มาตรา 7.
ในเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
*****************************************************************************
ประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่ผ่านมาหลายครั้งหลายหน ในระบอบนี้นั้น ให้นายกคนเดิมก่อนยุบสภารักษาการณ์
เอาง่ายๆ แค่ไม่กี่ปีมานี้
ตอนทักษิณยุบสภา ทักษิณรักษาการณ์
อภิสิทธิ์ยุบสภา อภิสิทธิ์ก็รักษาการณ์
ยิ่งลักษณ์ยุบสภายิ่งลักษณ์ก็รักษาการณ์
เอาแค่ 3 ครั้งนี้ ก็ถือว่าการกระทำซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเป็นประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แล้วล่ะครับ
แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้มีแค่ 3 ครั้ง อาจถึง10ครั้ง หรือเกินด้วยซ้ำ ขออภัยที่ผมไม่ทราบตัวเลขที่แน่ชัดที่นายกคนที่ยุบสภาเป็นคนรักษาการณ์ แต่มันเกิดขึ้นบ่อย จนเราชินซะแล้วว่าถ้ายุบสภา ก็ให้คนเดิมรักษาการณ์
ดังนั้นมันชัดเจนครับ ว่าประเพณีก็คือ หลังจากยุบสภา ก็ต้องให้คนเดิมรักษาการณ์ เพราะการให้นายกคนเดิมรักษาการณ์มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก จนพอจะเรียกว่าเป็นประเพณีได้
ส่วนกรณีอื่นๆ ไม่น่าจะเป็นประเพณี เพราะเกิดขึ้นเป็นกรณีพิเศษ ไม่ใช่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกลายเป็นประเพณี
ดังนั้นหาก ยิ่งลักษณ์ลาออก ทำให้เกิด นายกตามมาตรา 7. ซึ่งให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อย่างที่ผมบอก ประเพณีที่ว่าคือนายกคนเดิมรักษาการณ์
ถ้ายิ่งลักษณ์ลาออก นายก มาตรา 7. ก็ต้องไปตามยิ่งลักษณ์มารักษาการณ์อีกนั่นแหล่ะตามประเพณี
ถ้าเราตีความประเพณี ว่าต้องเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำ เกิดขึ้นบ่อย เกิดขึ้นซ้ำๆ ตามความหมาย เป็นกิจกรรมที่มีการปฏิบัติสืบเนื่องกันมา
ในราชบัญฑิต แปลคำว่าประเพณีคือ ประเพณี น. สิ่งที่นิยมถือประพฤติปฏิบัติสืบ ๆ กันมาจนเป็นแบบแผน
ผมก็มองไม่เห็นอันไหนจะชัดเจนเป็นประเพณีเท่านายกคนก่อนยุบสภาเป็นรักษาการณ์ต่อนะ หรือท่านใดคิดว่ามีอะไรที่เป็นประเพณีมากกว่านี้ก็ลองยกมาได้
ดังนั้น มาตรา 7. ก็น่าจะได้ยิ่งลักษณ์เหมือนเดิม แล้วสุเทพจะเอามาตรา 7 ทำไม นายกลาออกไป ก็ต้องไปตามกลับมารักษาการณ์อีก แล้วจะลาออกทำไม
ยกเว้นสุเทพจะไม่เข้าใจคำว่าประเพณี ซึ่งผมก็ได้ก็อปมาจากราชบัญฑิตแล้ว อ่านแล้วน่าจะเข้าใจนะครับ
ทำไมสุเทพถึงต้องการนายกมาตรา 7 หล่ะครับ ทั้งๆที่นายกมาตรา 7. มันก็ได้คนเดิมไม่ใช่เหรอ?
ในเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
*****************************************************************************
ประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่ผ่านมาหลายครั้งหลายหน ในระบอบนี้นั้น ให้นายกคนเดิมก่อนยุบสภารักษาการณ์
เอาง่ายๆ แค่ไม่กี่ปีมานี้
ตอนทักษิณยุบสภา ทักษิณรักษาการณ์
อภิสิทธิ์ยุบสภา อภิสิทธิ์ก็รักษาการณ์
ยิ่งลักษณ์ยุบสภายิ่งลักษณ์ก็รักษาการณ์
เอาแค่ 3 ครั้งนี้ ก็ถือว่าการกระทำซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเป็นประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แล้วล่ะครับ
แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้มีแค่ 3 ครั้ง อาจถึง10ครั้ง หรือเกินด้วยซ้ำ ขออภัยที่ผมไม่ทราบตัวเลขที่แน่ชัดที่นายกคนที่ยุบสภาเป็นคนรักษาการณ์ แต่มันเกิดขึ้นบ่อย จนเราชินซะแล้วว่าถ้ายุบสภา ก็ให้คนเดิมรักษาการณ์
ดังนั้นมันชัดเจนครับ ว่าประเพณีก็คือ หลังจากยุบสภา ก็ต้องให้คนเดิมรักษาการณ์ เพราะการให้นายกคนเดิมรักษาการณ์มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก จนพอจะเรียกว่าเป็นประเพณีได้
ส่วนกรณีอื่นๆ ไม่น่าจะเป็นประเพณี เพราะเกิดขึ้นเป็นกรณีพิเศษ ไม่ใช่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกลายเป็นประเพณี
ดังนั้นหาก ยิ่งลักษณ์ลาออก ทำให้เกิด นายกตามมาตรา 7. ซึ่งให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อย่างที่ผมบอก ประเพณีที่ว่าคือนายกคนเดิมรักษาการณ์
ถ้ายิ่งลักษณ์ลาออก นายก มาตรา 7. ก็ต้องไปตามยิ่งลักษณ์มารักษาการณ์อีกนั่นแหล่ะตามประเพณี
ถ้าเราตีความประเพณี ว่าต้องเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำ เกิดขึ้นบ่อย เกิดขึ้นซ้ำๆ ตามความหมาย เป็นกิจกรรมที่มีการปฏิบัติสืบเนื่องกันมา
ในราชบัญฑิต แปลคำว่าประเพณีคือ ประเพณี น. สิ่งที่นิยมถือประพฤติปฏิบัติสืบ ๆ กันมาจนเป็นแบบแผน
ผมก็มองไม่เห็นอันไหนจะชัดเจนเป็นประเพณีเท่านายกคนก่อนยุบสภาเป็นรักษาการณ์ต่อนะ หรือท่านใดคิดว่ามีอะไรที่เป็นประเพณีมากกว่านี้ก็ลองยกมาได้
ดังนั้น มาตรา 7. ก็น่าจะได้ยิ่งลักษณ์เหมือนเดิม แล้วสุเทพจะเอามาตรา 7 ทำไม นายกลาออกไป ก็ต้องไปตามกลับมารักษาการณ์อีก แล้วจะลาออกทำไม
ยกเว้นสุเทพจะไม่เข้าใจคำว่าประเพณี ซึ่งผมก็ได้ก็อปมาจากราชบัญฑิตแล้ว อ่านแล้วน่าจะเข้าใจนะครับ