มันสำคัญสำหรับการเบิกเงินล่วงหน้า
คิดง่ายๆถ้าจะเบิกเงินก็ต้องคำนวณจากจำนวนคนมาชุมนุม
ถ้าบอกว่ามา 100,000 คน คิดค่าใช้จ่ายให้คนละ 2,000 บาท นายทุนหน้าโง่จะต้องจ่ายทั้งหมด เท่าไร
ถ้าบอก 1,000,000 คน คิดค่าใช้จ่ายเท่ากัน นายทุนหน้าโง่ก็หาทางพิสูจน์ก่อน เพราะเงินมันเยอะ
ดังนั้นจะเห็นว่าทุกครั้งสื่อต่างๆเสนอตัวเลขน้อย มันทำให้พวกคณะจัดประท้วงรายได้หด
ทีนี่จากการคำนวณค่าใช้จ่ายให้คนละ 2,000 บาท นั้น เงินที่จ่ายไปเกิดการกระจายรายรับ ดังนี้
สุเทพ รับไว้ หัวละ 1,000 บาท (วัดครึ่ง กรรมการครึ่ง คิดสูตรเดียวกัน)
มือรอง มีหลายคน รับไป 500 บาท แบ่งเฉลี่ยตามจำนวน
อีก 500 บาท หัวหน้ารวบรวมคนหลอกคนมาเดิน เอาไป 200 บาท
คนเดิน (บางคน)ได้ 300 บาท
ทั้งนั้ไม่รวมรายได้จากคนฃั้นกลาง พวกผู้ดีหน้าโง่ที่ถูกหลอกมาเดิน นอกจากโดนหลอกแล้ว ยังหน้าโง่ให้เงินสุเทพอีก
รายได้ส่วนนี้เข้ากระเป๋าสุเทพ ทั้งหมด ถือว่าเป็นรายได้จากการโชว์ตัว
สำหรับพวกการ์ดนั้น แพงหน่อย รับเงินจาก นายทุนมาเฉลี่ย คนละ3,000 บาท สุเทพหักหัวคิวไว้คนละ 1,000 บาท
คนรวบรวมการ์ดหักไว้คนละ 500 บาท คงเหลือคนละ 1,500 บาท
หัวหน้าการ์ดหักไว้คนละ 500 บาท
กาณ์ดได้รับจริงๆ คนละ 1,000 บาท
วิธีคิดของนายทุนหน้าโง่จะคิดดังนี้
ถ้าจ่ายให้ไปคนละ 2,000 บาท จ่ายจริงให้คนแค่ 80 % ของจำนวนคนที่ไปเดินๆ
เพราะอีก 20% คือพวกเศรษฐีหน้าโง่ พวกคนชั้นกลางดัดจริตไม่ต้องจ่าย แถมได้เงินอีกต่างหาก
ดังนั้นพวกลงขันถือว่า กำไร 20 %
ส่วนพวกพนักงานรัฐวิสาหกิจจัดอยู่พวกไหน
ก็พวกรับจ้างนั่นแหละ คือได้เงินเดือนเต็มเดือนแล้ว ยังได้เงินกินเปล่าจากนายทุนหน้าโง่อีกต่างหาก
ดังนั้น คนหน้าโง่ทั้งหลายโปรดคิดด้วย คนเป็นหมื่นๆคน ลำพังแค่เงินพวกตัวเองหลงบริจาคมันจะพอได้ยังไง
คิดแค่คนเดิน 10,000 คน เสียค่าใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 2,000 บาท ก็ตกวันละ20 ล้านบาทแล้ว
ถ้าคนไปเดินจริงๆแค่ 10,000 คน ได้เบิกเงินถึงวันละ 200 ล้านบาท (อ้างว่ามา 1 แสนคน) สุเทพจะ HAPPY ขนาดไหน
อย่างนี้ไม่ต้องสงสัยหรอก สุเทพพาเดินได้เป็นปีๆ
จำนวนผู้ชุมนุมสำคัญยิ่ง
คิดง่ายๆถ้าจะเบิกเงินก็ต้องคำนวณจากจำนวนคนมาชุมนุม
ถ้าบอกว่ามา 100,000 คน คิดค่าใช้จ่ายให้คนละ 2,000 บาท นายทุนหน้าโง่จะต้องจ่ายทั้งหมด เท่าไร
ถ้าบอก 1,000,000 คน คิดค่าใช้จ่ายเท่ากัน นายทุนหน้าโง่ก็หาทางพิสูจน์ก่อน เพราะเงินมันเยอะ
ดังนั้นจะเห็นว่าทุกครั้งสื่อต่างๆเสนอตัวเลขน้อย มันทำให้พวกคณะจัดประท้วงรายได้หด
ทีนี่จากการคำนวณค่าใช้จ่ายให้คนละ 2,000 บาท นั้น เงินที่จ่ายไปเกิดการกระจายรายรับ ดังนี้
สุเทพ รับไว้ หัวละ 1,000 บาท (วัดครึ่ง กรรมการครึ่ง คิดสูตรเดียวกัน)
มือรอง มีหลายคน รับไป 500 บาท แบ่งเฉลี่ยตามจำนวน
อีก 500 บาท หัวหน้ารวบรวมคนหลอกคนมาเดิน เอาไป 200 บาท
คนเดิน (บางคน)ได้ 300 บาท
ทั้งนั้ไม่รวมรายได้จากคนฃั้นกลาง พวกผู้ดีหน้าโง่ที่ถูกหลอกมาเดิน นอกจากโดนหลอกแล้ว ยังหน้าโง่ให้เงินสุเทพอีก
รายได้ส่วนนี้เข้ากระเป๋าสุเทพ ทั้งหมด ถือว่าเป็นรายได้จากการโชว์ตัว
สำหรับพวกการ์ดนั้น แพงหน่อย รับเงินจาก นายทุนมาเฉลี่ย คนละ3,000 บาท สุเทพหักหัวคิวไว้คนละ 1,000 บาท
คนรวบรวมการ์ดหักไว้คนละ 500 บาท คงเหลือคนละ 1,500 บาท
หัวหน้าการ์ดหักไว้คนละ 500 บาท
กาณ์ดได้รับจริงๆ คนละ 1,000 บาท
วิธีคิดของนายทุนหน้าโง่จะคิดดังนี้
ถ้าจ่ายให้ไปคนละ 2,000 บาท จ่ายจริงให้คนแค่ 80 % ของจำนวนคนที่ไปเดินๆ
เพราะอีก 20% คือพวกเศรษฐีหน้าโง่ พวกคนชั้นกลางดัดจริตไม่ต้องจ่าย แถมได้เงินอีกต่างหาก
ดังนั้นพวกลงขันถือว่า กำไร 20 %
ส่วนพวกพนักงานรัฐวิสาหกิจจัดอยู่พวกไหน
ก็พวกรับจ้างนั่นแหละ คือได้เงินเดือนเต็มเดือนแล้ว ยังได้เงินกินเปล่าจากนายทุนหน้าโง่อีกต่างหาก
ดังนั้น คนหน้าโง่ทั้งหลายโปรดคิดด้วย คนเป็นหมื่นๆคน ลำพังแค่เงินพวกตัวเองหลงบริจาคมันจะพอได้ยังไง
คิดแค่คนเดิน 10,000 คน เสียค่าใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 2,000 บาท ก็ตกวันละ20 ล้านบาทแล้ว
ถ้าคนไปเดินจริงๆแค่ 10,000 คน ได้เบิกเงินถึงวันละ 200 ล้านบาท (อ้างว่ามา 1 แสนคน) สุเทพจะ HAPPY ขนาดไหน
อย่างนี้ไม่ต้องสงสัยหรอก สุเทพพาเดินได้เป็นปีๆ