหนึ่งอ้างอิง ความรักชาติ รักสถาบัน อ้างอิงเรื่องคอรัปชั่น เกือบสิบปีมานี้ ช่วงเวลาที่ประเทศวุ่นวายและสูญเสียมีมากกว่าช่วงเวลาสงบ 
                                    มาถึงวันนี้ก็ยิ่งวุ่นวายซับซ้อนกว่าเดิม สื่อที่หลากหลายและรวดเร็วขึ้น กลายเปนดาบสองคม ข่าวลือไปไวกว่าปากต่อปากเปนร้อยเปนพันเท่า  คนรึ่นใหม่ ๆ ที่โตมากับสื่อออนไลน์ มักจะเสพข่าวสารอย่างลวก ๆ ให้ความสำคัญที่เฮดสปีด ละเลยเนื้อหาและรายละเอียด เสพสื่อเพียงสิ่งที่ตรงกับจริตของตัวเอง ที่เปนเช่นนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะระบบการศึกษาที่ขาดแระสิทธิภาพ  สังคมไทยจึงเปนสังคมที่เอาอารมณ์นำหน้าเหตุผล มากพอสมควรและนับวันก็มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมันเปนเรื่องที่แก้ได้ยากและอับจน วันนี้ถ้าคนที่ติดตามการเมืองมาพอสมควรคนที่ติดตามการเปลี่ยนแปลงของประเทศพอสมควร คนที่ผ่านประเทศมาไม่น้อยกว่า 20 ปี จะมองเหนความผิดปกติ ที่มันผิดวิสัยได้อย่างมีนัยยะ ก็จะพอเข้าใจได้บ้าง และกำหนดแนวทางและ เข็มมุ่งต่อสถาณะการณ์ของกระเทศในเวลานี้ได้  ส่วนตัวผม นับแต่ 49 มา ถึงวันนี้ ยิ่งเหนความผิดเพี้ยนปรากฎเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ฝ่ายหนึ่งเริ่มหาเหตุผล ที่ออกห่างเหตุผลที่ควรจะมีอย่างชัดขึ้นเรื่อย ๆ  นั่นมันทำให้สิ่งที่ผมคิดมันสมเกตุสมผลขึ้นทุกวันวัน เพราะผมเชื่อว่า คนที่ห่างและน้อยเหตุผลมากเท่าไหร่ คิ้คนที่ห่างความจริงมากเท่านั้น ไม่ก็เปนประเภทที่รู้ดี แต่ต้องการบิดเบือนความจริง  
                                           ประเทศไทยวันนี้จึงเหมือนรังนกที่ตกลงมา ยากที่จะมีไข่ที่สมบูรณ์เหลืออยู่ ประชาชนอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ คงเลือกได้แต่ไข่ที่เสียหายน้อยที่สุดเท่านั้นแหละ ส่วนใครจะมองไข่ใบไหนดีกว่ากัน ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลจะคิดจะทำ หรือก็อาจมีคนที่ไม่สนใจจะเลือกเลยก็มี แต่นั่นแหละ ไม่ว่าเรื่องราวในประเทศนี้จะเด้นไปเบบไหน จะจบลงเช่นใด แต่คงไม่มีใครจะหลีกหนีผลกระทบที่ตามมาแน่ ขันอยู่ว่าจะมากจะน้อยแค่ไหนเท่านั้น  เพราะยังไง การเปลี่ยนแปลงเปนสิ่งที่แม้แต่พระเจ้าก็หยุดยั้งมันไม่ได้ ก็ได้แต่ทำเท่าที่ทำได้ตามศักยภาพของผม และหวังว่าจะเปนการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น และไม่ต้องแลกกับการสูญเสียที่มากมายเกินทำใจได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันต้องใช้เวลา และบางทีมันอาจนานเปนสิบสิบปี เพราะสิ่งที่ยากที่สุดของประเทศไทยวันนี้ ไม่ใช่การปฎิรูปการเมือง หรือปฎิรูปประเทศ แต่คือการปฎิรูปความสามัคคี
              โชดดีประเทศไทย สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้า ขอให้ทุก ๆ ท่าน มีความสุขตามอัตภาพกันทุกทุกคน
                                  เลือกตั้ง ทางออกประชาธิปไตย																																	
  
							 
						
การปฎิรูปประเทศ ก็แค่วาทะกรรมอำพราง
ส่วนเลือกตั้ง รบ แม้ว 2 ครั้งนี้แหละที่พลังชนชั้นรากหญ้าแสดงออกมาผ่านการเลือกตั้ง โดยเป้าแระสงค์ที่จะเลือกแม้วอย่างแท้จริง และตรง ๆ ทั้งนี้เพราะพวกเขาได้ลิ้มลองผลของการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง จากนโยบาบหลาย ๆ อย่าง ของ รบ แม้ว 1ซึ่งสิ่งเหล่านี้เปนสิ่งที่พวกเขาไม่เคยได้รับมาก่อนจาก รบ ไหนไหนในอดีต มันจึงไม่แปลก และไม่ใช่เรื่องโง่เขลาที่พวกเขาจะชื่นชม แม้ว และเลือกพรรคแม้วทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง และรู้สึกไม่ยอมที่มีใครมาล้ม รบ ที่พวกเขาเลือก รบ แม้วจึงเปนความภูมิใจของชาวรากหญ้า ที่พวกเขาได้ลิ้มลองพลังของสิทธิเสียงผ่านการเลือกตั่ง รบ แม้ว จึงเปนความหวังที่พวกเขาคิดว่าจะทำให้ชีวิตพวกเขาดีขึ้นไปเรื่อย ๆ
ส่วตัวผมเอง ก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่ดี ในสังคมาี่ผมอยู่จากนโยบาบยาเสพติดของแม้ว มันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนแตกต่าง จากยุคไหน ๆ ส่วนนโยบายอื่น ๆ แทบไม่มีผลฌดยตรงต่อผม แต่ก็ส่งผลดีต่อคนรอบ ๆ ตัวจำนวนไม่น้อย สรุปแล้วนโยบายแม้วหลายนโยบาย ส่งผลดีเปนวงกว้างต่อคนจำนวนมาก ปลุกให้คนรากหญ้าจำนวนมาก รู้ถึงคุณค่าของสิทธิเสียงตัวเองอย่างไม่เคยมีมาก่อน จากที่เหนแต่คุณค่าเฮพาะหน้า ด้วยเงินไม่กี่ร้อย เพราะฉะนั้น การเกิดขึ้นของ รบ แม้วเปลี่ยโฉมการเมืองไทย ปฎิร๔ปการเมืองไทยจากอดีต จาก รบ ผสม ที่ไร้ประสิทธิภาพและเสถียรภาพ จากการเมืองพรรคยิบย่อย กลายเปนการเมืองสองขั้วคล้ายอเมริกา จากการหาเสียงโดยสัญญาลมลม เปนการชูนโยบายที่ทำได้จริง
เพราะฉะนั้นประเด็นเรื่องซื้อเสียงทางตรงจึงแทบไม่มีผลต่อการเลือกตั้ง แต่การซื้อเสียงทางอ้อมด้วยนโยบายมาแทน แต่ก็ต้องมองเปนนโยบายไป และถ้าการดำเนินนโยบายนั้น ประสบผลสำเร็จในการบริหารนโยบาย เละไม่ส่งผลเสียมากมายต่อประเทศ มันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ซึ่งถ้ารวม ๆ แล้ว มีนโยบายดีดี ที่ทำได้บ้าง ล้มเหลวบ้าง แต่ประเทศยังไปข้างหน้าได้ดีพอสมควร ก็เปนสิ่งที่รับได้
เสียดายที่ทุกอย่าง จบ ไปแล้วเ้วย รัฐประหาร 49 การเมืองสองขั้ว ที่ต่างต้องแข่งกันเสนอนโยบายแข่งกันเอาใจประชาชนเพื่อให้ได้สิทธิในการบริหารประเทศ หยุดยั้งไม่มีโอกาสได้พัฒนาให้เข้มแข็ง และเข้มข้นทั้งแนวนโยบาย และะระบบการตวรจสอบ ถ่วงดุล กลับมาได้แต่ความวุ่นวายแตกแยก สูญเสียชีวืตผู้คน โอกาสทางเศรษฐกิจ ภาพลักษณ์ ประเทศและอะไรอื่น ๆ อีกมากมาย และยังไม่รู้จะยึดเยื้อไปถึงเมื่อไหร่ จะจบแบบไหนยังไง
สรุปแล้วปฎิรูปประเทศมันเปนไปแทบไม่ได้ นอกจากต้องใช้การยึดอำนาจประเทศแบบเบดเสดเดดขาด และคนที่ทำก็ต้องเปนคนที่หวังดีต่อประเทศจริง ๆ มีความรู้ความสามารถ และมีคนที่สนับสนุนช่วยเหลือที่มีเจตนามุ่งหวังเพื่อประเทศชาติจริง แต่วิธีนี้มันก็ไม่ใช่แนวทางของประชาธิปไตย และก็ยังหาคนท่ดีและมีเพาเวอร์ทำได้ไม่มี สุเทพที่ออกมานำม๊อบปาว ๆ ตอนนี้ ปฎิรูปประเทศที่เทือกเอ่ย ก็แค่วาทะกรรมอำพรางเท่านั่น
แต่ถ้าจะปฎิรูปประเทศประเทศที่อยู่ในแนวทางประชาธิปไตย มีครั้งหนึ่งและคนหนึ่งที่ได้ทำไปบ้าง และทำสำเร็จไปบ้างนิดหน่อยแล้ว นั่นคือ รบ แม้ว 2 พราะแม้วเปนนายกจากวิถีประชาธิปไตย เปนหัวหน้าพรรคที่มี สส มากพอตั้ง รบ พรรคเดียวได้ เปนนายทุนและผู้สนับสนุนหลักของพรรคอีกต่างหาก มีฐานประชาชนที่รองรับและสนับสนุนเปนจำนวนมาก ซึ่งนั่นทำให้มีพาวเวอร์พอที่จะปฎิรูปหลาย ๆ อย่างของประเทศโดยไม่มีแรงต่อต้านมากนัก ถ้าจะปฎิรูป ซึ่งสมัย รบ แม้ว 1 ก็ปฎิรูป บางหน่วยงาย และบางอย่างของประเทศไปแล้ว เช่นรัฐวิสาหกิจบางอัน ระบบราชการบางส่วน และแม้แต่กองทัพแม้วก็เร่ิมทำจากการลดงบประมาณลง ปฎิรูปสังคม ก็ปฎิรูปผ่านนโยบายหลายอย่าง ไม่ว่าเรื่องสุขภาพ ก็ 30 บาท เรื่องยาเสพติด ก็ใช่ ซึ่งการเอาอยู่เรื่องยาเสพติดเรื่องเดว ผลดีต่อสังคมมันตามมาอีกหลายเรื่องเช่น ปัญหาอาชญากรรม เรื่องขายตัว เปนต้น พูดง่าย ๆ ถ้าใครเคยอยู่ในช่วง รบ ผสมมาบ้าง จะเหนความแตกต่างที่ชัดเจน ถ้าเปรัยบกับ รบ แม้ว และถ้าใครพอสนใจการเมืองบ้างก่อนยุคมี รบ แม้ว จะเหนได้ว่า ยุคที่ประเทศมีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดก็คือ ยุค รบ แม้ว่เนี่ยแหละ จึงพอใกล้เคยงกับการปฎิรูปประเทศได้ อันนี้ผมว่ามันมีส่วนเกวเนื่องมาจากการปฎิรูปการเมืองโดยการสร้าง รธน 40 ด้วยแหละเพราะ รธน 40 เน้นให้ความเข้มแข็งและการมีเสถียรภาพของ รบ
สรุปแล้วสาเหตุหนึ่งที่มีการล้มแม้ว เพราะแม้วได้เปลี่ยนโครงสร้างเดิมของประเทศบางส่วนไปแล้ว และกำลังจะทำต่อ ๆ ไปอีก มันเปนธรรมดา ที่การเปลี่ยนแปลงย่อมีคนที่รับได้ และรับไม่ได้ จะรับไม่ได้ ด้วยเหตุผลใดก็คงแตกต่างกันไปตามสถานะ แต่ รบ แม้วเปน รบ ตามวิถี ประชาธิปไตย ที่มีเพาเวอร์ที่จะแฎิรูปประเทศได้และอาจมมีโอกาสสำเร็จสูงอีกต่างหาก เพราะมีองค์ประกอบครบอย่างที่หาใน รบ ไหนไม่ได้แล้ว รบ ปู ก็ทำไม่ได้ สภาประชาชนของเทือกก็ทำไม่ได้ คนที่จะทำได้นั่นนอกจากความรู้ความสามารถและ บารมีแล้วต้องได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างท่วมท้น เพราะไม่งั้น สององค์กรเปนอย่างน้อย ที่คงไม่มีใครกล้าไปแฎิรูปได้ นั่นคือ องค์กรยุติธรรม และก็กองทัพ
เพราะฉะนั้นผมจึงเสียดาย ที่โอกาสนั่นมันถูกทำลายไปแล้ว ด้วยการทำให้ลุกฮือของ พธม และตบด้วยการรัฐประหาร 49 และคงหาอะไรที่มันเหมาะเจาะแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว เพราะวันนี้อะไรมันเปลีายนไปหมดแล้ว และเปลี่ยนไปในทางแย่ลงอีกต่างหาก ต่อให้แม้วกลับมาเปนนายกอีก ก็ทำไม่ได้แล้ว เพราะตราบใดที่ประชาชนยังแตกแยกแบบนี้ ประเทศนี้ก็คงมีแต่แย่ลง ๆ ยากที่จะดีขึ้น และความแตกแยกของประชาชนทุกวันนี้ มันเกิดเพราะมีการสร้างขึ้นมาจากหลายส่วนหลายฝ่าย และก็คงยากที่หยุดการกระทำของทุกทุกฝ่ายได้ คงต้องรอให้ประเทศไทยมันพินาศจนทุกคนรู้สึกร่วมกันว่า มันเปนแบบนี้อีกต่อไปไม่ได้แล้วเท่านั้น
สุดท้ายเกือบ 10 กีแล้วนับแต่การลุกฮือของ พธม และตามมาด้วยการรัฐประหาร มีการล้ม รบ ที่ชนะเลือกตั้งฝ่ั่งแม้ว 4 รบ ด้วยกลวิธีต่างกันไป ฝ่ายหนึ่งอ้างอิงกระแสกระชาธิปไตย ฝ่ายหนึ่งอ้างอิง ความรักชาติ รักสถาบัน อ้างอิงเรื่องคอรัปชั่น เกือบสิบปีมานี้ ช่วงเวลาที่ประเทศวุ่นวายและสูญเสียมีมากกว่าช่วงเวลาสงบ
มาถึงวันนี้ก็ยิ่งวุ่นวายซับซ้อนกว่าเดิม สื่อที่หลากหลายและรวดเร็วขึ้น กลายเปนดาบสองคม ข่าวลือไปไวกว่าปากต่อปากเปนร้อยเปนพันเท่า คนรึ่นใหม่ ๆ ที่โตมากับสื่อออนไลน์ มักจะเสพข่าวสารอย่างลวก ๆ ให้ความสำคัญที่เฮดสปีด ละเลยเนื้อหาและรายละเอียด เสพสื่อเพียงสิ่งที่ตรงกับจริตของตัวเอง ที่เปนเช่นนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะระบบการศึกษาที่ขาดแระสิทธิภาพ สังคมไทยจึงเปนสังคมที่เอาอารมณ์นำหน้าเหตุผล มากพอสมควรและนับวันก็มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมันเปนเรื่องที่แก้ได้ยากและอับจน วันนี้ถ้าคนที่ติดตามการเมืองมาพอสมควรคนที่ติดตามการเปลี่ยนแปลงของประเทศพอสมควร คนที่ผ่านประเทศมาไม่น้อยกว่า 20 ปี จะมองเหนความผิดปกติ ที่มันผิดวิสัยได้อย่างมีนัยยะ ก็จะพอเข้าใจได้บ้าง และกำหนดแนวทางและ เข็มมุ่งต่อสถาณะการณ์ของกระเทศในเวลานี้ได้ ส่วนตัวผม นับแต่ 49 มา ถึงวันนี้ ยิ่งเหนความผิดเพี้ยนปรากฎเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ฝ่ายหนึ่งเริ่มหาเหตุผล ที่ออกห่างเหตุผลที่ควรจะมีอย่างชัดขึ้นเรื่อย ๆ นั่นมันทำให้สิ่งที่ผมคิดมันสมเกตุสมผลขึ้นทุกวันวัน เพราะผมเชื่อว่า คนที่ห่างและน้อยเหตุผลมากเท่าไหร่ คิ้คนที่ห่างความจริงมากเท่านั้น ไม่ก็เปนประเภทที่รู้ดี แต่ต้องการบิดเบือนความจริง
ประเทศไทยวันนี้จึงเหมือนรังนกที่ตกลงมา ยากที่จะมีไข่ที่สมบูรณ์เหลืออยู่ ประชาชนอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ คงเลือกได้แต่ไข่ที่เสียหายน้อยที่สุดเท่านั้นแหละ ส่วนใครจะมองไข่ใบไหนดีกว่ากัน ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลจะคิดจะทำ หรือก็อาจมีคนที่ไม่สนใจจะเลือกเลยก็มี แต่นั่นแหละ ไม่ว่าเรื่องราวในประเทศนี้จะเด้นไปเบบไหน จะจบลงเช่นใด แต่คงไม่มีใครจะหลีกหนีผลกระทบที่ตามมาแน่ ขันอยู่ว่าจะมากจะน้อยแค่ไหนเท่านั้น เพราะยังไง การเปลี่ยนแปลงเปนสิ่งที่แม้แต่พระเจ้าก็หยุดยั้งมันไม่ได้ ก็ได้แต่ทำเท่าที่ทำได้ตามศักยภาพของผม และหวังว่าจะเปนการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น และไม่ต้องแลกกับการสูญเสียที่มากมายเกินทำใจได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันต้องใช้เวลา และบางทีมันอาจนานเปนสิบสิบปี เพราะสิ่งที่ยากที่สุดของประเทศไทยวันนี้ ไม่ใช่การปฎิรูปการเมือง หรือปฎิรูปประเทศ แต่คือการปฎิรูปความสามัคคี
โชดดีประเทศไทย สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้า ขอให้ทุก ๆ ท่าน มีความสุขตามอัตภาพกันทุกทุกคน
เลือกตั้ง ทางออกประชาธิปไตย