ดูจบแล้ว มีตัวละครที่อยากพูดถึงเป็นพิเศษสองคน
1. พูดถึงสาวฮิปปี้ "ฮอนดะ เจน"ก่อนแล้วกันครับ
แม้ในเรื่องนี้ เธอจะเป็นแค่ตัวประกอบก็ตาม และรูปร่างหน้าตาของเธอก็จัดได้ว่าเป็นสาวหน้าจืดๆคนหนึ่งเท่านั้น
แต่พอเรื่องราวผ่านไป ผมกลับรู้สึกว่าเธอน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีการอัพเกรดร่างใหม่อยู่เป็นระยะๆ
ร่าง 1: ตอนอยู่ในสำนักอัยการ เงียบๆ ซึมๆ แอบหลอนๆในสไตล์ผีญี่ปุ่นนิดๆ

ร่าง 1.5: ตอนตัดสินใจลาออกไปทำงานกับฮันยู ตอนแรกผมก็นึกว่า ถอดแว่นและปล่อยผมจะสวยเช้ง แต่พอเอาเข้าจริงก็ยังหน้าจืดอยู่ดี

ร่าง 2: ตอนเริ่มทำงานที่เน็กซัส ได้อารมณ์ฮิปปี้ๆ Love and Peace ถึงจะดูเฮฮาขึ้น แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ

ร่าง 3: พอลงมือว่าความในศาลแล้ว รู้สึกว่าเธอคนนี้น่ารักขึ้นเป็นกองแฮะ ดูสดใส พูดจาฉะฉมาน และมีชั้นเชิงกว่าตาลุงจืดจางที่เป็นทนายเก่ามาก่อนเสียเอง ถ้าให้ลองมาว่าความสู้กับนางเอก(ที่พัฒนาฝีมือมาจากภาคที่แล้ว) คงสู้กันได้สมน้ำสมเนื้อ
ร่าง 4 ตอนสู้ศึกสุดท้าย ดูสวยมั่นขึ้นไปกว่าเดิม แฝงแววร้ายเล็กๆ อีกด้วย
มาถึงตอนนี้แล้ว ผมย้อนนึกไปถึงความเห็นของตัวเองเกี่ยวกับสาวญี่ปุ่นว่า
"ถ้าดูคนทั่วๆไปที่ไม่ได้เป็นดารานักร้องแล้ว สาวญี่ปุ่นที่หน้าตาดีหาเจอได้ไม่บ่อยเท่าสาวไทย
แต่สาวญี่ปุ่นหน้าตาธรรมดาๆนั้น สามารถเพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวเองโดยใช้วิธีการพูดจา จริตจะก้านและการแต่งตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าประเทศอื่น ถึงแม้ผมจะไม่สามารถสรุปได้ว่าสาวญี่ปุ่นสวยที่สุดในโลก แต่ถ้าเอาสาวหน้าจืดจากทั่วโลกมาประชันกันละก็ สาวหน้าจืดจากญี่ปุ่น
มาเป็นที่หนึ่งแน่"
แต่หลังจากที่ฮันยูแพ้คดีสุดท้ายให้กับโคมิคาโดะเซนเซย์แล้ว เธอกลับสูญเสียความมั่นใจของเธอไปจนหมด จนกลับคืนไปสู่ร่างแรกอีกครั้งหนึ่งและเลือกที่จะทำงานเป็นอัยการต่อไป โดยอ้างว่า "ฉันพบตัวตนที่แท้จริงของฉันแล้ว"ผมเสียดายและงงเหมือนกันว่าอะไรทำให้เธอจิตตกอย่างนั้นเพราะที่ผ่านมาก็มีช่วงที่ฮันยูแพ้เหมือนกัน และเธอเองก็ภักดีกับฮันยูขนาดนั้น ทำไมไม่ออกไปท่องโลกด้วยกันล่ะ
2. ฮันยูคุง
ถึงแม้ว่านายคนนี้จะมีข้อเสียตรงที่เอาอุดมการณ์ตัวเองมาตีกรอบคนอื่น และก็ใช้วิธีการนอกลู่นอกทางอยูบ่อยๆ
แต่ถ้าว่ากันตามเนื้อผ้าแล้ว เขาเป็นคนที่หวังดี พยายามลงมือสร้างให้สิ่งดีๆเกิดขึ้น และทำได้สำเร็จในระดับหนึ่งด้วย
นับว่าเป็นคนที่น่านับถือ ฉากที่นางเอกจับมืออำลาและบอกความรู้สึกกับฮันยูนั้น ก็ดูเป็นคู่ที่น่ารักดี (โดยส่วนตัว ผมไม่เชียร์ให้โคมิคาโดะเซนเซย์เป็นแฟนกับนางเอก เพราะแก่เกินไป อยากให้เฮียแกเป็นคู่กับผู้พิพากษาเบปปุมากกว่า เพราะอีกฝ่ายเกรียนหน้าตายแบบปนความน่ารัก และสามารถตบเกรียนโฉ่งฉ่างอย่างพระเอกได้อยู่หมัด)
แต่แล้ว ละครก็จบเรื่องแบบเกรียนๆ ถึงแม้จะไม่เกรียนเท่าฉากจบภาคแรก แต่ก็ทำเอาผมตะลึงไปเหมือนกัน
ละครเปิดเผยว่าที่แท้ ฮันยูเป็นเกย์ และแอบหลงรักพระเอกอยู่ ชวนให้นึกถึงมุขตลกในกลุ่มสาวๆว่า ผู้ชายแม้ที่นิสัยดี ฉลาด และไม่มีแฟนนั้นไม่มีหรอกฮ้า
(ที่ผ่านมา ไอ้เราก็นึกว่า ฮันยูมองรูปนางเอกด้วยความรัก แต่ขัดใจที่มีโคมิคาโดะมาเป็นกขค. อยู่ตลอด
ที่ไหนได้พี่แกตั้งใจถ่ายรูปโคมิคาโดะเซนซย์ แต่เอานางเอกมาเป็นฉากบังหน้าต่างหาก 55555555)
ผมว่าสาวฮิปปี้เธอคงไปรู้ความลับข้อนี้เข้า จนทำเอาสติแตกไปในที่สุดก็เป็นได้ 55555555
[Spoil ตอนจบ] มีใครดู Legal High ภาคสองตอนจบแล้ว รู้สึกเสียดาย "สาวฮิปปี้" กับ "ฮันยูคุง" หรือเปล่าครับ
1. พูดถึงสาวฮิปปี้ "ฮอนดะ เจน"ก่อนแล้วกันครับ
แม้ในเรื่องนี้ เธอจะเป็นแค่ตัวประกอบก็ตาม และรูปร่างหน้าตาของเธอก็จัดได้ว่าเป็นสาวหน้าจืดๆคนหนึ่งเท่านั้น
แต่พอเรื่องราวผ่านไป ผมกลับรู้สึกว่าเธอน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีการอัพเกรดร่างใหม่อยู่เป็นระยะๆ
ร่าง 1: ตอนอยู่ในสำนักอัยการ เงียบๆ ซึมๆ แอบหลอนๆในสไตล์ผีญี่ปุ่นนิดๆ
ร่าง 1.5: ตอนตัดสินใจลาออกไปทำงานกับฮันยู ตอนแรกผมก็นึกว่า ถอดแว่นและปล่อยผมจะสวยเช้ง แต่พอเอาเข้าจริงก็ยังหน้าจืดอยู่ดี
ร่าง 2: ตอนเริ่มทำงานที่เน็กซัส ได้อารมณ์ฮิปปี้ๆ Love and Peace ถึงจะดูเฮฮาขึ้น แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ
ร่าง 3: พอลงมือว่าความในศาลแล้ว รู้สึกว่าเธอคนนี้น่ารักขึ้นเป็นกองแฮะ ดูสดใส พูดจาฉะฉมาน และมีชั้นเชิงกว่าตาลุงจืดจางที่เป็นทนายเก่ามาก่อนเสียเอง ถ้าให้ลองมาว่าความสู้กับนางเอก(ที่พัฒนาฝีมือมาจากภาคที่แล้ว) คงสู้กันได้สมน้ำสมเนื้อ
ร่าง 4 ตอนสู้ศึกสุดท้าย ดูสวยมั่นขึ้นไปกว่าเดิม แฝงแววร้ายเล็กๆ อีกด้วย
มาถึงตอนนี้แล้ว ผมย้อนนึกไปถึงความเห็นของตัวเองเกี่ยวกับสาวญี่ปุ่นว่า
"ถ้าดูคนทั่วๆไปที่ไม่ได้เป็นดารานักร้องแล้ว สาวญี่ปุ่นที่หน้าตาดีหาเจอได้ไม่บ่อยเท่าสาวไทย
แต่สาวญี่ปุ่นหน้าตาธรรมดาๆนั้น สามารถเพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวเองโดยใช้วิธีการพูดจา จริตจะก้านและการแต่งตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าประเทศอื่น ถึงแม้ผมจะไม่สามารถสรุปได้ว่าสาวญี่ปุ่นสวยที่สุดในโลก แต่ถ้าเอาสาวหน้าจืดจากทั่วโลกมาประชันกันละก็ สาวหน้าจืดจากญี่ปุ่น
มาเป็นที่หนึ่งแน่"
แต่หลังจากที่ฮันยูแพ้คดีสุดท้ายให้กับโคมิคาโดะเซนเซย์แล้ว เธอกลับสูญเสียความมั่นใจของเธอไปจนหมด จนกลับคืนไปสู่ร่างแรกอีกครั้งหนึ่งและเลือกที่จะทำงานเป็นอัยการต่อไป โดยอ้างว่า "ฉันพบตัวตนที่แท้จริงของฉันแล้ว"ผมเสียดายและงงเหมือนกันว่าอะไรทำให้เธอจิตตกอย่างนั้นเพราะที่ผ่านมาก็มีช่วงที่ฮันยูแพ้เหมือนกัน และเธอเองก็ภักดีกับฮันยูขนาดนั้น ทำไมไม่ออกไปท่องโลกด้วยกันล่ะ
2. ฮันยูคุง
ถึงแม้ว่านายคนนี้จะมีข้อเสียตรงที่เอาอุดมการณ์ตัวเองมาตีกรอบคนอื่น และก็ใช้วิธีการนอกลู่นอกทางอยูบ่อยๆ
แต่ถ้าว่ากันตามเนื้อผ้าแล้ว เขาเป็นคนที่หวังดี พยายามลงมือสร้างให้สิ่งดีๆเกิดขึ้น และทำได้สำเร็จในระดับหนึ่งด้วย
นับว่าเป็นคนที่น่านับถือ ฉากที่นางเอกจับมืออำลาและบอกความรู้สึกกับฮันยูนั้น ก็ดูเป็นคู่ที่น่ารักดี (โดยส่วนตัว ผมไม่เชียร์ให้โคมิคาโดะเซนเซย์เป็นแฟนกับนางเอก เพราะแก่เกินไป อยากให้เฮียแกเป็นคู่กับผู้พิพากษาเบปปุมากกว่า เพราะอีกฝ่ายเกรียนหน้าตายแบบปนความน่ารัก และสามารถตบเกรียนโฉ่งฉ่างอย่างพระเอกได้อยู่หมัด)
แต่แล้ว ละครก็จบเรื่องแบบเกรียนๆ ถึงแม้จะไม่เกรียนเท่าฉากจบภาคแรก แต่ก็ทำเอาผมตะลึงไปเหมือนกัน
ละครเปิดเผยว่าที่แท้ ฮันยูเป็นเกย์ และแอบหลงรักพระเอกอยู่ ชวนให้นึกถึงมุขตลกในกลุ่มสาวๆว่า ผู้ชายแม้ที่นิสัยดี ฉลาด และไม่มีแฟนนั้นไม่มีหรอกฮ้า
(ที่ผ่านมา ไอ้เราก็นึกว่า ฮันยูมองรูปนางเอกด้วยความรัก แต่ขัดใจที่มีโคมิคาโดะมาเป็นกขค. อยู่ตลอด
ที่ไหนได้พี่แกตั้งใจถ่ายรูปโคมิคาโดะเซนซย์ แต่เอานางเอกมาเป็นฉากบังหน้าต่างหาก 55555555)
ผมว่าสาวฮิปปี้เธอคงไปรู้ความลับข้อนี้เข้า จนทำเอาสติแตกไปในที่สุดก็เป็นได้ 55555555