เพื่อเป็นการตอนรับหนังหนังฟอร์มยักษ์เรื่องสุดท้ายแห่งปี ที่มีคิวจะเข้าฉายซ้ำไปซ้ำมา อยู่หลายครั้ง อีกไม่กี่อึดใจจะได้ชมกันจริงๆไม่ต้องรออีกต่อไปแล้ว จึงขอนำเสนอกระทู้นี้ขึ้นมาครับ ก่อนอื่นขอเล่าก่อนว่า ด้วยเนื่องจาก จขกท กำลังจะไปญี่ปุ่นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ จขกท เลยพยายามหา ข้อมูลและแหล่งท่องเที่ยวให้หลากหลายที่ โดยเฉพาะในโตเกียว ว่าจะไปไหนดี ไม่รู้ด้วยความบังเอิญหรือป่าว ดันไปเจอชื่อวัดเซนงะกุจิ หรือ Sengakuji Temple ในโตเกียวเข้า และในข้อมูลมันเขียนว่า วัดนี้แหละ คือที่ฝังศพของ “โรนินทั้ง 47” เหย เห่ย เห้ย !!! <<< เลยสงสัยว่า ไอคำว่า ** 47 โรนิน ของวัด "เซนงะกุจิ" กับ * 47โรนิน ที่กำลังจะเข้าฉายมัน คือโรนินเดียวกันป่าว ฟ๊ะ (เพราะดูจากหนังตัวอย่างของ 47RONIN ไป คิดว่าเรื่องราวที่สู้กับแม่มดสู้กับมังกรไม่น่ามีอยู่จริงมั้ง) แต่พอหาข้อมูลไปหาข้อมูลมา เลยถึงบางอ้อคร๊าบบบ ว่า มันช้ายยยเลย โรนิน เดียวกัน เพียงแต่ "47 RONIN" ที่กำลังจะเข้าฉายเนี้ยมันเป็นการดัดแปลงมาจาก "47โรนิน ของวัด เซนงะกุจิ" ที่มีตัวตนอยู่จริงๆ ในสมัยก่อนเท่านั้นเอง
หากใคร กำลังจะไปโตเกียวแล้วไม่รู้จะไปเที่ยวไหน ลอง เก็บหลุมฝังศพของ 47 โรนิน นี้ไว้พิจารณาดูนะครับ แต่หากใครจะตามรอยหนังเรื่องนี้ ขอบอกว่า จขกท ทราบมาว่ากรุณาอย่าไปตามรอยที่ญี่ปุ่นนะ เพราะเหมือนจะรู้สึกว่า แม้หนังทั้งเรื่องนี้เห็นฉากเป็นญี่ปุ่น แต่..แทบจะไม่ได้ถ่ายทำในญี่ปุ่นเลยแม้แต่น้อย
แผนที่ของ Sengakuji
ขอเล่าเรื่องราวของ 47 RONIN แห่งวัดเซนงะกุจิ แบบคราวๆ นะครับ
สมัยก่อนหากย้อนเวลากลับไปสมัยเอโดะ ญี่ปุ่นจะมีขุนนาง ตำแหน่งต่างๆ โดยมีโชกุนเป็นผู้ปกครองประเทศและโชกุน หรือ ขุนนางพวกนี้ จะมีองครักษ์หรือบอดี้การ์ดประจำตัว แล้วแต่ใครมีเงินมากก็มีมาก ยศใหญ่มากก็มีมาก ว่ากันไปแล้วแต่ทุนทรัพย์ในการว่าจ้าง(เหมือนสมัยนี้แหละ ) และองค์รักษ์เหล่านี้ จะถูกเรียกว่า "ซามูไร" โดยซามูไรดังกล่าว จะตอบแทนการว่าจ้างของเจ้านายด้วยกำลัง มันสมอง และคำสาบาน คำสานบานว่า " จะจงรักภัคดีต่อเจ้านายคนเดียวจนวันตาย "
เรื่องราวมีอยู่ว่า "อาซาโนะ นางาโนริ" ไดเมียว(เจ้าเมือง)แห่งอาโกะเป็นเมืองในชนบทต้องเข้ามาในเมืองหลวงเพื่อมาร่วมงานฉลองและคารวะประจำปีของโชกุน แต่เจ้าเมืองภูธรคนนี้ดันโชคร้ายสุดๆ เพราะประจบประจบสอพลอไม่เป็น ทำให้ ไดเมียวคิระ “คิระ โยชินะกะ" (ขุนนางเมืองหลวงผู้สนิทของท่านโชกุน) ต้องออกมาตักเตือนว่าควรต้องทำยังไง วางตัวยังไงเมื่ออยู่ต่อหน้าขุนนางผู้ใหญ่ แต่..อาซาโนะ นางาโนริ ก็ไม่ฟังแล้วดันตอกกลับ ท่านคิระ ไปแบบสุภาพว่า “ขอบคุณครับท่านที่แนะนำ แต่ผมประจบใครไม่เป็น เพราะผมเป็นข้าราชการที่ทำงานจริงๆ”
เมื่อฟังดังนั้น ไดเมียวคิระถึงกับควันออกหูและคอยแกล้ง คอยพูดจาดูถูก หยามเหยียด อาซาโนะ นางาโนริ อยู่ตลอดเวลา จนวันหนึ่ง อาซาโนะ นางาโนริถึงกับทนไม่ได้ ฟิวส์ขาด จึงชักดาบออกมา(แต่ยังไม่ฟัน) .... แต่เนื่องจากพี่แกชักที่ไหนไม่ชัก ดันไปชักในเขตพระราชฐาน (ปราสาทมัตซึโอะโอโรกะ ของโชกุน)โทษจึงมีสถานเดียวครับ คือ ประหารโดยการ ให้ทำเซปปุกุหรือฮาราคีรี (คว้านท้อง) เป็นเหตุให้ ซามูไร ในสังกัด ของ อาซาโนะ นางาโนริ (มีทั้งหมด 300 - 400 คน)ที่เคยสาบานว่า " จะจงรักภัคดีต่อเจ้านายคนเดียวจนวันตาย " กลายไป ซามูไรไร้นาย เจ้าไร้ศาล ต้องเร่ร่อนไปทั่ว จะไปอยู่กับนายอื่นก็ไม่ได้ จะไปทำอาชีพอื่นก็ไม่ดี โดยสมัยก่อนคนจะเรียก ซามูไรพวกนี้ (ซามูไรที่ไม่มีนาย ) ว่า >>> **
โรนิน** (ส่วนสมัยนี้คนญี่ปุ่น จะเรียกเด็กที่ไม่มีโรงเรียนเพราะสอบที่ไหนไม่ติดว่า โรนิน)
เมื่อซามูไร ผู้ต้องกลายมาเป็น โรนิน(โดยไม่ตั้งใจ)รู้ข่าวว่านายของตนตายแล้ว เนื่องจากการโดนฆ่าทางอ้อมของคิระ โยชินะกะ มีโรนิน จากทั้งหมดสาม สี่ร้อย คน มารวมตัวกันทั้งหมด47คน ซึ่งทั้ง 47 คนดังกล่าวได้รวมตัวกันเพื่อทำตาม วถีแห่งบูชิโด (วิถีแห่งนักรบ) ตามบางคำบอกเล่าบอกว่า มีแกนนำโรนิน คนหนึ่ง (ชื่อ โออิชิ โยชิโอ๊ะ) บอกกับโรนินทั้ง 46 ว่า "เราผู้ที่มีเลือดซามูไรจะอยู่บนพื้นดินเดียวกันกับคนที่ทำให้นายเราต้องตายไม่ได้ ถ้ามันไม่ตายเราก็ต้องตายเพราะไม่บังอาญมีหน้ามาอยู่บนโลกนี้ร่วมกับมันอีกต่อไป" เมื่อโรนิน ทั้ง 46 ฟังผู้นำของกลุ่มพูดจบ จึงตัดสินใจเลือกโดยไม่ต้องคิดเลยว่า "ไปเอามันให้ตายดีกว่า ไม่งั้นเดียวลูกพี่จะเสนอให้คว้านท้องตามนายไปจะซวย" <<< (อันนี้เป็นมุกนะครับ 555) เมื่อทุกคนเห็นต้องกัน อีกสองปีต่อมา (ในค.ศ. 1703 )โรนินทั้ง 47 ก็บุกไปถึงบ้านของ "คิระ โยชินะกะ" แม้ คิระ โยชินะกะ จะมี ซามูไรอยู่เป็นฝูง ( เยอะมาก ) แต่ก็เอา โรนินทั้ง 47 ไม่อยู่ ต้องเสียหัวของตนให้กับทั้ง 47 โรนินในศึกครั้งนั้น (ศึกเก็นโระกุ อะโก)
เมื่อโรนิน ทั้ง 47 ตัดหัว "คิระ โยชินะกะ" ได้แล้วก็ไม่ได้นำไปไหนแต่อย่างใดแต่เอาไปเป็นเครื่องเซ่นไหว้สักการะหน้าหลุมศพ "อาซาโนะ นางาโนริ"ผู้เป็นนายเพียงคนเดียวของตน ที่วัดวัดเซนงะกุจิ ในโตเกียว และเมื่อเสร็จภารกิจชำระแค้นเสร็จ โรนินทั้ง47 ก็เดินไปหาทางการแล้วบอกว่าตนได้ฆ่าคนไป มีโทษสมควรตาย และก็ทำการคว้านท้องเพื่อตามไปรับใช้นายของตนไปอยู่ในยมโลก และหลังจากนั้น ศพของโรนินทั้ง47 ก็ได้นำมาฝังอยุ่ที่เดียวกับเจ้านายที่วัดเซนงะกุจิ เรื่องราวของ โรนิน 47 ถือเป็นวีรกรรมที่สะท้อนถึงความเป็นญี่ปุ่นและวิถีแห่งบูชิโดอย่างแท้จริง จนมีการนำเหตการณ์ดังกล่าวนำไปทำละคร และหนังสืออยู่หลายครั้ง
หลุมฝังศพของ 47 RONIN ในวัดเซนงะกุจิ
วัดเซนงะกุจิ ในโตเกียว
และหากท่านใดอยากไปเที่ยวและสัมผัสถึงวิถีแห่งบูชิโด และโรนิน ทั้ง 47 อย่างถึงแก่นแท้ แนะนำให้ไป โตเกียวให้ตรงกับวันที่ 14 ธันวาคม เพราะในวันที่ 14 ธันวาคมของทุกปี ทางวัดเซนงะกุจิ จะจัดเทศกาลงิชิไซ (Gishi Sai) เพื่อรำลึกถึงโรนิน ทั้ง 47 คน
เทศกาลงิชิไซ
รูปของ อาซาโนะ นางาโนริ(ซ้าย) กับ คิระ โยชินะกะ(ขวา)
ภาพของ ผู้นำของ47โรนิน ในภาพยนต์เรื่อง 47RONIN ซึ่งรับบทโดย ฮิโรยูกิ ซานาดะ
++ รู้หรือไม่ หลุมฝังศพของ ** 47 RONIN ** มีอยู่จริงใน โตเกียว ++
เพื่อเป็นการตอนรับหนังหนังฟอร์มยักษ์เรื่องสุดท้ายแห่งปี ที่มีคิวจะเข้าฉายซ้ำไปซ้ำมา อยู่หลายครั้ง อีกไม่กี่อึดใจจะได้ชมกันจริงๆไม่ต้องรออีกต่อไปแล้ว จึงขอนำเสนอกระทู้นี้ขึ้นมาครับ ก่อนอื่นขอเล่าก่อนว่า ด้วยเนื่องจาก จขกท กำลังจะไปญี่ปุ่นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ จขกท เลยพยายามหา ข้อมูลและแหล่งท่องเที่ยวให้หลากหลายที่ โดยเฉพาะในโตเกียว ว่าจะไปไหนดี ไม่รู้ด้วยความบังเอิญหรือป่าว ดันไปเจอชื่อวัดเซนงะกุจิ หรือ Sengakuji Temple ในโตเกียวเข้า และในข้อมูลมันเขียนว่า วัดนี้แหละ คือที่ฝังศพของ “โรนินทั้ง 47” เหย เห่ย เห้ย !!! <<< เลยสงสัยว่า ไอคำว่า ** 47 โรนิน ของวัด "เซนงะกุจิ" กับ * 47โรนิน ที่กำลังจะเข้าฉายมัน คือโรนินเดียวกันป่าว ฟ๊ะ (เพราะดูจากหนังตัวอย่างของ 47RONIN ไป คิดว่าเรื่องราวที่สู้กับแม่มดสู้กับมังกรไม่น่ามีอยู่จริงมั้ง) แต่พอหาข้อมูลไปหาข้อมูลมา เลยถึงบางอ้อคร๊าบบบ ว่า มันช้ายยยเลย โรนิน เดียวกัน เพียงแต่ "47 RONIN" ที่กำลังจะเข้าฉายเนี้ยมันเป็นการดัดแปลงมาจาก "47โรนิน ของวัด เซนงะกุจิ" ที่มีตัวตนอยู่จริงๆ ในสมัยก่อนเท่านั้นเอง
หากใคร กำลังจะไปโตเกียวแล้วไม่รู้จะไปเที่ยวไหน ลอง เก็บหลุมฝังศพของ 47 โรนิน นี้ไว้พิจารณาดูนะครับ แต่หากใครจะตามรอยหนังเรื่องนี้ ขอบอกว่า จขกท ทราบมาว่ากรุณาอย่าไปตามรอยที่ญี่ปุ่นนะ เพราะเหมือนจะรู้สึกว่า แม้หนังทั้งเรื่องนี้เห็นฉากเป็นญี่ปุ่น แต่..แทบจะไม่ได้ถ่ายทำในญี่ปุ่นเลยแม้แต่น้อย
ขอเล่าเรื่องราวของ 47 RONIN แห่งวัดเซนงะกุจิ แบบคราวๆ นะครับ
สมัยก่อนหากย้อนเวลากลับไปสมัยเอโดะ ญี่ปุ่นจะมีขุนนาง ตำแหน่งต่างๆ โดยมีโชกุนเป็นผู้ปกครองประเทศและโชกุน หรือ ขุนนางพวกนี้ จะมีองครักษ์หรือบอดี้การ์ดประจำตัว แล้วแต่ใครมีเงินมากก็มีมาก ยศใหญ่มากก็มีมาก ว่ากันไปแล้วแต่ทุนทรัพย์ในการว่าจ้าง(เหมือนสมัยนี้แหละ ) และองค์รักษ์เหล่านี้ จะถูกเรียกว่า "ซามูไร" โดยซามูไรดังกล่าว จะตอบแทนการว่าจ้างของเจ้านายด้วยกำลัง มันสมอง และคำสาบาน คำสานบานว่า " จะจงรักภัคดีต่อเจ้านายคนเดียวจนวันตาย "
เรื่องราวมีอยู่ว่า "อาซาโนะ นางาโนริ" ไดเมียว(เจ้าเมือง)แห่งอาโกะเป็นเมืองในชนบทต้องเข้ามาในเมืองหลวงเพื่อมาร่วมงานฉลองและคารวะประจำปีของโชกุน แต่เจ้าเมืองภูธรคนนี้ดันโชคร้ายสุดๆ เพราะประจบประจบสอพลอไม่เป็น ทำให้ ไดเมียวคิระ “คิระ โยชินะกะ" (ขุนนางเมืองหลวงผู้สนิทของท่านโชกุน) ต้องออกมาตักเตือนว่าควรต้องทำยังไง วางตัวยังไงเมื่ออยู่ต่อหน้าขุนนางผู้ใหญ่ แต่..อาซาโนะ นางาโนริ ก็ไม่ฟังแล้วดันตอกกลับ ท่านคิระ ไปแบบสุภาพว่า “ขอบคุณครับท่านที่แนะนำ แต่ผมประจบใครไม่เป็น เพราะผมเป็นข้าราชการที่ทำงานจริงๆ”
เมื่อฟังดังนั้น ไดเมียวคิระถึงกับควันออกหูและคอยแกล้ง คอยพูดจาดูถูก หยามเหยียด อาซาโนะ นางาโนริ อยู่ตลอดเวลา จนวันหนึ่ง อาซาโนะ นางาโนริถึงกับทนไม่ได้ ฟิวส์ขาด จึงชักดาบออกมา(แต่ยังไม่ฟัน) .... แต่เนื่องจากพี่แกชักที่ไหนไม่ชัก ดันไปชักในเขตพระราชฐาน (ปราสาทมัตซึโอะโอโรกะ ของโชกุน)โทษจึงมีสถานเดียวครับ คือ ประหารโดยการ ให้ทำเซปปุกุหรือฮาราคีรี (คว้านท้อง) เป็นเหตุให้ ซามูไร ในสังกัด ของ อาซาโนะ นางาโนริ (มีทั้งหมด 300 - 400 คน)ที่เคยสาบานว่า " จะจงรักภัคดีต่อเจ้านายคนเดียวจนวันตาย " กลายไป ซามูไรไร้นาย เจ้าไร้ศาล ต้องเร่ร่อนไปทั่ว จะไปอยู่กับนายอื่นก็ไม่ได้ จะไปทำอาชีพอื่นก็ไม่ดี โดยสมัยก่อนคนจะเรียก ซามูไรพวกนี้ (ซามูไรที่ไม่มีนาย ) ว่า >>> **โรนิน** (ส่วนสมัยนี้คนญี่ปุ่น จะเรียกเด็กที่ไม่มีโรงเรียนเพราะสอบที่ไหนไม่ติดว่า โรนิน)
เมื่อซามูไร ผู้ต้องกลายมาเป็น โรนิน(โดยไม่ตั้งใจ)รู้ข่าวว่านายของตนตายแล้ว เนื่องจากการโดนฆ่าทางอ้อมของคิระ โยชินะกะ มีโรนิน จากทั้งหมดสาม สี่ร้อย คน มารวมตัวกันทั้งหมด47คน ซึ่งทั้ง 47 คนดังกล่าวได้รวมตัวกันเพื่อทำตาม วถีแห่งบูชิโด (วิถีแห่งนักรบ) ตามบางคำบอกเล่าบอกว่า มีแกนนำโรนิน คนหนึ่ง (ชื่อ โออิชิ โยชิโอ๊ะ) บอกกับโรนินทั้ง 46 ว่า "เราผู้ที่มีเลือดซามูไรจะอยู่บนพื้นดินเดียวกันกับคนที่ทำให้นายเราต้องตายไม่ได้ ถ้ามันไม่ตายเราก็ต้องตายเพราะไม่บังอาญมีหน้ามาอยู่บนโลกนี้ร่วมกับมันอีกต่อไป" เมื่อโรนิน ทั้ง 46 ฟังผู้นำของกลุ่มพูดจบ จึงตัดสินใจเลือกโดยไม่ต้องคิดเลยว่า "ไปเอามันให้ตายดีกว่า ไม่งั้นเดียวลูกพี่จะเสนอให้คว้านท้องตามนายไปจะซวย" <<< (อันนี้เป็นมุกนะครับ 555) เมื่อทุกคนเห็นต้องกัน อีกสองปีต่อมา (ในค.ศ. 1703 )โรนินทั้ง 47 ก็บุกไปถึงบ้านของ "คิระ โยชินะกะ" แม้ คิระ โยชินะกะ จะมี ซามูไรอยู่เป็นฝูง ( เยอะมาก ) แต่ก็เอา โรนินทั้ง 47 ไม่อยู่ ต้องเสียหัวของตนให้กับทั้ง 47 โรนินในศึกครั้งนั้น (ศึกเก็นโระกุ อะโก)
เมื่อโรนิน ทั้ง 47 ตัดหัว "คิระ โยชินะกะ" ได้แล้วก็ไม่ได้นำไปไหนแต่อย่างใดแต่เอาไปเป็นเครื่องเซ่นไหว้สักการะหน้าหลุมศพ "อาซาโนะ นางาโนริ"ผู้เป็นนายเพียงคนเดียวของตน ที่วัดวัดเซนงะกุจิ ในโตเกียว และเมื่อเสร็จภารกิจชำระแค้นเสร็จ โรนินทั้ง47 ก็เดินไปหาทางการแล้วบอกว่าตนได้ฆ่าคนไป มีโทษสมควรตาย และก็ทำการคว้านท้องเพื่อตามไปรับใช้นายของตนไปอยู่ในยมโลก และหลังจากนั้น ศพของโรนินทั้ง47 ก็ได้นำมาฝังอยุ่ที่เดียวกับเจ้านายที่วัดเซนงะกุจิ เรื่องราวของ โรนิน 47 ถือเป็นวีรกรรมที่สะท้อนถึงความเป็นญี่ปุ่นและวิถีแห่งบูชิโดอย่างแท้จริง จนมีการนำเหตการณ์ดังกล่าวนำไปทำละคร และหนังสืออยู่หลายครั้ง
และหากท่านใดอยากไปเที่ยวและสัมผัสถึงวิถีแห่งบูชิโด และโรนิน ทั้ง 47 อย่างถึงแก่นแท้ แนะนำให้ไป โตเกียวให้ตรงกับวันที่ 14 ธันวาคม เพราะในวันที่ 14 ธันวาคมของทุกปี ทางวัดเซนงะกุจิ จะจัดเทศกาลงิชิไซ (Gishi Sai) เพื่อรำลึกถึงโรนิน ทั้ง 47 คน