หางแดงเริ่มโผล่...โมฆะเริ่มเผย สิริอัญญา
นักวิชาการได้คาดหมายเอาไว้ก่อนแล้วว่าการเลือกตั้งในระบอบโคตรโกงมันจะโกงกันทั้งระบบ
โกงกันทุกขั้นตอน
และในที่สุดก็จะได้สภาทาสและรัฐบาลหุ่นเชิดเข้ามาปล้นสะดมประเทศไทยและประชาชนไทย
เหมือนเดิมและมีการตั้งคำถามว่า ถ้าคนพวกเดิมจะเข้ามาโกงกันเหมือนเดิม แล้วจะยุบสภาหลอก
ให้ประชาชนไปเลือกตั้งทำไม? ก็ไม่มีคำตอบ ดีแต่พล่ามว่า ต้องไปเลือกตั้งเพราะเป็นประชาธิปไตย
ในพลันที่จะมีการรับสมัครเลือกตั้งก็เริ่มเผยหางแดงให้เห็น ก็เริ่มเห็นความเป็นโมฆะของการเลือกตั้ง
ครั้งนี้เกิดขึ้น และทำให้เห็นได้ชัดขึ้นว่า กระบวนท่าต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งรัฐบาลพรรคไทยรักไทย
ยุบสภา และต้องเลือกตั้งกันสองหนสามหนนั้น กระบวนท่าวิชามารทั้งหลายกำลังถูกนำมาใช้อีก
ครั้งหนึ่งแล้ว
ไม่เข็ดไม่หลาบกันหรืออย่างไรก็ไม่รู้! ก็คงจะได้ติดตามดูกันไป
ในพลันที่มีการเปิดสมัครรับเลือกตั้ง ก็ได้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้น และสมควรที่จะนำมา
บอกกล่าวให้ได้ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ประการแรก กกต. ประกาศรับสมัครรับเลือกตั้ง
วันแรกที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ในวันที่ 23 ธันวาคม 2556 โดยการสมัครบัญชีรายชื่อ จะต้อง
มีหัวหน้าพรรคหรือผู้ได้รับมอบหมาย พร้อมหลักฐานต่างๆ ของผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อไปยื่น
ดังนั้นการจะเปลี่ยนแปลงใดๆ จึงไม่อาจกระทำได้อีกแล้ว นอกจากการเปลี่ยนสถานที่อาจกระทำได้
โดยต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาล่วงหน้า 3 วัน ซึ่งไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาในเรื่องนี้
เลย จึงต้องถือว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ และต้องถือเอาประกาศรับสมัครเลือกตั้งที่ได้ลงประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษานั้นเป็นหลัก
ดังนั้นการใดๆ ที่ไม่เป็นไปตามที่ประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษาจึงเป็นการผิดกฎหมายและไม่ชอบ
ทั้งสิ้น จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเลือกตั้งที่เป็นโมฆะ และเป็นปัญหาต่อเนื่องไปไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนที่
เคยเกิดมาแล้วในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทย
ประการที่สอง เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ไม่มีหน้าที่เข้าไปในบริเวณที่จะมีการสมัครรับเลือกตั้ง กกต.ได้ขอ
กำลังตำรวจนับพันคนและทหารอีก 1 กองร้อย เข้าไปคุ้มครองป้องกันมิให้ผู้ที่ไม่มีหน้าที่เข้าไปได้ มี
การปิดประตูทุกด้าน ล็อกกุญแจตั้งแต่เวลาหัวค่ำของวันที่ 22 ธันวาคม 2556 ดังนั้นหากไม่มีการสมคบ
กันโกงเลือกตั้ง ก็จะไม่มีคนอื่นที่ไม่มีหน้าที่เข้าไปในสถานที่รับสมัครได้
แต่ปรากฏข่าวในช่วงเช้าวันที่ 23 ธันวาคม 2556 ว่า มีพรรคการเมือง 8 พรรคเข้าไปยื่นสมัครตั้งแต่เวลา
ตี 3 ของวันที่ 23 ธันวาคม 2556 ทั้งๆ ที่เวลา ซึ่ง กกต.ประกาศรับสมัครจะเริ่มต้นตั้งแต่เวลา 08.30 น.
ดังนั้น จึงทำให้ประชาชนตั้งข้อสงสัยดังนี้คือ
(1)ตัวแทนของพรรคการเมืองทั้ง 8 พรรค ซึ่งไม่ใช่ผู้มีหน้าที่ของ กกต.ในการรับสมัครเลือกตั้งเข้าไปอยู่
ที่สมัครรับเลือกตั้งได้อย่างไร? กกต.คนไหนอนุญาต? และไปอยู่ตรงไหน? การกระทำเช่นนี้ผิดกฎหมาย
ขาดความสุจริตและเที่ยงธรรมหรือไม่? ทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่?
(2)ตัวแทนพรรคการเมืองอื่นอีก 20 พรรค ไปรออยู่ที่สถานีตำรวจนครบาลดินแดง ซึ่งจะเป็นตัวแทนที่
ได้รับมอบหมายถูกต้องหรือไม่ และเป็นพรรคการเมืองที่ถูกต้องหรือไม่ มีคุณสมบัติถูกต้องหรือไม่ ก็
ไม่มีใครตอบได้ แล้ว กกต.ส่งผู้ตรวจการไปประชุมชี้แจงให้สิทธิ์ในการจับสลากเบอร์เลือกตั้งได้อย่างไร?
เป็นการผิดกฎหมายหรือไม่? เป็นการรับสมัครนอกเหนือไปจากที่อื่นโดยผิดกฎหมายหรือไม่? ทำให้การ
เลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่?
ประการที่สาม พรรคการเมืองที่จะสมัครรับเลือกตั้งได้จะต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด คือต้องเป็น
พรรคการเมืองที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ต้องมีกรรมการบริหารและหัวหน้าพรรคที่ถูกต้องตาม
กฎหมาย และหัวหน้าพรรคหรือผู้ที่หัวหน้าพรรคมอบหมายเป็นผู้ไปยื่นสมัครรับเลือกตั้งตามเวลาและ
สถานที่ที่กำหนด
ในการไปยื่นใบสมัครนั้น จะต้องนำหลักฐานเกี่ยวกับผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อทุกคนซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับ
ประวัติและคุณสมบัติต่างๆ ไปยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อทำการตรวจสอบความถูกต้องก่อน จากนั้น
จึงจะมีโอกาสไปจับสลากหรือขอรับเบอร์การสมัครของพรรคการเมืองได้
ดังนั้นถ้าหากไม่มีการยื่นการสมัครอย่างถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายบัญญัติและโมเมเอาใบแจ้งความ
บ้าง โมเมเอาแค่โผล่หน้าไปให้เห็นบ้าง แล้วถือว่าเป็นการสมัครรับเลือกตั้งโดยที่ไม่มีการตรวจสอบอะไร
ทั้งสิ้น การสมัครและการให้เบอร์เลือกตั้ง ย่อมผิดกฎหมายหรือไม่? และทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือ
ไม่?
ปรากฏการณ์เท่าที่นำมาลำดับให้เห็นกันนี้ จึงทำให้ผู้คนทั้งหลายไม่มีความสบายใจ ไม่มีความวางใจ
ว่าการเลือกตั้งจะเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งเป็นพื้นฐานการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย
และเป็นหน้าที่สำคัญของ กกต. ที่จะต้องทำให้เกิดความสุจริตและเที่ยงธรรมด้วย เอากันแค่การสมรู้
กันให้ 8 พรรคการเมืองเข้าไปลักหลับตั้งแต่ตอนตี 3 ก็ทำให้คนสงสัยแล้วว่า หางนั้นเป็นสีแดงหรือสี
อะไร? แล้วจะได้ดูกันต่อไป!
http://www.naewna.com/politic/columnist/10233
จากเลือกตั้งสกปรก สู่เลือกตั้งโสมม? สารส้ม
การเลือกตั้ง 2 ก.พ. 2557 ส่อเค้ามีปัญหาตั้งแต่เริ่ม
ทั้งปัญหาความชอบธรรมทางการเมือง และความชอบด้วยกฎหมาย
หากระบอบทักษิณยังฝืนจะเดินหน้าบังคับคนไทยให้ไปเข้าคูหาเลือกตั้ง ก็จะไม่ต่างกับการข่มขืน
จิตใจเสรีชน ลากเข้าม่านรูด ขืนใจคนไทยหลายล้านคน
การเลือกตั้ง 2 ก.พ. 2557 นี้ อาจจะได้รับการกล่าวขานในทางประวัติศาสตร์ระดับเดียวกับการ
เลือกตั้ง 26 ก.พ. 2500 ยุคจอมพล ป. ซึ่งมีการใช้อิทธิพลอำนาจสารพัดก่อนวันเลือกตั้ง เมื่อถึง
วันเลือกตั้งก็มีการใช้คนฝ่ายรัฐบาลเวียนเทียนกันลงคะแนน เมื่อปิดหีบก็มีการยัดบัตรลงคะแนน
เถื่อนเข้าไป เกิดเหตุขลุกขลักในหลายพื้นที่ มีความรุนแรงถึงขั้นสังหารผู้สมัครบางคน การนับ
คะแนนใช้เวลายาวนานถึง 7 วัน 7 คืน ฯลฯ
ครั้งนั้น รัฐบาลรักษาการยึดกุมอำนาจเบ็ดเสร็จ มีกำลังตำรวจอยู่ในมือ มีเดิมพันทางการเมืองสูงลิบ
แพ้การเลือกตั้งไม่ได้ สภาพคล้ายกับรัฐบาลระบอบทักษิณที่ต้องการรักษาและสืบทอดอำนาจรัฐของ
ตนเอง เพื่อปกป้องความฉ้อฉล และปกปิดการกระทำเสียหายร้ายแรงต่อบ้านเมืองของพรรคพวกตนเอง
ล่าสุด แค่เริ่มต้นเปิดรับสมัครเลือกตั้ง สส.ระบบบัญชีรายชื่อวันแรก 23 ธ.ค. 2556 ก็ปรากฏความวุ่นวาย
ขาดมาตรฐาน ไร้ความน่าเชื่อถือ เกิดประเด็นข้อครหาเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ยุติธรรมของการเลือกตั้ง
เสียแล้ว
1) นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ระบุว่า วันแรกที่กกต.ประกาศให้มีการ
รับสมัครเลือกตั้งระบบบัญชีรายชื่อ มีพรรคการเมือง 9 พรรค เข้ายื่นเอกสารและหลักฐานการสมัคร
ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 โดยที่ เจ้าหน้าที่ กกต.และกกต.ทั้ง 5 คน ไม่สามารถเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ภายใน
สถานที่รับสมัครได้
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ยืนยันว่า การรับสมัครสส.ระบบบัญชีรายชื่อต้องเป็นไปตามกำหนด
การเดิม ระหว่างวันที่ 23-27 ธ.ค. เวลา 08.30-16.30 น. ณ สถานที่รับสมัครเดิม ตามประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษาเท่านั้น
แต่ข้อครหาเกิดขึ้น เมื่อปรากฏเอกสารหลักฐานว่า พรรคการเมืองที่เข้าไปยื่นเอกสารภายในอาคาร
กีฬาเวสน์ ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคชาติพัฒนา พรรคดำรงไทย
พรรคกสิกรไทย พรรคถิ่นกาขาว พรรคชาติประชาธิปไตยก้าวหน้า พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ยื่นสมัคร
ลงเลือกตั้งก่อนเวลาที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาหรือไม่ เพราะมีเอกสารที่ปรากฏลายมือชื่อผู้แทน
พรรคการเมือง ลงเวลายื่นใบสมัครตั้งแต่เวลาตี 3 ตี 4 ตี 5
ถูกครหาว่า ลักหลับลงเลือกตั้ง
2) ปรากฏว่า มีพรรคการเมืองอีก 25 พรรค เข้าไปดำเนินการที่สถานีตำรวจ สน.ดินแดง ที่ซึ่งมิใช่
สถานที่รับสมัครตามประกาศในราชกิจจาฯ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. อธิบาย
“การที่แจ้งให้พรรคการเมืองไปโรงพักเพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวันว่า มาถึงแล้วแต่เข้าไปสมัคร
ไม่ได้ โดย กกต.จะถือเอาเวลาในการลงบันทึกประจำวันมาใช้ประกอบการจับสลาก โดยพรรคที่ลง
บันทึกประจำวันหลังเวลา 08.30 น. จะได้เบอร์เรียงต่อจากพรรคที่มาก่อนเวลา 08.30 น. ถึงอย่างไร
การรับสมัครก็ต้องทำภายในอาคารกีฬาเวสน์ 2 แม้จะต้องโรยตัวลงไปก็ตาม...”
แต่ข้อครหายังอื้ออึง เพราะปรากฏหลักฐานภาพถ่าย เจ้าหน้าที่ กกต. กำลังตรวจหลักฐานให้แก่ตัว
แทนพรรคการเมืองในห้องประชุมสถานีตำรวจ สน.ดินแดง ลักษณะคล้ายกับการดำเนินการรับสมัคร
ให้กับพรรคการเมือง ไม่ว่าจะบางขั้นตอนหรือทั้งหมด ซึ่งหากเป็นเพียงการแจ้งความกับตำรวจ
สน.ดินแดง ก็ไม่จำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่ กกต.
พฤติกรรมลับๆ ล่อๆ ภายใต้การดูแลของตำรวจที่เป็นกลไกรับใช้ระบอบทักษิณ ทำให้เกิดข้อครหา
อันกระทบต่อความน่าเชื่อถือของการเลือกตั้งครั้งนี้โดยเลี่ยงไม่ได้
3) พฤติกรรมของรัฐบาลรักษาการ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีการใช้อำนาจรัฐอย่าง
อุกอาจ ก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางการเมืองแก่พรรคเพื่อไทย ซึ่งนางสาวยิ่งลักษณ์ลงสมัครระบบ
บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1
ในการเดินทางลงพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานหลายจังหวัด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้อาศัยสถานะความ
เป็นรัฐบาล ใช้ทรัพยากรของหลวง ทรัพย์สินของทางราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ ไปช่วยเหลือในกิจกรรม
ตลอดการเดินทาง อาทิ ตำรวจใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัด รถยนต์ ยานพาหนะของทางการ เป็นต้น
โดยที่มิใช่งานราชการจำเป็นเร่งด่วน มีแต่เพียงพบปะประชาชนหรือแสวงหาคะแนนนิยมทางการเมือง
เท่านั้นเอง
พฤติกรรมเช่นนี้ ส่อว่าจะขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 181 บัญญัติ
ห้ามรัฐมนตรีรักษาการดำเนินการหลังยุบสภาแล้ว
(4) “ไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐเพื่อกระทําการใดซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้ง และไม่
กระทําการอันเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามระเบียบที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกําหนด”
กกต. ยังเฉยอยู่ ไม่ดำเนินการสอบสวนวินิจฉัยโดยเร็ว เพื่อรักษาไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ยุติธรรมของการ
เลือกตั้ง
จากเลือกตั้งสกปรกในเดือนก.พ. 2500 อย่าเดินไปสู่การเลือกตั้งโสมม ก.พ. 2557 !
สารส้ม
http://www.naewna.com/politic/columnist/10227
เมื่อกปปส.บอกว่าเลือกตั้งต้องไม่เกิด ปชป. ก็บอยคอตไม่ลงเลือกตั้งไปแล้ว
รัฐบาลบังอาจ ฝ่าฝืน จัดเลือกตั้ง หน้าที่ของสื่อ อย่างแนวหน้า สื่อของปชป.
ก็ต้องโจมตี สาดโคลน กระหน่ำ ความชั่วร้าย สาระเลว การเลือกตั้ง ทุกคอลัมน์
ตัวอย่างที่เอามาแค่ "น้ำจิ้ม" ตามอ่านได้จาก เว็ปแนวหน้า เห็นหาง โผล่ว่า
เป็น "ลูกกะเป๋ง" ของฝ่ายไหน เขาไม่เรียกสื่อเลือกข้าง แต่เป็นสื่อของ "ข้าง"
คุณ "อดีตหัวหน้าเผ่า" อย่าลืมมาอ่านด้วย
เลือกตั้งสกปรก โสมม ส่อโมฆะ .... เพราะ ปชป.บอยคอต กปปส. ประกาศ ต้องไม่มีเลือกตั้ง แนวหน้าออนไลน์
นักวิชาการได้คาดหมายเอาไว้ก่อนแล้วว่าการเลือกตั้งในระบอบโคตรโกงมันจะโกงกันทั้งระบบ
โกงกันทุกขั้นตอน
และในที่สุดก็จะได้สภาทาสและรัฐบาลหุ่นเชิดเข้ามาปล้นสะดมประเทศไทยและประชาชนไทย
เหมือนเดิมและมีการตั้งคำถามว่า ถ้าคนพวกเดิมจะเข้ามาโกงกันเหมือนเดิม แล้วจะยุบสภาหลอก
ให้ประชาชนไปเลือกตั้งทำไม? ก็ไม่มีคำตอบ ดีแต่พล่ามว่า ต้องไปเลือกตั้งเพราะเป็นประชาธิปไตย
ในพลันที่จะมีการรับสมัครเลือกตั้งก็เริ่มเผยหางแดงให้เห็น ก็เริ่มเห็นความเป็นโมฆะของการเลือกตั้ง
ครั้งนี้เกิดขึ้น และทำให้เห็นได้ชัดขึ้นว่า กระบวนท่าต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งรัฐบาลพรรคไทยรักไทย
ยุบสภา และต้องเลือกตั้งกันสองหนสามหนนั้น กระบวนท่าวิชามารทั้งหลายกำลังถูกนำมาใช้อีก
ครั้งหนึ่งแล้ว
ไม่เข็ดไม่หลาบกันหรืออย่างไรก็ไม่รู้! ก็คงจะได้ติดตามดูกันไป
ในพลันที่มีการเปิดสมัครรับเลือกตั้ง ก็ได้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้น และสมควรที่จะนำมา
บอกกล่าวให้ได้ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ประการแรก กกต. ประกาศรับสมัครรับเลือกตั้ง
วันแรกที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ในวันที่ 23 ธันวาคม 2556 โดยการสมัครบัญชีรายชื่อ จะต้อง
มีหัวหน้าพรรคหรือผู้ได้รับมอบหมาย พร้อมหลักฐานต่างๆ ของผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อไปยื่น
ดังนั้นการจะเปลี่ยนแปลงใดๆ จึงไม่อาจกระทำได้อีกแล้ว นอกจากการเปลี่ยนสถานที่อาจกระทำได้
โดยต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาล่วงหน้า 3 วัน ซึ่งไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาในเรื่องนี้
เลย จึงต้องถือว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ และต้องถือเอาประกาศรับสมัครเลือกตั้งที่ได้ลงประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษานั้นเป็นหลัก
ดังนั้นการใดๆ ที่ไม่เป็นไปตามที่ประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษาจึงเป็นการผิดกฎหมายและไม่ชอบ
ทั้งสิ้น จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเลือกตั้งที่เป็นโมฆะ และเป็นปัญหาต่อเนื่องไปไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนที่
เคยเกิดมาแล้วในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทย
ประการที่สอง เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ไม่มีหน้าที่เข้าไปในบริเวณที่จะมีการสมัครรับเลือกตั้ง กกต.ได้ขอ
กำลังตำรวจนับพันคนและทหารอีก 1 กองร้อย เข้าไปคุ้มครองป้องกันมิให้ผู้ที่ไม่มีหน้าที่เข้าไปได้ มี
การปิดประตูทุกด้าน ล็อกกุญแจตั้งแต่เวลาหัวค่ำของวันที่ 22 ธันวาคม 2556 ดังนั้นหากไม่มีการสมคบ
กันโกงเลือกตั้ง ก็จะไม่มีคนอื่นที่ไม่มีหน้าที่เข้าไปในสถานที่รับสมัครได้
แต่ปรากฏข่าวในช่วงเช้าวันที่ 23 ธันวาคม 2556 ว่า มีพรรคการเมือง 8 พรรคเข้าไปยื่นสมัครตั้งแต่เวลา
ตี 3 ของวันที่ 23 ธันวาคม 2556 ทั้งๆ ที่เวลา ซึ่ง กกต.ประกาศรับสมัครจะเริ่มต้นตั้งแต่เวลา 08.30 น.
ดังนั้น จึงทำให้ประชาชนตั้งข้อสงสัยดังนี้คือ
(1)ตัวแทนของพรรคการเมืองทั้ง 8 พรรค ซึ่งไม่ใช่ผู้มีหน้าที่ของ กกต.ในการรับสมัครเลือกตั้งเข้าไปอยู่
ที่สมัครรับเลือกตั้งได้อย่างไร? กกต.คนไหนอนุญาต? และไปอยู่ตรงไหน? การกระทำเช่นนี้ผิดกฎหมาย
ขาดความสุจริตและเที่ยงธรรมหรือไม่? ทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่?
(2)ตัวแทนพรรคการเมืองอื่นอีก 20 พรรค ไปรออยู่ที่สถานีตำรวจนครบาลดินแดง ซึ่งจะเป็นตัวแทนที่
ได้รับมอบหมายถูกต้องหรือไม่ และเป็นพรรคการเมืองที่ถูกต้องหรือไม่ มีคุณสมบัติถูกต้องหรือไม่ ก็
ไม่มีใครตอบได้ แล้ว กกต.ส่งผู้ตรวจการไปประชุมชี้แจงให้สิทธิ์ในการจับสลากเบอร์เลือกตั้งได้อย่างไร?
เป็นการผิดกฎหมายหรือไม่? เป็นการรับสมัครนอกเหนือไปจากที่อื่นโดยผิดกฎหมายหรือไม่? ทำให้การ
เลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่?
ประการที่สาม พรรคการเมืองที่จะสมัครรับเลือกตั้งได้จะต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด คือต้องเป็น
พรรคการเมืองที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ต้องมีกรรมการบริหารและหัวหน้าพรรคที่ถูกต้องตาม
กฎหมาย และหัวหน้าพรรคหรือผู้ที่หัวหน้าพรรคมอบหมายเป็นผู้ไปยื่นสมัครรับเลือกตั้งตามเวลาและ
สถานที่ที่กำหนด
ในการไปยื่นใบสมัครนั้น จะต้องนำหลักฐานเกี่ยวกับผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อทุกคนซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับ
ประวัติและคุณสมบัติต่างๆ ไปยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อทำการตรวจสอบความถูกต้องก่อน จากนั้น
จึงจะมีโอกาสไปจับสลากหรือขอรับเบอร์การสมัครของพรรคการเมืองได้
ดังนั้นถ้าหากไม่มีการยื่นการสมัครอย่างถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายบัญญัติและโมเมเอาใบแจ้งความ
บ้าง โมเมเอาแค่โผล่หน้าไปให้เห็นบ้าง แล้วถือว่าเป็นการสมัครรับเลือกตั้งโดยที่ไม่มีการตรวจสอบอะไร
ทั้งสิ้น การสมัครและการให้เบอร์เลือกตั้ง ย่อมผิดกฎหมายหรือไม่? และทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือ
ไม่?
ปรากฏการณ์เท่าที่นำมาลำดับให้เห็นกันนี้ จึงทำให้ผู้คนทั้งหลายไม่มีความสบายใจ ไม่มีความวางใจ
ว่าการเลือกตั้งจะเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งเป็นพื้นฐานการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย
และเป็นหน้าที่สำคัญของ กกต. ที่จะต้องทำให้เกิดความสุจริตและเที่ยงธรรมด้วย เอากันแค่การสมรู้
กันให้ 8 พรรคการเมืองเข้าไปลักหลับตั้งแต่ตอนตี 3 ก็ทำให้คนสงสัยแล้วว่า หางนั้นเป็นสีแดงหรือสี
อะไร? แล้วจะได้ดูกันต่อไป!
http://www.naewna.com/politic/columnist/10233
จากเลือกตั้งสกปรก สู่เลือกตั้งโสมม? สารส้ม
การเลือกตั้ง 2 ก.พ. 2557 ส่อเค้ามีปัญหาตั้งแต่เริ่ม
ทั้งปัญหาความชอบธรรมทางการเมือง และความชอบด้วยกฎหมาย
หากระบอบทักษิณยังฝืนจะเดินหน้าบังคับคนไทยให้ไปเข้าคูหาเลือกตั้ง ก็จะไม่ต่างกับการข่มขืน
จิตใจเสรีชน ลากเข้าม่านรูด ขืนใจคนไทยหลายล้านคน
การเลือกตั้ง 2 ก.พ. 2557 นี้ อาจจะได้รับการกล่าวขานในทางประวัติศาสตร์ระดับเดียวกับการ
เลือกตั้ง 26 ก.พ. 2500 ยุคจอมพล ป. ซึ่งมีการใช้อิทธิพลอำนาจสารพัดก่อนวันเลือกตั้ง เมื่อถึง
วันเลือกตั้งก็มีการใช้คนฝ่ายรัฐบาลเวียนเทียนกันลงคะแนน เมื่อปิดหีบก็มีการยัดบัตรลงคะแนน
เถื่อนเข้าไป เกิดเหตุขลุกขลักในหลายพื้นที่ มีความรุนแรงถึงขั้นสังหารผู้สมัครบางคน การนับ
คะแนนใช้เวลายาวนานถึง 7 วัน 7 คืน ฯลฯ
ครั้งนั้น รัฐบาลรักษาการยึดกุมอำนาจเบ็ดเสร็จ มีกำลังตำรวจอยู่ในมือ มีเดิมพันทางการเมืองสูงลิบ
แพ้การเลือกตั้งไม่ได้ สภาพคล้ายกับรัฐบาลระบอบทักษิณที่ต้องการรักษาและสืบทอดอำนาจรัฐของ
ตนเอง เพื่อปกป้องความฉ้อฉล และปกปิดการกระทำเสียหายร้ายแรงต่อบ้านเมืองของพรรคพวกตนเอง
ล่าสุด แค่เริ่มต้นเปิดรับสมัครเลือกตั้ง สส.ระบบบัญชีรายชื่อวันแรก 23 ธ.ค. 2556 ก็ปรากฏความวุ่นวาย
ขาดมาตรฐาน ไร้ความน่าเชื่อถือ เกิดประเด็นข้อครหาเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ยุติธรรมของการเลือกตั้ง
เสียแล้ว
1) นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ระบุว่า วันแรกที่กกต.ประกาศให้มีการ
รับสมัครเลือกตั้งระบบบัญชีรายชื่อ มีพรรคการเมือง 9 พรรค เข้ายื่นเอกสารและหลักฐานการสมัคร
ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 โดยที่ เจ้าหน้าที่ กกต.และกกต.ทั้ง 5 คน ไม่สามารถเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ภายใน
สถานที่รับสมัครได้
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ยืนยันว่า การรับสมัครสส.ระบบบัญชีรายชื่อต้องเป็นไปตามกำหนด
การเดิม ระหว่างวันที่ 23-27 ธ.ค. เวลา 08.30-16.30 น. ณ สถานที่รับสมัครเดิม ตามประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษาเท่านั้น
แต่ข้อครหาเกิดขึ้น เมื่อปรากฏเอกสารหลักฐานว่า พรรคการเมืองที่เข้าไปยื่นเอกสารภายในอาคาร
กีฬาเวสน์ ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคชาติพัฒนา พรรคดำรงไทย
พรรคกสิกรไทย พรรคถิ่นกาขาว พรรคชาติประชาธิปไตยก้าวหน้า พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ยื่นสมัคร
ลงเลือกตั้งก่อนเวลาที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาหรือไม่ เพราะมีเอกสารที่ปรากฏลายมือชื่อผู้แทน
พรรคการเมือง ลงเวลายื่นใบสมัครตั้งแต่เวลาตี 3 ตี 4 ตี 5
ถูกครหาว่า ลักหลับลงเลือกตั้ง
2) ปรากฏว่า มีพรรคการเมืองอีก 25 พรรค เข้าไปดำเนินการที่สถานีตำรวจ สน.ดินแดง ที่ซึ่งมิใช่
สถานที่รับสมัครตามประกาศในราชกิจจาฯ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. อธิบาย
“การที่แจ้งให้พรรคการเมืองไปโรงพักเพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวันว่า มาถึงแล้วแต่เข้าไปสมัคร
ไม่ได้ โดย กกต.จะถือเอาเวลาในการลงบันทึกประจำวันมาใช้ประกอบการจับสลาก โดยพรรคที่ลง
บันทึกประจำวันหลังเวลา 08.30 น. จะได้เบอร์เรียงต่อจากพรรคที่มาก่อนเวลา 08.30 น. ถึงอย่างไร
การรับสมัครก็ต้องทำภายในอาคารกีฬาเวสน์ 2 แม้จะต้องโรยตัวลงไปก็ตาม...”
แต่ข้อครหายังอื้ออึง เพราะปรากฏหลักฐานภาพถ่าย เจ้าหน้าที่ กกต. กำลังตรวจหลักฐานให้แก่ตัว
แทนพรรคการเมืองในห้องประชุมสถานีตำรวจ สน.ดินแดง ลักษณะคล้ายกับการดำเนินการรับสมัคร
ให้กับพรรคการเมือง ไม่ว่าจะบางขั้นตอนหรือทั้งหมด ซึ่งหากเป็นเพียงการแจ้งความกับตำรวจ
สน.ดินแดง ก็ไม่จำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่ กกต.
พฤติกรรมลับๆ ล่อๆ ภายใต้การดูแลของตำรวจที่เป็นกลไกรับใช้ระบอบทักษิณ ทำให้เกิดข้อครหา
อันกระทบต่อความน่าเชื่อถือของการเลือกตั้งครั้งนี้โดยเลี่ยงไม่ได้
3) พฤติกรรมของรัฐบาลรักษาการ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีการใช้อำนาจรัฐอย่าง
อุกอาจ ก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางการเมืองแก่พรรคเพื่อไทย ซึ่งนางสาวยิ่งลักษณ์ลงสมัครระบบ
บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1
ในการเดินทางลงพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานหลายจังหวัด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้อาศัยสถานะความ
เป็นรัฐบาล ใช้ทรัพยากรของหลวง ทรัพย์สินของทางราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ ไปช่วยเหลือในกิจกรรม
ตลอดการเดินทาง อาทิ ตำรวจใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัด รถยนต์ ยานพาหนะของทางการ เป็นต้น
โดยที่มิใช่งานราชการจำเป็นเร่งด่วน มีแต่เพียงพบปะประชาชนหรือแสวงหาคะแนนนิยมทางการเมือง
เท่านั้นเอง
พฤติกรรมเช่นนี้ ส่อว่าจะขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 181 บัญญัติ
ห้ามรัฐมนตรีรักษาการดำเนินการหลังยุบสภาแล้ว
(4) “ไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐเพื่อกระทําการใดซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้ง และไม่
กระทําการอันเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามระเบียบที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกําหนด”
กกต. ยังเฉยอยู่ ไม่ดำเนินการสอบสวนวินิจฉัยโดยเร็ว เพื่อรักษาไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ยุติธรรมของการ
เลือกตั้ง
จากเลือกตั้งสกปรกในเดือนก.พ. 2500 อย่าเดินไปสู่การเลือกตั้งโสมม ก.พ. 2557 !
สารส้ม
http://www.naewna.com/politic/columnist/10227
เมื่อกปปส.บอกว่าเลือกตั้งต้องไม่เกิด ปชป. ก็บอยคอตไม่ลงเลือกตั้งไปแล้ว
รัฐบาลบังอาจ ฝ่าฝืน จัดเลือกตั้ง หน้าที่ของสื่อ อย่างแนวหน้า สื่อของปชป.
ก็ต้องโจมตี สาดโคลน กระหน่ำ ความชั่วร้าย สาระเลว การเลือกตั้ง ทุกคอลัมน์
ตัวอย่างที่เอามาแค่ "น้ำจิ้ม" ตามอ่านได้จาก เว็ปแนวหน้า เห็นหาง โผล่ว่า
เป็น "ลูกกะเป๋ง" ของฝ่ายไหน เขาไม่เรียกสื่อเลือกข้าง แต่เป็นสื่อของ "ข้าง"
คุณ "อดีตหัวหน้าเผ่า" อย่าลืมมาอ่านด้วย