กางกฎหมายชัดๆ “ธาริต” มีอำนาจ “อายัดบัญชี”กปปส. ได้จริงหรือ ?

"..ปกติพนักงานสอบสวนทั่วไป ถ้ามีทรัพย์ที่เกี่ยวพันกับการกระทำความผิด หรือได้ใช้ในการกระทำความผิดมันอายัดได้.. จะต้องขอข้อมูลจากธนาคารก่อน ถ้าธนาคารบอกข้อมูลมาว่ามีบัญชีอันนี้ที่ให้การสนับสนุน ถ้าได้ความตรงนั้นจึงจะอายัด แต่ว่าอยู่เฉย ๆ มาอายัดบัญชีทุกบัญชีไม่ได้ มันไม่มีฐาน ถ้าไม่ได้ความตรงนี้ อายัดไม่ได้.."



ยังเป็นประเด็นร้อนที่ต้องหาคำตอบทางกฎหมายมาถกเถียงให้เกิดความกระจ่างต่อสังคม    

กรณี นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ สั่งตัดท่อน้ำเลี้ยง “ม็อบนกหวีด” ด้วยการร่อนหนังสือแจ้งไปยังธนาคาร 30 แห่ง “อายัดบัญชี” แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) รวมทั้งให้ส่งหลักฐานการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน

โดยอ้าง “มาตรา 24” ของ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547

ร้อนถึงเหล่าบรรดาแกนนำ “กปปส.” ต้องออกมาโต้แย้งแบบควันออกหูว่า “ธาริต” ไม่มีอำนาจสั่งอายัดบัญชีทรัพย์สิน และอ้างว่านี่คือการ กลั่นแกล้งทางการเมือง

คำถามที่น่าสนใจคือ “ดีเอสไอ” มีอำนาจ “อายัดบัญชี” แกนนำ กปปส. หรือไม่ ?

ทั้งนี้ เพื่อไขปมดังกล่าวให้กระจ่างชัด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้ตรวจสอบกฎหมาย “พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547” มาตรา 24 ที่นายธาริต นำมาใช้เป็นหลักในการสั่งอายัดบัญชี แกนนำ กปปส. ครั้งนี้ พบข้อเท็จจริงที่น่าสนใจดังนี้

ประการที่ 1

พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 มาตรา 24 ให้อำนาจ ดีเอสไอ ดังนี้

1.เข้าไปในเคหสถาน หรือสถานที่ใด ๆ เพื่อตรวจค้น เมื่อมีเหตุสงสัยตามสมควรว่ามีบุคคลที่มีเหตุสงสัยว่ากระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษหลบซ่อนอยู่ หรือมีทรัพย์สินซึ่งมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยการกระทำความผิด หรือได้ใช้ในการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษ หรือซึ่งอาจใช้เป็นพยานหลักฐานได้ ประกอบกับมีเหตุอันควรเชื่อว่าเนื่องจากการเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้บุคคลนั้นจะหลบหนีไป หรือทรัพย์สินนั้นจะถูกโยกย้าย ซุกซ่อน ทำลาย หรือทำให้เปลี่ยนสภาพไปจากเดิม

2.ค้นบุคคล หรือยานพาหนะที่มีเหตุสงสัยตามสมควรว่ามีทรัพย์สินซึ่งมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยการกระทำความผิด หรือได้ใช้หรือจะใช้ในการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษ หรือซึ่งอาจใช้เป็นพยานหลักฐานได้

3.มีหนังสือสอบถามหรือเรียกให้สถาบันการเงิน ส่วนราชการ องค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ ส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาเพื่อให้ถ้อยคำ ส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือ หรือส่งบัญชีเอกสาร หรือหลักฐานใด ๆ มาเพื่อตรวจสอบ หรือเพื่อประกอบการพิจารณา

4.มีหนังสือสอบถาม หรือเรียกบุคคลใด ๆ มาเพื่อให้ถ้อยคำ ส่งคำชี้แจง เป็นหนังสือหรือส่งบัญชีเอกสาร หรือหลักฐานใด ๆ มาเพื่อตรวจสอบ หรือเพื่อประกอบการพิจารณา

5.ยึด หรืออายัดทรัพย์สินที่ค้นพบ หรือที่ส่งมาดังกล่าวไว้ใน ข้อ 1, 2, 3 และ 4

อธิบายง่ายๆ คือ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ มีอำนาจในการตรวจค้น “ตัวบุคคล สถานที่ และยานพานะ” เมื่อเกิดเหตุสงสัยว่าอาจกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษ หรือมีทรัพย์สินที่ได้มาโดยการกระทำความผิด หรือใช้ในการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษ และสามารถยึด หรืออายัดทรัพย์สินเพื่อป้องกันการซุกซ่อน หรือโยกย้ายทรัพย์สินดังกล่าว

นอกจากนี้สามารถเรียกให้บุคคลดังกล่าว หรือหน่วยงานต่าง ๆ ส่งเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง หรือส่งหลักฐานมาประกอบการพิจารณา และมีสิทธิ์ยึด หรืออายัดทรัพย์สินที่ที่บุคคล และหน่วยงานต่าง ๆ ส่งมาให้

อย่างไรก็ตาม เมื่อย้อนกลับไปดูในมาตรา 24 อนุมาตราที่ 5 จะพบว่า ดีเอสไอ สามารถยึด หรืออายัดทรัพย์สินที่ค้นพบ หรือที่ส่งมาจากอนุมาตราที่ 1, 2, 3, และ 4

นั่นหมายความว่า ดีเอสไอ จะสามารถ “อายัดบัญชี” ได้นั้น จะต้องยึดตามอนุมาตรา 2 และ 3 โดยให้บุคคล หรือหน่วยงานต่าง ๆ เข้าชี้แจง หรือยื่นเอกสารหลักฐานเสียก่อนว่ามีการกระทำความผิดจริง หรืออีกนัยหนึ่งคือ ดีเอสไอ จะต้องขอข้อมูลจากธนาคาร เพื่อมาตรวจสอบเสียก่อนว่าบัญชีดังกล่าวมีการกระทำความผิดจริง จึงจะทำการอายัดบัญชีทรัพย์สินได้

และการใช้อนุมาตรา 5 อ้างอนุมาตราที่ 1 นั้นไม่สามารถทำได้ เพราะต้องเป็นการไปค้นพบโดยตรง กล่าวคือ เป็นการยึด หรืออายัดทรัพย์สินโดยการเข้าไปตรวจค้น “บุคคล สถานที่ และยานพาหนะ” ด้วยตัวเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่