คลอดแผน 'Cool Japan' บูมสินค้าวัฒนธรรม
ญี่ปุ่นทุ่มงบโปรโมทธุรกิจวัฒนธรรม ทั้งหนัง เพลง แฟชั่น เน้นกิจการอาหาร ตั้งเป้าเพิ่มยอดส่งออกนับล้านล้านบาท ควบคู่แผนส่งเสริมการท่องเที่ยว Visit Japan
รัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนจะส่ง "มิชชั่นนารี" ออกไปเผยแพร่อาหารญี่ปุ่นในต่างแดน ภายใต้แผนปฏิบัติการ "Cool Japan" เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมญี่ปุ่นให้แพร่หลายทั่วโลก
แผนการนี้ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โทโมมิ อินาดะ แล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์กระตุ้นการเจริญเติบโต ที่มีกำหนดจะประกาศในเดือนมิถุนายน

@ แผนปฏิบัติการ Cool Japan มุ่งเพิ่มมูลค่าส่งออกวัฒนธรรมอาหารของญี่ปุ่น
แผนการดังกล่าวประกอบด้วยมาตรการ 19 ข้อ อาทิ จัดงานอีเวนท์ เพื่อโปรโมทอาหาร ขนมหวาน เหล้าสาเก และเครื่องปรุงอาหาร, จัดการประชุมนานาชาติเพื่อแนะนำวัฒนธรรมญี่ปุ่น เป็นต้น
แผนการนี้มีเป้าหมายที่จะขยายบทบาทของญี่ปุ่นในอุตสาหกรรมวัฒนธรรมของโลก ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่า 900 ล้านล้านเยน หรือราว 330 ล้านล้านบาทในอนาคตอันใกล้
รัฐบาลญี่ปุ่นจะประเดิมแผนการนี้ในการประชุมนานาชาติว่าด้วยการพัฒนาของแอฟริกา ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองโยโกฮามาในเดือนหน้า
แผนการดังกล่าวเสนอให้ส่งพ่อครัวและผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารญี่ปุ่นไปร่วมงานอีเวนท์ในต่างประเทศในฐานะ "มิชชั่นนารีสอนอาหาร" เพื่อดึงดูดผู้คนให้หันมาทำอาหารญี่ปุ่นกันให้มากขึ้น
รัฐบาลตั้งเป้าที่จะเพิ่มมูลค่าส่งออกของอาหารแบบดั้งเดิม ขนมหวาน เครื่องปรุง และผลิตภัณฑ์การเกษตร จากระดับ 450,000 ล้านเยนในปี 2555 เป็น 1 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 2.96 แสนล้านบาทในปี 2563
ตลาดธุรกิจวัฒนธรรม เช่น ภาพยนตร์ การ์ตูน เสื้อผ้า ของโลก มีมูลค่าราว 500 ล้านล้านเยน ซึ่งญี่ปุ่นมีส่วนแบ่งเพียง 3 ล้านล้านเยน คาดว่าตลาดสินค้าวัฒนธรรมของโลกจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 900 ล้านล้านเยนในปี 2563 รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าว่าจะเพิ่มส่วนแบ่งของตนในตลาดโลกขึ้นเป็น 8-11 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 2.36-3.25 ล้านล้านบาท
ในปีงบประมาณ 2556 รัฐบาลได้จัดงบประมาณ 17,000 ล้านเยน หรือราว 5,000 ล้านบาท สำหรับแผนปฏิบัติการนี้ และกำลังพิจารณาที่จะเพิ่มงบในส่วนนี้ขึ้นอีกในงบประมาณปี 2557
แผนการนี้ยังเสนอให้ขึ้นทะเบียนสถานที่ทางวัฒนธรรมต่างๆของประเทศเป็นมรดกโลกของยูเนสโกด้วย โดยเชื่อมโยงกับแผนส่งเสริมการท่องเที่ยว Visit Japan ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีแผนจะจัดตั้งคณะทำงานที่ใช้เงินจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อสนับสนุนให้บริษัทของชาวญี่ปุ่นออกไปเปิดกิจการด้านวัฒนธรรมในต่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลได้ส่งร่างกฎหมายในเรื่องนี้เข้าสู่สภาแล้ว โดยพยายามจะผ่านให้เร็วที่สุด.
ญี่ปุ่นตั้งทีวีแพร่วัฒนธรรมในอุษาคเนย์
รัฐบาลญี่ปุ่นเอาอย่างเกาหลี ลุยอุตสาหกรรมวัฒนธรรมในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขายตั้งแต่การ์ตูน ละคร ไปจนถึงอาหาร หวังเพิ่มยอดส่งออกสินค้า และดึงดูดนักท่องเที่ยว
บรรดาสถานีโทรทัศน์ เอเยนซี่โฆษณา และหุ้นส่วนหลายราย มีแผนจะเปิด "Japan Channel" โดยประเดิมแห่งแรกที่สิงคโปร์ในเดือนกุมภาพันธ์ เคเบิลทีวีในสิงคโปร์แห่งนี้จะออกอากาศละคร การ์ตูน และรายการเกี่ยวกับอาหารญี่ปุ่น
รัฐบาลโตเกียวจะสนับสนุนเงินทุนในนาม "Cool Japan Fund"ด้วยเงินราว 80,000 ล้านเยน หรือประมาณ 27,700 ล้านบาท ขณะที่บรรดาสถานีและเอเยนซี่โฆษณา รวมทั้งบริษัทต่างๆ จะลงขันกันเป็นจำนวนหลายพันล้านเยน จัดตั้ง "บริษัทจุดประสงค์พิเศษ" หรือเอสพีซี (special purpose companies) ในประเทศต่างๆเพื่อบริหารสถานีโทรทัศน์ในแต่ละประเทศ
หุ้นส่วนกลุ่มนี้จะจัดตั้งเอสพีซีขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และประเทศอื่นๆในภูมิภาคนี้ และจะทยอยเตรียมการเพื่อออกอากาศในอนาคต รวมทั้งมองหาช่องสถานีออกอากาศ และสิทธิออกอากาศของเคเบิลทีวีและโทรทัศน์ดาวเทียมในประเทศเหล่านั้น
สถานีเหล่านั้นจะฉายหนังญี่ปุ่น และโฆษณาสินค้าญี่ปุ่น พ่วงด้วยรายการขายของ เช่น ของเล่น, เครื่องสำอาง, เสื้อผ้า คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวมายังญี่ปุ่น และช่วยส่งเสริมการขาย ด้วยการหว่านเสน่ห์ของวัฒนธรรมและไลฟ์สไตล์แบบญี่ปุ่น
เกาหลีใต้ ซึ่งญี่ปุ่นถือเป็นคู่แข่งในอุตสาหกรรมนี้ ดืทำแคมเปญในทำนองนี้มาตั้งแต่ปี 2540 รัฐบาลเกาหลีใต้มีบทบาทนำในการส่งเสริมละครทีวี, เพลงป๊อป และสินค้าวัฒนธรรมของเกาหลีในต่างแดน ซึ่งช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าเกาหลี และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศ
ในปี 2554 ตลาดอุตสาหกรรมวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมีมูลค่าราว 2.3 ล้านล้านเยน รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าที่จะเพิ่มมูลค่าเป็น 11 ล้านล้านเยนภายในปี 2563 และเพิ่มเป็น 17 ล้านล้านเยนหากรวมถึงยอดขายของอาหารญี่ปุ่นด้วย
รัฐบาลใหม่ของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ มองว่า โครงการนี้เป็นมาตรการหนึ่งในการฟื้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่น
ที่มา
http://news.voicetv.co.th/global/71083.html
http://news.voicetv.co.th/global/60020.html
นโยบาย cool japan ของนายกอาเบะจะได้ผลมากน้อยแค่ไหนในอาเซียนรวมทั้งประเทศไทย
* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะญี่ปุ่นทุ่มงบโปรโมทธุรกิจวัฒนธรรม ทั้งหนัง เพลง แฟชั่น เน้นกิจการอาหาร ตั้งเป้าเพิ่มยอดส่งออกนับล้านล้านบาท ควบคู่แผนส่งเสริมการท่องเที่ยว Visit Japan
รัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนจะส่ง "มิชชั่นนารี" ออกไปเผยแพร่อาหารญี่ปุ่นในต่างแดน ภายใต้แผนปฏิบัติการ "Cool Japan" เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมญี่ปุ่นให้แพร่หลายทั่วโลก
แผนการนี้ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โทโมมิ อินาดะ แล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์กระตุ้นการเจริญเติบโต ที่มีกำหนดจะประกาศในเดือนมิถุนายน
@ แผนปฏิบัติการ Cool Japan มุ่งเพิ่มมูลค่าส่งออกวัฒนธรรมอาหารของญี่ปุ่น
แผนการดังกล่าวประกอบด้วยมาตรการ 19 ข้อ อาทิ จัดงานอีเวนท์ เพื่อโปรโมทอาหาร ขนมหวาน เหล้าสาเก และเครื่องปรุงอาหาร, จัดการประชุมนานาชาติเพื่อแนะนำวัฒนธรรมญี่ปุ่น เป็นต้น
แผนการนี้มีเป้าหมายที่จะขยายบทบาทของญี่ปุ่นในอุตสาหกรรมวัฒนธรรมของโลก ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่า 900 ล้านล้านเยน หรือราว 330 ล้านล้านบาทในอนาคตอันใกล้
รัฐบาลญี่ปุ่นจะประเดิมแผนการนี้ในการประชุมนานาชาติว่าด้วยการพัฒนาของแอฟริกา ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองโยโกฮามาในเดือนหน้า
แผนการดังกล่าวเสนอให้ส่งพ่อครัวและผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารญี่ปุ่นไปร่วมงานอีเวนท์ในต่างประเทศในฐานะ "มิชชั่นนารีสอนอาหาร" เพื่อดึงดูดผู้คนให้หันมาทำอาหารญี่ปุ่นกันให้มากขึ้น
รัฐบาลตั้งเป้าที่จะเพิ่มมูลค่าส่งออกของอาหารแบบดั้งเดิม ขนมหวาน เครื่องปรุง และผลิตภัณฑ์การเกษตร จากระดับ 450,000 ล้านเยนในปี 2555 เป็น 1 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 2.96 แสนล้านบาทในปี 2563
ตลาดธุรกิจวัฒนธรรม เช่น ภาพยนตร์ การ์ตูน เสื้อผ้า ของโลก มีมูลค่าราว 500 ล้านล้านเยน ซึ่งญี่ปุ่นมีส่วนแบ่งเพียง 3 ล้านล้านเยน คาดว่าตลาดสินค้าวัฒนธรรมของโลกจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 900 ล้านล้านเยนในปี 2563 รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าว่าจะเพิ่มส่วนแบ่งของตนในตลาดโลกขึ้นเป็น 8-11 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 2.36-3.25 ล้านล้านบาท
ในปีงบประมาณ 2556 รัฐบาลได้จัดงบประมาณ 17,000 ล้านเยน หรือราว 5,000 ล้านบาท สำหรับแผนปฏิบัติการนี้ และกำลังพิจารณาที่จะเพิ่มงบในส่วนนี้ขึ้นอีกในงบประมาณปี 2557
แผนการนี้ยังเสนอให้ขึ้นทะเบียนสถานที่ทางวัฒนธรรมต่างๆของประเทศเป็นมรดกโลกของยูเนสโกด้วย โดยเชื่อมโยงกับแผนส่งเสริมการท่องเที่ยว Visit Japan ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีแผนจะจัดตั้งคณะทำงานที่ใช้เงินจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อสนับสนุนให้บริษัทของชาวญี่ปุ่นออกไปเปิดกิจการด้านวัฒนธรรมในต่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลได้ส่งร่างกฎหมายในเรื่องนี้เข้าสู่สภาแล้ว โดยพยายามจะผ่านให้เร็วที่สุด.
ญี่ปุ่นตั้งทีวีแพร่วัฒนธรรมในอุษาคเนย์
รัฐบาลญี่ปุ่นเอาอย่างเกาหลี ลุยอุตสาหกรรมวัฒนธรรมในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขายตั้งแต่การ์ตูน ละคร ไปจนถึงอาหาร หวังเพิ่มยอดส่งออกสินค้า และดึงดูดนักท่องเที่ยว
บรรดาสถานีโทรทัศน์ เอเยนซี่โฆษณา และหุ้นส่วนหลายราย มีแผนจะเปิด "Japan Channel" โดยประเดิมแห่งแรกที่สิงคโปร์ในเดือนกุมภาพันธ์ เคเบิลทีวีในสิงคโปร์แห่งนี้จะออกอากาศละคร การ์ตูน และรายการเกี่ยวกับอาหารญี่ปุ่น
รัฐบาลโตเกียวจะสนับสนุนเงินทุนในนาม "Cool Japan Fund"ด้วยเงินราว 80,000 ล้านเยน หรือประมาณ 27,700 ล้านบาท ขณะที่บรรดาสถานีและเอเยนซี่โฆษณา รวมทั้งบริษัทต่างๆ จะลงขันกันเป็นจำนวนหลายพันล้านเยน จัดตั้ง "บริษัทจุดประสงค์พิเศษ" หรือเอสพีซี (special purpose companies) ในประเทศต่างๆเพื่อบริหารสถานีโทรทัศน์ในแต่ละประเทศ
หุ้นส่วนกลุ่มนี้จะจัดตั้งเอสพีซีขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และประเทศอื่นๆในภูมิภาคนี้ และจะทยอยเตรียมการเพื่อออกอากาศในอนาคต รวมทั้งมองหาช่องสถานีออกอากาศ และสิทธิออกอากาศของเคเบิลทีวีและโทรทัศน์ดาวเทียมในประเทศเหล่านั้น
สถานีเหล่านั้นจะฉายหนังญี่ปุ่น และโฆษณาสินค้าญี่ปุ่น พ่วงด้วยรายการขายของ เช่น ของเล่น, เครื่องสำอาง, เสื้อผ้า คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวมายังญี่ปุ่น และช่วยส่งเสริมการขาย ด้วยการหว่านเสน่ห์ของวัฒนธรรมและไลฟ์สไตล์แบบญี่ปุ่น
เกาหลีใต้ ซึ่งญี่ปุ่นถือเป็นคู่แข่งในอุตสาหกรรมนี้ ดืทำแคมเปญในทำนองนี้มาตั้งแต่ปี 2540 รัฐบาลเกาหลีใต้มีบทบาทนำในการส่งเสริมละครทีวี, เพลงป๊อป และสินค้าวัฒนธรรมของเกาหลีในต่างแดน ซึ่งช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าเกาหลี และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศ
ในปี 2554 ตลาดอุตสาหกรรมวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมีมูลค่าราว 2.3 ล้านล้านเยน รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าที่จะเพิ่มมูลค่าเป็น 11 ล้านล้านเยนภายในปี 2563 และเพิ่มเป็น 17 ล้านล้านเยนหากรวมถึงยอดขายของอาหารญี่ปุ่นด้วย
รัฐบาลใหม่ของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ มองว่า โครงการนี้เป็นมาตรการหนึ่งในการฟื้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่น
ที่มา http://news.voicetv.co.th/global/71083.html
http://news.voicetv.co.th/global/60020.html