เมื่อผมฟังเพลงนี้อีกครั้งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา จนกระทั่งวันนี้ วันที่เพื่อนๆสมาชิกหลายคนรวมทั้งผมกลัวได้เกิดขึ้นจริง มันทำให้ผมเกิดคำถามในใจว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะต้องหันมาฟังกัน? เปล่าประโยชน์เหลือเกินที่จะไปสืบสาวว่าใครเริ่ม แต่วันนี้วันที่มีคนเสียชีวิตอีกครั้ง มันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดซ้ำอีก หรือเราทั้งหลายไม่เคยเรียนรู้อะไรจากความเจ็บปวดที่แล้วๆมาเลย? เราต้องสูญเสียอีกเท่าไร? ต้องผ่านอะไรอีกแค่ไหน? เราถึงจะพร้อมที่จะฟังกันเสียที เวลานี้ท่านทั้งหลายอาจจะมีคำตอบในใจว่าอะไรถูกอะไรผิดแล้ว คนเมืองก็อย่าได้ดูแคลนคนชนบทขณะเดียวกันคนชนบทก็อย่าได้เห็นว่าเขาเหยียบย่ำไม่มีใครเหยียบย่ำท่านได้หรอกครับ เราทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง "ก้อนหินแม้ใครจะมองว่ามันไม่มีค่าใด แต่มันไม่มีค่าจริงหรือ?" เพลงนี้เขียนขึ้นจากความเจ็บปวดเมื่อปี 53 ความเจ็บปวดที่เราน่าจะเรียนรู้และไม่น่าให้มันเกิดขึ้นอีก ความเจ็บปวดของพี่น้องทั้งชาติที่แลกมากับความสบายของคนไม่กี่หยิบมือ ตอนนี้มันกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งหรือไม่? คำถามเกิดขึ้นในใจผมมากมายจริงๆ........
ปล.เรื่องการปฏิรูปการเมือง(ขอใช้คำนี้)ผมเห็นด้วยมากๆ แต่มันต้องไม่เกิดด้วยเจตจำนงค์ของใครบางคนที่พร้อมจะตักตวงผลประโยชน์จากการกระทำนันๆ มันควรจะเกิดขึ้นด้วยการที่ไม่มีคนกุมบังเหียนที่คอยตักตวงผลประโยชน์เมื่อทุกอย่างสัมฤทธิ์ผล(อาจฟังดูเป็นอุมคติเกินไปก็เถิด)
ปล.2 การกระทำของผู้มีอำนาจบริหารไม่ใช่จะกระทำสิ่งใดก็ได้ควรหาจุดผ่อนปรน(อย่างจริงใจย้ำว่าจริงใจ) และฟังเสียงของประชาชนบ้าง ไม่ใช่ตะแบงตะบันเพื่อที่จะปันประโยชน์ของพวกพ้อง เมื่อรู้ว่าทำแล้วไม่ดีทำแล้วมันเสียหายต่อประเทศท่านยังจะทำไปเพื่ออะไร เพื่อประเทศเพื่อประชาชน(คนไหน) หรือเพื่อใคร? (ผมว่ากฏหมายบางทีมันน่าจะยืดหยุ่นได้)
ปล.3 ผมของแท็กห้องเพลงด้วยครับ เพราะคิดว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่ดีจริงๆ หากมีเสียงสะท้อนจากห้องเฉลิมไทยมาผมพร้อมจะลบแท็กหรือกระทู้นี้ทันที(ผมเป็นขาจรที่ส่องบ่อยครับ ไม่ค่อยได้ตั้งหรือตอบเท่าใดนัก)
สุดท้ายฝากเนื้อเพลงท่อนหนึ่งครับ และอยากให้ทุกท่านฟังกันทั้งเพลง
"เราต่างดับไฟด้วยการใช้ดุ้นฟืน เราผลักคนล้มด้วยคำว่าจุดยืน
เอาหมึกพิมพ์สีดำ สาดใส่ฟ้ากลางคืน แล้วยิงเสียงปืนให้ดังกว่า เพื่อที่จะกลบเสียงปืน
เอาวันมะรืนที่ยังมองไม่เห็น ตัดสินพรุ่งนี้ว่ากำลังจะเน่าเหม็น
แล้วเอาเมื่อวานซืนที่ลำบากทุกข์เข็ญ มารวมกับเมื่อวานนี้ตัดสินวันนี้ว่าคนละความคิดเห็น
เกิดความแตกต่างคนละสีเสื้อเดียวกัน ทั้งๆที่สีเลือดเดียวกัน ทั้งสีธงชาติและสีสถาบัน
สงครามที่ฆ่าเผ่าพันธุ์เดียวกัน แค่หนึ่งชีวิตก็มากเกินกว่าจะสูญเสียไปให้เดือนพฤษภา
ซากเซ็นทรัลเวิลด์หรือการไม่ยุบสภา สีลมราชประสงค์หรือเลือดที่โชกพระประธาน
สงครามที่รบกันระหว่างพี่น้องแท้ๆ จึงเป็นสงครามที่ไม่ว่าใครชนะ เราแพ้"
ไม่ว่าใครจะชนะ เราแพ้...
ปล.เรื่องการปฏิรูปการเมือง(ขอใช้คำนี้)ผมเห็นด้วยมากๆ แต่มันต้องไม่เกิดด้วยเจตจำนงค์ของใครบางคนที่พร้อมจะตักตวงผลประโยชน์จากการกระทำนันๆ มันควรจะเกิดขึ้นด้วยการที่ไม่มีคนกุมบังเหียนที่คอยตักตวงผลประโยชน์เมื่อทุกอย่างสัมฤทธิ์ผล(อาจฟังดูเป็นอุมคติเกินไปก็เถิด)
ปล.2 การกระทำของผู้มีอำนาจบริหารไม่ใช่จะกระทำสิ่งใดก็ได้ควรหาจุดผ่อนปรน(อย่างจริงใจย้ำว่าจริงใจ) และฟังเสียงของประชาชนบ้าง ไม่ใช่ตะแบงตะบันเพื่อที่จะปันประโยชน์ของพวกพ้อง เมื่อรู้ว่าทำแล้วไม่ดีทำแล้วมันเสียหายต่อประเทศท่านยังจะทำไปเพื่ออะไร เพื่อประเทศเพื่อประชาชน(คนไหน) หรือเพื่อใคร? (ผมว่ากฏหมายบางทีมันน่าจะยืดหยุ่นได้)
ปล.3 ผมของแท็กห้องเพลงด้วยครับ เพราะคิดว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่ดีจริงๆ หากมีเสียงสะท้อนจากห้องเฉลิมไทยมาผมพร้อมจะลบแท็กหรือกระทู้นี้ทันที(ผมเป็นขาจรที่ส่องบ่อยครับ ไม่ค่อยได้ตั้งหรือตอบเท่าใดนัก)
สุดท้ายฝากเนื้อเพลงท่อนหนึ่งครับ และอยากให้ทุกท่านฟังกันทั้งเพลง
"เราต่างดับไฟด้วยการใช้ดุ้นฟืน เราผลักคนล้มด้วยคำว่าจุดยืน
เอาหมึกพิมพ์สีดำ สาดใส่ฟ้ากลางคืน แล้วยิงเสียงปืนให้ดังกว่า เพื่อที่จะกลบเสียงปืน
เอาวันมะรืนที่ยังมองไม่เห็น ตัดสินพรุ่งนี้ว่ากำลังจะเน่าเหม็น
แล้วเอาเมื่อวานซืนที่ลำบากทุกข์เข็ญ มารวมกับเมื่อวานนี้ตัดสินวันนี้ว่าคนละความคิดเห็น
เกิดความแตกต่างคนละสีเสื้อเดียวกัน ทั้งๆที่สีเลือดเดียวกัน ทั้งสีธงชาติและสีสถาบัน
สงครามที่ฆ่าเผ่าพันธุ์เดียวกัน แค่หนึ่งชีวิตก็มากเกินกว่าจะสูญเสียไปให้เดือนพฤษภา
ซากเซ็นทรัลเวิลด์หรือการไม่ยุบสภา สีลมราชประสงค์หรือเลือดที่โชกพระประธาน
สงครามที่รบกันระหว่างพี่น้องแท้ๆ จึงเป็นสงครามที่ไม่ว่าใครชนะ เราแพ้"