ปริศนาเม็กกาโลดอน อะไรทำให้ฉลามที่ใหญ่ที่สุดในโลกสูญพันธุ์
ลอสแอนเจลิส – เม็กกาโลดอน ฉลามขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยแหวกว่ายในท้องมหาสมุทร อาจจะตัวโตเกินไปจนทำให้มีแนวโน้มที่จะสูญพันธุ์
งานวิจัยชิ้นใหม่ชี้ว่า ด้วยสาเหตุที่ลึกลับบางประการ แม้ว่าสมาชิกขนาดเล็กที่สุดและใหญ่ที่สุดของสายพันธุ์จะมีขนาดยาวเท่าๆกัน อสูรกายแห่งท้องทะเลนี้ขยายใหญ่ขึ้นในช่วงเวลา 14 ล้านปี จากนั้นพวกมันก็สูญพันธุ์ไปหมด
ผู้ร่วมวิจัยคาตาลีนา พิเมียนโต นักศึกษาปริญญาเอกสาขาชีววิทยา ของมหาวิทยาลัยฟลอริด้า และสถาบันวิจัยเขตร้อนสมิธโซเนียนในปานามากล่าวว่า แม้ว่าจะไม่ชัดเจนนักว่าเหตุใดเจ้าสัตว์ยักษ์นี้ถึงตัวโตขึ้นเรื่อยๆในช่วงวิวัฒนาการ แต่ขนาดใหญ่ของมันนั่นเองที่อาจทำให้มันเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากขึ้น เธอนำเสนอผลงานวิจัยของเธอที่งานประชุมประจำปีของสมาคมสัตว์ดึกดำบรรพ์มีกระดูกสันหลัง ปีที่ 73
ยิ่งใหญ่ยิ่งดีจริงหรือ?
พีเมียนโตกล่าวว่า เม็กกาโลดอนสามารถยาวได้ถึง 60 ฟุต (18 เมตร) และมีแรงกัดที่มีพละกำลังมากกว่าไทแรนโนซอรัส เร็กซ์ มัจจุราแห่งท้องทะเลเหล่านี้ข่มขวัญท้องมหาสมุทรตั้งแต่ประมาณ 16 ถึง 2 ล้านปีที่แล้ว แม้ว่านั่นดูเหมือนว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน แต่ฉลามสายพันธุ์อื่นๆนั้นอยู่รอดมาแล้ว 50 ล้านปีหรือนานกว่านั้นโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญในแปลนรูปร่างของมัน
“สายพันธุ์นี้ไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างที่พวกเราคิด” พิเมียนโตกล่าว “ฉลามหลายชนิดที่มีชีวิตอยู่ในยุคของเม็กกาโลดอนยังคงมีอยู่ทุกวันนี้”
ประวัติศาสตร์อันสั้นของเม็กกาโลดอนทำให้พิเมียนโตตั้งคำถามว่าเป็นเพราะขนาดตัวของฉลามชนิดนี้หรือไม่ที่สงผลต่อความสำเร็จด้านการวิวัฒนาการของพวกมัน
“ขนาดตัวส่งผลกระทบแทบจะทุกแง่มุมของระบบนิเวศน์และชีววิทยาของสิ่งมีชีวิต” พิเมียนโตบอกกับ LiveScience “เมื่อมีสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่โตมากอย่างเม็กกาโลดอน นั่นอาจจะดีมากหรือแย่มากก็ได้”
พิเมียนโตกล่าวว่า บรรดาสัตว์ใหญ่จะสามารถกินอาหารได้หลากหลายกว่า และเป็นนักล่าที่ดุร้ายกว่าเหล่าสหายแคระของพวกมัน แต่เพราะว่าพวกมันกินสัตว์หลายชนิดกว่า มันจึงมีการแข่งขันที่มากกว่าเช่นกันเพื่อจะแย่งชิงสัตว์เหล่านั้น และระบบนิเวศสามารถรองรับความหนาแน่นของประชากรได้ต่ำลง เนื่องจากพวกมันต้องการทรัพยากรมากกว่า รวมถึงพื้นที่ เพื่อที่จะมีชีวิตรอด เมื่ออาหารค่อยๆลดลง สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ก็อาจต้องลำบากในการหาอาหารให้เพียงพอ
ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
พิเมียนโตได้ไปเยือนพิพิธภัณฑ์หลายแห่งรอบโลก และวัดขนาดฟันของตัวอย่างเม็กกาโลดอน ประมาณ 400 ตัว จากการวัดนั้น เธอได้คาดคะเนขนาดตัวในระยะสุดท้ายของมันก่อนที่จะสูญพันธุ์
เธอสรุปว่าในขณะที่ขนาดที่ใหญ่ที่สุดและเล็กที่สุดของสุดของเจ้าสัตว์ชนิดนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ แต่กลับมีสัตว์ร้ายที่ขนาดใหญ่มากขึ้นในช่วงท้ายของวิวัฒนการของมัน
ยังคงไม่ชัดเจนนักว่าทำไมเจ้ายักษ์ร้ายถึงได้ขนาดใหญ่ขึ้น แต่พิเมียนโตวางแผนที่จะดูข้อมูลทางด้านภูมิอากาศและข้อมูลของสายพันธุ์อื่นๆเพื่อค้นหาคำตอบ
“บางทีอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นกับการสืบพันธุ์และสภาพภูมิอากาศที่ทำให้เกิดรูปแบบเช่นนั้น หรือกับเหยื่อ และคู่แข่งของพวกมัน ที่ทำให้สายพันธุ์นี้ใหญ่ขึ้น” พิเมียนโตกล่าว
ไม่ว่าจะอย่างไร การที่ตัวโตนั้นอาจทำให้พวกมันเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากขึ้น แม้ว่าเขี้ยวยักษ์จะสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่สายพันธุ์ที่ใกล้เคียงกับมัน อย่างฉลามขาว ก็ยังข่มขวัญท้องทะเลอยู่ตราบจนทุกวันนี้
“การเพิ่มขนาดในสายพันธุ์เม็กกาโลดอนที่อาจเป็นไปได้ในช่วงธรณีกาลนั้นจำเป็นจะต้องทดสอบต่อไป โดยการพิจารณาเม็กกาโลดอนที่รวบรวมจากทั่วโลก แต่ไอเดียนี้ก็สำคัญที่จะเข้าใจในการเจริญและสูญพันธุ์ของนักล่าสายพันธุ์สูงสุด ซึ่งจะต้องมีผลกระทบที่สำคัญต่อระบบนิเวศของมหาสมุทร” เคนชู ชิมาดะ นักโบราณชีววิทยา ของมหาวิทยาลัยเดอโปลในชิคาโก ผู้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานวิจัยครั้งนี้กล่าว
ฉลามยักษ์ดึกดำบรรพ์ขนาด 60 ฟุตฉีกเนื้อเหล่าวาฬยักษ์ได้อย่างไร
ความน่ากลัวของเม็กกาโลดอน นักล่าวาฬ
ด้วยลำตัวที่ยาวมากกว่า 60 ฟุต เม็กกาโลดอน (ซึ่งแปลว่า “เขี้ยวยักษ์”) คือสุดยอดนักล่าในมหาสมุทรจนกระทั่งพวกมันสูญพันธุ์ไปเมื่อสองล้านปีก่อน
พวกมันตัวใหญ่กว่าไทแรนโนซอรัส เร็กซ์มาก เม็กกาโลดอนนั้นหนักมากถึง 100 ตัน ในขณะที่ทีเร็กซ์หนักเพียง 9 ตันเท่านั้น
ความจริงแล้วทีเร็กซ์อาจกลายเป็นของว่างจานด่วนสำหรับเม็กกาโลดอนเลยก็ว่าได้ หัวของมันนั้นเข้าไปในปากฉลามขนาดมหึมาได้อย่างสบายๆ
โครงกระดูกของฉลามนั้นเป็นกระดูกอ่อนแทบจะทั้งหมด ฉะนั้นซากทั้งหมดที่เหลืออยู่ของเม็กกาโลดอนจึงเป็นกระดูกขนาดเท่าจานเพียงไม่กี่ชิ้นจากกระดูกสันหลังของมัน และฟันที่แหลมคมมากยาวเจ็ดนิ้ว
จากซากฟอสซิลพวกนี้และสายพันธุ์ที่ใกล้กันอย่างฉลามขาว นักวิทยศาสตร์จึงสามารถคาดคะเนขนาดและรูปร่างของเม็กกาโลดอนได้
ซากฟันของเม็กกาโลดอนที่รู้จักกันนั้น หลายชิ้นมาจากเนินฟันฉลาม (Shark Tooth Hill) ใกล้กับเบเกอร์สฟิลด์ แคลิฟอเนีย
ในยุคไมโอซีนพื้นที่ตรงนั้นจะปกคลุมไปด้วยมหาสมุทรและเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเล
บรรดานักวิทยศาสตร์ (และคนทั่วไป) สามารถมาขุดซากฟอสซิลจากเนินฟันฉลามที่ครอบครองโดยเอกชนได้
ฟันยังคงความแหลมคมอยู่แม้ว่าจะผ่านมาแล้วหลายล้านปี พวกมันสร้างบาดแผลที่ต้องเย็บหลายเข็มได้ง่ายๆ
ซากฟอสซิลของวาฬถูกพบว่าตกเป็นเหยื่อ โดยส่วนหัวหายไป เจ้าของเนินฟันฉลาม ฌอนและลิซ่าโทฮิล สงสัยมานานแล้วว่าเจ้าวาฬตัวนี้ถูกสังหารโดยเม็กกาโลดอนหรือไม่
เพื่อหาคำตอบว่าวาฬตัวนี้โดนเม็กกาโลดอนกินหรือเปล่า มิธบัสเตอร์สของดิสคัพเวอร์รี่ชาแนลจึงเริ่มสร้างเม็กกาโลดอนจำลองออกมาเพื่อทดสอบการกัดของมัน
โปรเจ็คแบบนี้เป็นการผสมผสานระหว่างวิทยศาสตร์และการคาดเดา เนื่องจากไม่มีซากฟอสซิลแบบสมบูรณ์ ทีมมิธบัสเตอร์สจึงต้องคำนวณจากซากฟันและรูปร่างของขากรรไกรของฉลามขาวเพื่อนำมาออกแบบขากรรไกรของเม็กกาโลดอน
เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลถ้าหากมันจะกินเหยื่อตัวใหญ่เข้าไปได้ เพราะขนาดของมันนั้นต้องการแคลอรี่จำนวนมากเพียงเพื่อให้เคลื่อนที่ไปได้เรื่อยๆ
แม้ว่าวาฬที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งก็คือวาฬน้ำเงิน จะยังมีขนาดใหญ่กว่าเม็กกาโลดอนส่วนใหญ่อยู่มาก แต่มันก็เป็นไปได้ว่าฉลามพันธุ์นี้สามารถสังหารเหยื่อที่ตัวใหญ่กว่ามันได้ นักวิทยาศาสตร์บางคนคิดว่าเจ้าฉลามล้มวาฬด้วยการกัดครีบให้ขาด บางคนจินตนาการว่าเม็กกาโลดอนอาจมีนิสัยในการล่าคล้ายกับฉลามขาวในยุคนี้ โดยฉลามยักษ์หลายตัวจะว่ายน้ำล้อมรอบ และกินสัตว์ตัวหนึ่งด้วยคำใหญ่ๆ
จิม ชาริตส์ วิศวกรผู้ตรวจสอบการสร้างขากรรไกรและฟันเม็กกาโลดอน ทำงานร่วมกับ ชัค เชียมมากลิโอ นักบรรพชีวินวิทยา แห่ง มหาวิทยาลัยไรต์สเตต และลูกศิษย์ของเขา ไมเคิล เทย์เลอร์ เพื่อออกแบบขากรรไกรให้เป็นไปตามหลักวิทยศาสตร์เท่าที่จะเป็นไปได้
นักวิทยาศาสตร์ยังได้ค้นพบกระดูกวาฬเป็นรอยครูด หรืออยู่ใกล้กับซากฟันของเม็กกาโลดอนมาก
ขากรรไกรที่ทีมมิธบัสเตอร์สได้สร้างขึ้นจะต้องกัดได้ด้วยแรงกด 20,000 ปอนด์ ฉลามขาวสมัยนี้มีแรงกัดเพียงแค่ไม่กี่ตันเท่านั้น
ทีมมิธบัสเตอร์สได้สร้างหุ่นจำลองด้วยวัสดุที่เลียนแบบกระดูกและเนื้อเยื่อของวาฬยักษ์ซึ่งพบที่เนินฟันฉลาม
ขากรรไกฉลามเครื่องจักรนี้กัดทะลุเข้าไปในเนื้อจำลอง
เม็กกาโลดอนกินปลาฉลามอื่นๆ ที่คล้ายกับหุ่นจำลองตัวเต็มของฉลามกระทิงตัวนี้
มันกัดถังเบียร์จนแตกอย่างรวดเร็ว
ขากรรไกรทรงพลังบดถังเบียร์เหล็กอัดแรงดัน
และถังไวน์นี่ด้วย
ขากรรไกรของมันกว้างกว่าโซฟาขนาดขนาดใหญ่สุด
มันยังบดเจ็ทสกีได้ด้วย
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ลองให้มันบดโต๊ะฟุตบอลดูก็แล้วกัน
ด้วยการใช้บล็อคโฟม ทีมชาร์กซิลล่าพบว่าเม็กกาดอนสามารถกัดได้ประมาณ 30 ลูกบาศก์ฟุต ซึ่งขนาดเกือบเท่าเนื้อประมาณ 2,000 ปอนด์
แรงกัดบนโฟมนั้นแรงมากจนทำให้ แกรนต์ อิมาฮารา ผู้ดำเนินรายการ ตกจากเวที
ถึงแม้จะเกือบแน่นอนแล้วว่ามันสูญพันธุ์ไปแล้วเกือบสองล้านปี่แล้ว ไม่ว่าดิสคัฟเวอร์รี่ชาแนลจะบอกว่ายังไงก็ตาม เราก็ยังเรียนรู้เรื่องเม็กกาโลดอนอยู่ตลอดเวลา ยกตัวอย่างเช่น เมื่อไม่นานมานี้ “เนอร์สเซอรี่” อายุสิบล้านปี ได้ถูกค้นพบตรงบริเวณชายฝั่งของปานามา ที่ซึ่งนักล่าที่น่ากลัวเคยเลี้ยงลูกตัวอ่อนของพวกมัน
ผลของการค้นพบครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าแม้แต่ลูกอ่อนของเม็กกาโลดอนยังขนาดยาวได้ถึง 35 ฟุต แม้แต่การคาดการณ์ขั้นต่ำของขนาดโตเต็มวัยของมัน (สีแดง) ก็ยังทำให้บรรดาฉลามวาฬ (สีม่วง) และฉลามขาว (สีเขียว) ดูตัวเล็กลงไปถนัดตา
แปลมาจาก:
http://www.livescience.com/40920-megalodon-got-too-big-extinction.html
http://www.businessinsider.com/scary-truth-about-megaladon-eating-whales-2013-8?op=1
ภาพจากวิดีโอ ของ Shark Week ชมวิดีโอเต็มได้ที่:
http://dsc.discovery.com/tv-shows/shark-week/videos/evidence-of-a-50-ton-megalodon.htm
เม็กกาโลดอน (Megalodon) นักล่าดึกดำบรรพ์แห่งห้วงมหาสมุทร: ความทรงพลังและการสูญพันธุ์
ลอสแอนเจลิส – เม็กกาโลดอน ฉลามขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยแหวกว่ายในท้องมหาสมุทร อาจจะตัวโตเกินไปจนทำให้มีแนวโน้มที่จะสูญพันธุ์
งานวิจัยชิ้นใหม่ชี้ว่า ด้วยสาเหตุที่ลึกลับบางประการ แม้ว่าสมาชิกขนาดเล็กที่สุดและใหญ่ที่สุดของสายพันธุ์จะมีขนาดยาวเท่าๆกัน อสูรกายแห่งท้องทะเลนี้ขยายใหญ่ขึ้นในช่วงเวลา 14 ล้านปี จากนั้นพวกมันก็สูญพันธุ์ไปหมด
ผู้ร่วมวิจัยคาตาลีนา พิเมียนโต นักศึกษาปริญญาเอกสาขาชีววิทยา ของมหาวิทยาลัยฟลอริด้า และสถาบันวิจัยเขตร้อนสมิธโซเนียนในปานามากล่าวว่า แม้ว่าจะไม่ชัดเจนนักว่าเหตุใดเจ้าสัตว์ยักษ์นี้ถึงตัวโตขึ้นเรื่อยๆในช่วงวิวัฒนาการ แต่ขนาดใหญ่ของมันนั่นเองที่อาจทำให้มันเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากขึ้น เธอนำเสนอผลงานวิจัยของเธอที่งานประชุมประจำปีของสมาคมสัตว์ดึกดำบรรพ์มีกระดูกสันหลัง ปีที่ 73
ยิ่งใหญ่ยิ่งดีจริงหรือ?
พีเมียนโตกล่าวว่า เม็กกาโลดอนสามารถยาวได้ถึง 60 ฟุต (18 เมตร) และมีแรงกัดที่มีพละกำลังมากกว่าไทแรนโนซอรัส เร็กซ์ มัจจุราแห่งท้องทะเลเหล่านี้ข่มขวัญท้องมหาสมุทรตั้งแต่ประมาณ 16 ถึง 2 ล้านปีที่แล้ว แม้ว่านั่นดูเหมือนว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน แต่ฉลามสายพันธุ์อื่นๆนั้นอยู่รอดมาแล้ว 50 ล้านปีหรือนานกว่านั้นโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญในแปลนรูปร่างของมัน
“สายพันธุ์นี้ไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างที่พวกเราคิด” พิเมียนโตกล่าว “ฉลามหลายชนิดที่มีชีวิตอยู่ในยุคของเม็กกาโลดอนยังคงมีอยู่ทุกวันนี้”
ประวัติศาสตร์อันสั้นของเม็กกาโลดอนทำให้พิเมียนโตตั้งคำถามว่าเป็นเพราะขนาดตัวของฉลามชนิดนี้หรือไม่ที่สงผลต่อความสำเร็จด้านการวิวัฒนาการของพวกมัน
“ขนาดตัวส่งผลกระทบแทบจะทุกแง่มุมของระบบนิเวศน์และชีววิทยาของสิ่งมีชีวิต” พิเมียนโตบอกกับ LiveScience “เมื่อมีสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่โตมากอย่างเม็กกาโลดอน นั่นอาจจะดีมากหรือแย่มากก็ได้”
พิเมียนโตกล่าวว่า บรรดาสัตว์ใหญ่จะสามารถกินอาหารได้หลากหลายกว่า และเป็นนักล่าที่ดุร้ายกว่าเหล่าสหายแคระของพวกมัน แต่เพราะว่าพวกมันกินสัตว์หลายชนิดกว่า มันจึงมีการแข่งขันที่มากกว่าเช่นกันเพื่อจะแย่งชิงสัตว์เหล่านั้น และระบบนิเวศสามารถรองรับความหนาแน่นของประชากรได้ต่ำลง เนื่องจากพวกมันต้องการทรัพยากรมากกว่า รวมถึงพื้นที่ เพื่อที่จะมีชีวิตรอด เมื่ออาหารค่อยๆลดลง สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ก็อาจต้องลำบากในการหาอาหารให้เพียงพอ
ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
พิเมียนโตได้ไปเยือนพิพิธภัณฑ์หลายแห่งรอบโลก และวัดขนาดฟันของตัวอย่างเม็กกาโลดอน ประมาณ 400 ตัว จากการวัดนั้น เธอได้คาดคะเนขนาดตัวในระยะสุดท้ายของมันก่อนที่จะสูญพันธุ์
เธอสรุปว่าในขณะที่ขนาดที่ใหญ่ที่สุดและเล็กที่สุดของสุดของเจ้าสัตว์ชนิดนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ แต่กลับมีสัตว์ร้ายที่ขนาดใหญ่มากขึ้นในช่วงท้ายของวิวัฒนการของมัน
ยังคงไม่ชัดเจนนักว่าทำไมเจ้ายักษ์ร้ายถึงได้ขนาดใหญ่ขึ้น แต่พิเมียนโตวางแผนที่จะดูข้อมูลทางด้านภูมิอากาศและข้อมูลของสายพันธุ์อื่นๆเพื่อค้นหาคำตอบ
“บางทีอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นกับการสืบพันธุ์และสภาพภูมิอากาศที่ทำให้เกิดรูปแบบเช่นนั้น หรือกับเหยื่อ และคู่แข่งของพวกมัน ที่ทำให้สายพันธุ์นี้ใหญ่ขึ้น” พิเมียนโตกล่าว
ไม่ว่าจะอย่างไร การที่ตัวโตนั้นอาจทำให้พวกมันเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากขึ้น แม้ว่าเขี้ยวยักษ์จะสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่สายพันธุ์ที่ใกล้เคียงกับมัน อย่างฉลามขาว ก็ยังข่มขวัญท้องทะเลอยู่ตราบจนทุกวันนี้
“การเพิ่มขนาดในสายพันธุ์เม็กกาโลดอนที่อาจเป็นไปได้ในช่วงธรณีกาลนั้นจำเป็นจะต้องทดสอบต่อไป โดยการพิจารณาเม็กกาโลดอนที่รวบรวมจากทั่วโลก แต่ไอเดียนี้ก็สำคัญที่จะเข้าใจในการเจริญและสูญพันธุ์ของนักล่าสายพันธุ์สูงสุด ซึ่งจะต้องมีผลกระทบที่สำคัญต่อระบบนิเวศของมหาสมุทร” เคนชู ชิมาดะ นักโบราณชีววิทยา ของมหาวิทยาลัยเดอโปลในชิคาโก ผู้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานวิจัยครั้งนี้กล่าว
ฉลามยักษ์ดึกดำบรรพ์ขนาด 60 ฟุตฉีกเนื้อเหล่าวาฬยักษ์ได้อย่างไร
ความน่ากลัวของเม็กกาโลดอน นักล่าวาฬ
ด้วยลำตัวที่ยาวมากกว่า 60 ฟุต เม็กกาโลดอน (ซึ่งแปลว่า “เขี้ยวยักษ์”) คือสุดยอดนักล่าในมหาสมุทรจนกระทั่งพวกมันสูญพันธุ์ไปเมื่อสองล้านปีก่อน
พวกมันตัวใหญ่กว่าไทแรนโนซอรัส เร็กซ์มาก เม็กกาโลดอนนั้นหนักมากถึง 100 ตัน ในขณะที่ทีเร็กซ์หนักเพียง 9 ตันเท่านั้น
ความจริงแล้วทีเร็กซ์อาจกลายเป็นของว่างจานด่วนสำหรับเม็กกาโลดอนเลยก็ว่าได้ หัวของมันนั้นเข้าไปในปากฉลามขนาดมหึมาได้อย่างสบายๆ
โครงกระดูกของฉลามนั้นเป็นกระดูกอ่อนแทบจะทั้งหมด ฉะนั้นซากทั้งหมดที่เหลืออยู่ของเม็กกาโลดอนจึงเป็นกระดูกขนาดเท่าจานเพียงไม่กี่ชิ้นจากกระดูกสันหลังของมัน และฟันที่แหลมคมมากยาวเจ็ดนิ้ว
จากซากฟอสซิลพวกนี้และสายพันธุ์ที่ใกล้กันอย่างฉลามขาว นักวิทยศาสตร์จึงสามารถคาดคะเนขนาดและรูปร่างของเม็กกาโลดอนได้
ซากฟันของเม็กกาโลดอนที่รู้จักกันนั้น หลายชิ้นมาจากเนินฟันฉลาม (Shark Tooth Hill) ใกล้กับเบเกอร์สฟิลด์ แคลิฟอเนีย
ในยุคไมโอซีนพื้นที่ตรงนั้นจะปกคลุมไปด้วยมหาสมุทรและเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเล
บรรดานักวิทยศาสตร์ (และคนทั่วไป) สามารถมาขุดซากฟอสซิลจากเนินฟันฉลามที่ครอบครองโดยเอกชนได้
ฟันยังคงความแหลมคมอยู่แม้ว่าจะผ่านมาแล้วหลายล้านปี พวกมันสร้างบาดแผลที่ต้องเย็บหลายเข็มได้ง่ายๆ
ซากฟอสซิลของวาฬถูกพบว่าตกเป็นเหยื่อ โดยส่วนหัวหายไป เจ้าของเนินฟันฉลาม ฌอนและลิซ่าโทฮิล สงสัยมานานแล้วว่าเจ้าวาฬตัวนี้ถูกสังหารโดยเม็กกาโลดอนหรือไม่
เพื่อหาคำตอบว่าวาฬตัวนี้โดนเม็กกาโลดอนกินหรือเปล่า มิธบัสเตอร์สของดิสคัพเวอร์รี่ชาแนลจึงเริ่มสร้างเม็กกาโลดอนจำลองออกมาเพื่อทดสอบการกัดของมัน
โปรเจ็คแบบนี้เป็นการผสมผสานระหว่างวิทยศาสตร์และการคาดเดา เนื่องจากไม่มีซากฟอสซิลแบบสมบูรณ์ ทีมมิธบัสเตอร์สจึงต้องคำนวณจากซากฟันและรูปร่างของขากรรไกรของฉลามขาวเพื่อนำมาออกแบบขากรรไกรของเม็กกาโลดอน
เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลถ้าหากมันจะกินเหยื่อตัวใหญ่เข้าไปได้ เพราะขนาดของมันนั้นต้องการแคลอรี่จำนวนมากเพียงเพื่อให้เคลื่อนที่ไปได้เรื่อยๆ
แม้ว่าวาฬที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งก็คือวาฬน้ำเงิน จะยังมีขนาดใหญ่กว่าเม็กกาโลดอนส่วนใหญ่อยู่มาก แต่มันก็เป็นไปได้ว่าฉลามพันธุ์นี้สามารถสังหารเหยื่อที่ตัวใหญ่กว่ามันได้ นักวิทยาศาสตร์บางคนคิดว่าเจ้าฉลามล้มวาฬด้วยการกัดครีบให้ขาด บางคนจินตนาการว่าเม็กกาโลดอนอาจมีนิสัยในการล่าคล้ายกับฉลามขาวในยุคนี้ โดยฉลามยักษ์หลายตัวจะว่ายน้ำล้อมรอบ และกินสัตว์ตัวหนึ่งด้วยคำใหญ่ๆ
จิม ชาริตส์ วิศวกรผู้ตรวจสอบการสร้างขากรรไกรและฟันเม็กกาโลดอน ทำงานร่วมกับ ชัค เชียมมากลิโอ นักบรรพชีวินวิทยา แห่ง มหาวิทยาลัยไรต์สเตต และลูกศิษย์ของเขา ไมเคิล เทย์เลอร์ เพื่อออกแบบขากรรไกรให้เป็นไปตามหลักวิทยศาสตร์เท่าที่จะเป็นไปได้
นักวิทยาศาสตร์ยังได้ค้นพบกระดูกวาฬเป็นรอยครูด หรืออยู่ใกล้กับซากฟันของเม็กกาโลดอนมาก
ขากรรไกรที่ทีมมิธบัสเตอร์สได้สร้างขึ้นจะต้องกัดได้ด้วยแรงกด 20,000 ปอนด์ ฉลามขาวสมัยนี้มีแรงกัดเพียงแค่ไม่กี่ตันเท่านั้น
ทีมมิธบัสเตอร์สได้สร้างหุ่นจำลองด้วยวัสดุที่เลียนแบบกระดูกและเนื้อเยื่อของวาฬยักษ์ซึ่งพบที่เนินฟันฉลาม
ขากรรไกฉลามเครื่องจักรนี้กัดทะลุเข้าไปในเนื้อจำลอง
เม็กกาโลดอนกินปลาฉลามอื่นๆ ที่คล้ายกับหุ่นจำลองตัวเต็มของฉลามกระทิงตัวนี้
มันกัดถังเบียร์จนแตกอย่างรวดเร็ว
ขากรรไกรทรงพลังบดถังเบียร์เหล็กอัดแรงดัน
และถังไวน์นี่ด้วย
ขากรรไกรของมันกว้างกว่าโซฟาขนาดขนาดใหญ่สุด
มันยังบดเจ็ทสกีได้ด้วย
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ลองให้มันบดโต๊ะฟุตบอลดูก็แล้วกัน
ด้วยการใช้บล็อคโฟม ทีมชาร์กซิลล่าพบว่าเม็กกาดอนสามารถกัดได้ประมาณ 30 ลูกบาศก์ฟุต ซึ่งขนาดเกือบเท่าเนื้อประมาณ 2,000 ปอนด์
แรงกัดบนโฟมนั้นแรงมากจนทำให้ แกรนต์ อิมาฮารา ผู้ดำเนินรายการ ตกจากเวที
ถึงแม้จะเกือบแน่นอนแล้วว่ามันสูญพันธุ์ไปแล้วเกือบสองล้านปี่แล้ว ไม่ว่าดิสคัฟเวอร์รี่ชาแนลจะบอกว่ายังไงก็ตาม เราก็ยังเรียนรู้เรื่องเม็กกาโลดอนอยู่ตลอดเวลา ยกตัวอย่างเช่น เมื่อไม่นานมานี้ “เนอร์สเซอรี่” อายุสิบล้านปี ได้ถูกค้นพบตรงบริเวณชายฝั่งของปานามา ที่ซึ่งนักล่าที่น่ากลัวเคยเลี้ยงลูกตัวอ่อนของพวกมัน
ผลของการค้นพบครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าแม้แต่ลูกอ่อนของเม็กกาโลดอนยังขนาดยาวได้ถึง 35 ฟุต แม้แต่การคาดการณ์ขั้นต่ำของขนาดโตเต็มวัยของมัน (สีแดง) ก็ยังทำให้บรรดาฉลามวาฬ (สีม่วง) และฉลามขาว (สีเขียว) ดูตัวเล็กลงไปถนัดตา
แปลมาจาก:
http://www.livescience.com/40920-megalodon-got-too-big-extinction.html
http://www.businessinsider.com/scary-truth-about-megaladon-eating-whales-2013-8?op=1
ภาพจากวิดีโอ ของ Shark Week ชมวิดีโอเต็มได้ที่:
http://dsc.discovery.com/tv-shows/shark-week/videos/evidence-of-a-50-ton-megalodon.htm