เรื่องตายแล้วจะเป็นอย่างไรนั้น เป็นสันทิฎฐิโก คือเราต้องเข้าใจเอง เห็นเองเท่านั้น

เรื่องตายแล้วจะเป็นอย่างไรนั้น เป็นสันทิฎฐิโก คือเราต้องเข้าใจเอง เห็นเองเท่านั้น

ถ้าอ่านจากตำรา หรือฟังจากคนอื่น จะไม่มีทางที่เราจะเข้าใจและเห็นแจ้งได้

เพราะการฟังหรืออ่านมานั้นมันยังเป็นแค่การรับรู้มาและจำได้เท่านั้น

เรื่องความเข้าใจนั้น เราจะต้องใช้เหตุผลจากสิ่งที่เรามีอยู่จริงๆมาพิจารณา จึงจะเกิดเป็นความเข้าใจได้จริง การฟังหรืออ่านมานั้นยังไม่ใช่ความเข้าใจ ยังเป็นแค่การได้รู้มาเท่านั้น

เมื่อเราพิจารณาขันธ์ ๕ จากที่เรามีอยู่จริงในปัจจุบัน ว่าแต่ละขันธ์มันเกิดขึ้นมาโดยอาศัยอะไร? ตั้งอยู่ได้เพราะอาศัยอะไร? รวมทั้งดับหายไปเพราะมันขาดอะไร? เพียงเท่านี้เราก็จะเข้าใจได้ว่า ชีวิต (คือขันธ์ ๕ หรือร่างกายและจิตใจ) ของเรานี้มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร? ตั้งอยู่ได้เพราะอาศัยอะไร? และแตก (ใช้กับร่างกาย) ดับ (ใช้กับจิตใจ) ไปเพราะขาดเหตุอะไรมาปรุงแต่ง? โดยไม่ต้องอาศับความเชื่อจากใครๆทั้งสิ้น เพราะเราเกิดความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งด้วยสติปัญญาของเราเองแล้ว (ศึกษารายละเอียดเรื่องนี้ได้จาก http://www.whatami.net/ )

พระพุทธเจ้าสอนให้เรารู้จักใช้ความคิด โดยให้รู้จักคิดพิจารณาอย่างแยบคาย (โยนิโสมนสิการ) คือคิดอย่างละเอียดรอบครอบ คิดอย่างลึกซึ้ง คิดอย่างจริงจัง คิดโดยใช้เหตุใช้ผลจากสิ่งที่มีอยู่จริง เพียงเท่านี้เราก็จะเกิดความเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้ง และเมื่อเอาสิ่งที่เข้าใจแล้วนี้มาทดลองปฏิบัติอย่างจริงจังก็จะเกิดเป็นความเห็นแจ้งขึ้นมาได้อย่างแท้จริง

ถ้าชาวพุทธไม่รู้จักใช้ความคิด เราก็จะกลายเป็นนักไสยศาสตร์ ที่เอาแต่เชื่อกันเพียงอย่างเดียว แล้วก็จะถูกหลอกให้เสียทั้งทรัพย์และเวลาไปจนตลอดชีวิตโดยไม่ได้รับอะไรที่เป็นประโยชน์แก่ชีวิตอย่างแท้จริง อย่างที่กำลังเป็นกันอยู่โดยทั่วไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่