เหตุการณ์ขณะนี้ทำให้นึกถึงพวกกบฏอั้งยี่ พวกอั้งยี่คือพวกกลุ่มผลประโยชน์นอกกฏหมาย ลองเสียเวลาอ่านๆดูนะครับ มันพอจะปรับเข้ากับเหตุการณ์ในทุกวันนี้ได้ไหม ข้อเขียนนี่ขออนุญาตคุณ White Eye TOMATO คัดเอามาลงทั้งดุ้นนะครับ ลองๆอ่านดู มันพอจะเอามาเทียบกับกบฏในกรุงเทพฯตอนนี้ได้ไหม
เอาละคุณ เราจะต้องทำความเข้าใจเบื้องต้นกันก่อน
ว่า อั้งยี่คือสมาคมลับ หรือองค์กรนอกกฏหมาย ที่กลุ่มผลประโยชน์ สร้างกฏเกณฑ์ การให้รางวัลและการลงโทษกันเอง มีกฏเกณฑ์ดำเนินการระเบียบแบบแผนที่วางเฉพาะตัว
อั้งยี่คือ สมาคมลับชาวจีน ที่กฏหมายตราบัญญัติไ ว้หลายมาตรา และเรียกคณะบุคคลเหล่านี้ว่า ประพฤติตนเป็นอั้งยี หรือ ซ่องโจร โทษานุโทษ ก็รุนแรงลดหลั่นตามลำดับความสำคัญและความผิดของตัวบุคคล
จึงสรุปได้แน่นอนนอนว่าอั้งยี่ย่อมกระทำการ ดำเนินธุรกิจแบบใต้ดิน และผิดกฏหมาย
ค้ายาเสพย์ติด สมัยอั้งยี่เรืองอำนาจ จะนำฝิ่นมาขายให้กับกุลีจีนอพยพ อังกฤษของคุณก็จะมาเกี่ยวข้องตรงนี้เพราะอังกฤษนำฝิ่นมาจากอินเดีย เพื่อขาย ให้ชาวจีน
พล เ มือง จีนเป็นทาสฝิ่นมากมาย คนจีนอพยพในยุค ร. 3
ส่วนใ หญ่จึงมัก ติดฝิ่นมาจากเมืองจีน อั้งยีก็นำฝิ่นจากจีนมา ขายให้กับกุลีจีนอพยพ แล้วลามมาถึงพลเมืองไทยซะด้วย ข้อนี้มีเรื่องที่น่าสังเกตุว่า ทำไมเราถึงไม่กล่าวโทษอังกฤษว่าเลวร้ายกว่าอั้งยี่ และพ่อค้ายาเสพย์ติดทั้งหลายในโลก ลองไปพลิกประวัติศาสตร์ดู ในปูมประวัติศาสตร์ ไม่มีตอนไหนที่ระบุความชั่วของอังกฤษ แถมดูๆไปแล้ว ยังเบี่ยงประเด็นให้เป็นผู้บริสุทธิ์ดุจน้ำค้างกลางหาว กบฏนักมวย ที่สู้กับอังกฤษเพราะเรื่องเลวร้ายนี้กลับกลายเป็นผู้ร้าย สงครามฝิ่น อังกฤษเป็นผู้ชนะ แ ละไ ด้รับการยกย่องเ ชิดชู
ทั้งๆ ที่ ทั้งชีวิตและจิตชั่ว ของพวกเขาโฉดฉลยิ่งกว่าซาตาน
ค้าเงิน โพยก๊วน คือนำเงินตราที่คนจีนหาได้เพื่อส่งไปให้ญาติที่เมืองจีนโดยชักค่าบริการด้วยราคาขูดเลือด
ค้าผู้หญิง โดยนำผู้หญิงจากเมืองจีน มาบริการทางเพศ แก่กุลีกลัดมัน โดยมากมักจะเป็นหญิงจากมณฑล กวางตุ้ง คำเรียกโสเณณีสมัยก่อนจึงเรียก กันว่าอีกวางตุ้ง หมายถึงหญิงโสเภณีและหญิงหลายรัก ต่อมาแหล่งบริการแหล่งใหญ่คือสำเพ็ง และมักติดโคมเขียวไว่หน้าสำนัก จึงแตกชือเป็น อีสำเพ็งบ้าง นางโคมเขียวบ้าง และผู้เก็บค่าคุ้มครองคือเหล่าอั้งยี่
ลักตัว เรียกค่าไถ่ รับจ้างฆ่า ก็ทำ
กบฏอั้งยี่ 2556
เอาละคุณ เราจะต้องทำความเข้าใจเบื้องต้นกันก่อน
ว่า อั้งยี่คือสมาคมลับ หรือองค์กรนอกกฏหมาย ที่กลุ่มผลประโยชน์ สร้างกฏเกณฑ์ การให้รางวัลและการลงโทษกันเอง มีกฏเกณฑ์ดำเนินการระเบียบแบบแผนที่วางเฉพาะตัว
อั้งยี่คือ สมาคมลับชาวจีน ที่กฏหมายตราบัญญัติไ ว้หลายมาตรา และเรียกคณะบุคคลเหล่านี้ว่า ประพฤติตนเป็นอั้งยี หรือ ซ่องโจร โทษานุโทษ ก็รุนแรงลดหลั่นตามลำดับความสำคัญและความผิดของตัวบุคคล
จึงสรุปได้แน่นอนนอนว่าอั้งยี่ย่อมกระทำการ ดำเนินธุรกิจแบบใต้ดิน และผิดกฏหมาย
ค้ายาเสพย์ติด สมัยอั้งยี่เรืองอำนาจ จะนำฝิ่นมาขายให้กับกุลีจีนอพยพ อังกฤษของคุณก็จะมาเกี่ยวข้องตรงนี้เพราะอังกฤษนำฝิ่นมาจากอินเดีย เพื่อขาย ให้ชาวจีน
พล เ มือง จีนเป็นทาสฝิ่นมากมาย คนจีนอพยพในยุค ร. 3
ส่วนใ หญ่จึงมัก ติดฝิ่นมาจากเมืองจีน อั้งยีก็นำฝิ่นจากจีนมา ขายให้กับกุลีจีนอพยพ แล้วลามมาถึงพลเมืองไทยซะด้วย ข้อนี้มีเรื่องที่น่าสังเกตุว่า ทำไมเราถึงไม่กล่าวโทษอังกฤษว่าเลวร้ายกว่าอั้งยี่ และพ่อค้ายาเสพย์ติดทั้งหลายในโลก ลองไปพลิกประวัติศาสตร์ดู ในปูมประวัติศาสตร์ ไม่มีตอนไหนที่ระบุความชั่วของอังกฤษ แถมดูๆไปแล้ว ยังเบี่ยงประเด็นให้เป็นผู้บริสุทธิ์ดุจน้ำค้างกลางหาว กบฏนักมวย ที่สู้กับอังกฤษเพราะเรื่องเลวร้ายนี้กลับกลายเป็นผู้ร้าย สงครามฝิ่น อังกฤษเป็นผู้ชนะ แ ละไ ด้รับการยกย่องเ ชิดชู
ทั้งๆ ที่ ทั้งชีวิตและจิตชั่ว ของพวกเขาโฉดฉลยิ่งกว่าซาตาน
ค้าเงิน โพยก๊วน คือนำเงินตราที่คนจีนหาได้เพื่อส่งไปให้ญาติที่เมืองจีนโดยชักค่าบริการด้วยราคาขูดเลือด
ค้าผู้หญิง โดยนำผู้หญิงจากเมืองจีน มาบริการทางเพศ แก่กุลีกลัดมัน โดยมากมักจะเป็นหญิงจากมณฑล กวางตุ้ง คำเรียกโสเณณีสมัยก่อนจึงเรียก กันว่าอีกวางตุ้ง หมายถึงหญิงโสเภณีและหญิงหลายรัก ต่อมาแหล่งบริการแหล่งใหญ่คือสำเพ็ง และมักติดโคมเขียวไว่หน้าสำนัก จึงแตกชือเป็น อีสำเพ็งบ้าง นางโคมเขียวบ้าง และผู้เก็บค่าคุ้มครองคือเหล่าอั้งยี่
ลักตัว เรียกค่าไถ่ รับจ้างฆ่า ก็ทำ