เม็กกาโลดอน (Megalodon) นักล่าดึกดำบรรพ์แห่งห้วงมหาสมุทร: ความทรงพลังและการสูญพันธุ์

ปริศนาเม็กกาโลดอน  อะไรทำให้ฉลามที่ใหญ่ที่สุดในโลกสูญพันธุ์



ลอสแอนเจลิส – เม็กกาโลดอน  ฉลามขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยแหวกว่ายในท้องมหาสมุทร  อาจจะตัวโตเกินไปจนทำให้มีแนวโน้มที่จะสูญพันธุ์
งานวิจัยชิ้นใหม่ชี้ว่า  ด้วยสาเหตุที่ลึกลับบางประการ  แม้ว่าสมาชิกขนาดเล็กที่สุดและใหญ่ที่สุดของสายพันธุ์จะมีขนาดยาวเท่าๆกัน  อสูรกายแห่งท้องทะเลนี้ขยายใหญ่ขึ้นในช่วงเวลา  14  ล้านปี  จากนั้นพวกมันก็สูญพันธุ์ไปหมด
ผู้ร่วมวิจัยคาตาลีนา  พิเมียนโต  นักศึกษาปริญญาเอกสาขาชีววิทยา  ของมหาวิทยาลัยฟลอริด้า  และสถาบันวิจัยเขตร้อนสมิธโซเนียนในปานามากล่าวว่า  แม้ว่าจะไม่ชัดเจนนักว่าเหตุใดเจ้าสัตว์ยักษ์นี้ถึงตัวโตขึ้นเรื่อยๆในช่วงวิวัฒนาการ  แต่ขนาดใหญ่ของมันนั่นเองที่อาจทำให้มันเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากขึ้น  เธอนำเสนอผลงานวิจัยของเธอที่งานประชุมประจำปีของสมาคมสัตว์ดึกดำบรรพ์มีกระดูกสันหลัง  ปีที่  73

ยิ่งใหญ่ยิ่งดีจริงหรือ?

พีเมียนโตกล่าวว่า  เม็กกาโลดอนสามารถยาวได้ถึง  60  ฟุต (18  เมตร) และมีแรงกัดที่มีพละกำลังมากกว่าไทแรนโนซอรัส  เร็กซ์  มัจจุราแห่งท้องทะเลเหล่านี้ข่มขวัญท้องมหาสมุทรตั้งแต่ประมาณ  16  ถึง  2  ล้านปีที่แล้ว  แม้ว่านั่นดูเหมือนว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน  แต่ฉลามสายพันธุ์อื่นๆนั้นอยู่รอดมาแล้ว  50  ล้านปีหรือนานกว่านั้นโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญในแปลนรูปร่างของมัน

“สายพันธุ์นี้ไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างที่พวกเราคิด”  พิเมียนโตกล่าว  “ฉลามหลายชนิดที่มีชีวิตอยู่ในยุคของเม็กกาโลดอนยังคงมีอยู่ทุกวันนี้”



ประวัติศาสตร์อันสั้นของเม็กกาโลดอนทำให้พิเมียนโตตั้งคำถามว่าเป็นเพราะขนาดตัวของฉลามชนิดนี้หรือไม่ที่สงผลต่อความสำเร็จด้านการวิวัฒนาการของพวกมัน

“ขนาดตัวส่งผลกระทบแทบจะทุกแง่มุมของระบบนิเวศน์และชีววิทยาของสิ่งมีชีวิต”  พิเมียนโตบอกกับ LiveScience  “เมื่อมีสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่โตมากอย่างเม็กกาโลดอน  นั่นอาจจะดีมากหรือแย่มากก็ได้”

พิเมียนโตกล่าวว่า  บรรดาสัตว์ใหญ่จะสามารถกินอาหารได้หลากหลายกว่า  และเป็นนักล่าที่ดุร้ายกว่าเหล่าสหายแคระของพวกมัน  แต่เพราะว่าพวกมันกินสัตว์หลายชนิดกว่า  มันจึงมีการแข่งขันที่มากกว่าเช่นกันเพื่อจะแย่งชิงสัตว์เหล่านั้น  และระบบนิเวศสามารถรองรับความหนาแน่นของประชากรได้ต่ำลง  เนื่องจากพวกมันต้องการทรัพยากรมากกว่า  รวมถึงพื้นที่  เพื่อที่จะมีชีวิตรอด  เมื่ออาหารค่อยๆลดลง  สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ก็อาจต้องลำบากในการหาอาหารให้เพียงพอ

ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
พิเมียนโตได้ไปเยือนพิพิธภัณฑ์หลายแห่งรอบโลก  และวัดขนาดฟันของตัวอย่างเม็กกาโลดอน  ประมาณ  400  ตัว  จากการวัดนั้น  เธอได้คาดคะเนขนาดตัวในระยะสุดท้ายของมันก่อนที่จะสูญพันธุ์



เธอสรุปว่าในขณะที่ขนาดที่ใหญ่ที่สุดและเล็กที่สุดของสุดของเจ้าสัตว์ชนิดนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ  แต่กลับมีสัตว์ร้ายที่ขนาดใหญ่มากขึ้นในช่วงท้ายของวิวัฒนการของมัน

ยังคงไม่ชัดเจนนักว่าทำไมเจ้ายักษ์ร้ายถึงได้ขนาดใหญ่ขึ้น  แต่พิเมียนโตวางแผนที่จะดูข้อมูลทางด้านภูมิอากาศและข้อมูลของสายพันธุ์อื่นๆเพื่อค้นหาคำตอบ

“บางทีอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นกับการสืบพันธุ์และสภาพภูมิอากาศที่ทำให้เกิดรูปแบบเช่นนั้น  หรือกับเหยื่อ  และคู่แข่งของพวกมัน  ที่ทำให้สายพันธุ์นี้ใหญ่ขึ้น”  พิเมียนโตกล่าว

ไม่ว่าจะอย่างไร  การที่ตัวโตนั้นอาจทำให้พวกมันเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากขึ้น  แม้ว่าเขี้ยวยักษ์จะสูญพันธุ์ไปแล้ว  แต่สายพันธุ์ที่ใกล้เคียงกับมัน  อย่างฉลามขาว  ก็ยังข่มขวัญท้องทะเลอยู่ตราบจนทุกวันนี้

“การเพิ่มขนาดในสายพันธุ์เม็กกาโลดอนที่อาจเป็นไปได้ในช่วงธรณีกาลนั้นจำเป็นจะต้องทดสอบต่อไป  โดยการพิจารณาเม็กกาโลดอนที่รวบรวมจากทั่วโลก  แต่ไอเดียนี้ก็สำคัญที่จะเข้าใจในการเจริญและสูญพันธุ์ของนักล่าสายพันธุ์สูงสุด  ซึ่งจะต้องมีผลกระทบที่สำคัญต่อระบบนิเวศของมหาสมุทร”  เคนชู  ชิมาดะ  นักโบราณชีววิทยา  ของมหาวิทยาลัยเดอโปลในชิคาโก  ผู้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานวิจัยครั้งนี้กล่าว


ฉลามยักษ์ดึกดำบรรพ์ขนาด 60 ฟุตฉีกเนื้อเหล่าวาฬยักษ์ได้อย่างไร
ความน่ากลัวของเม็กกาโลดอน  นักล่าวาฬ

ด้วยลำตัวที่ยาวมากกว่า 60 ฟุต  เม็กกาโลดอน  (ซึ่งแปลว่า  “เขี้ยวยักษ์”)  คือสุดยอดนักล่าในมหาสมุทรจนกระทั่งพวกมันสูญพันธุ์ไปเมื่อสองล้านปีก่อน



พวกมันตัวใหญ่กว่าไทแรนโนซอรัส เร็กซ์มาก  เม็กกาโลดอนนั้นหนักมากถึง  100  ตัน  ในขณะที่ทีเร็กซ์หนักเพียง  9  ตันเท่านั้น



ความจริงแล้วทีเร็กซ์อาจกลายเป็นของว่างจานด่วนสำหรับเม็กกาโลดอนเลยก็ว่าได้  หัวของมันนั้นเข้าไปในปากฉลามขนาดมหึมาได้อย่างสบายๆ



โครงกระดูกของฉลามนั้นเป็นกระดูกอ่อนแทบจะทั้งหมด  ฉะนั้นซากทั้งหมดที่เหลืออยู่ของเม็กกาโลดอนจึงเป็นกระดูกขนาดเท่าจานเพียงไม่กี่ชิ้นจากกระดูกสันหลังของมัน  และฟันที่แหลมคมมากยาวเจ็ดนิ้ว



จากซากฟอสซิลพวกนี้และสายพันธุ์ที่ใกล้กันอย่างฉลามขาว  นักวิทยศาสตร์จึงสามารถคาดคะเนขนาดและรูปร่างของเม็กกาโลดอนได้



ซากฟันของเม็กกาโลดอนที่รู้จักกันนั้น  หลายชิ้นมาจากเนินฟันฉลาม (Shark Tooth Hill)  ใกล้กับเบเกอร์สฟิลด์  แคลิฟอเนีย



ในยุคไมโอซีนพื้นที่ตรงนั้นจะปกคลุมไปด้วยมหาสมุทรและเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเล



บรรดานักวิทยศาสตร์ (และคนทั่วไป) สามารถมาขุดซากฟอสซิลจากเนินฟันฉลามที่ครอบครองโดยเอกชนได้



ฟันยังคงความแหลมคมอยู่แม้ว่าจะผ่านมาแล้วหลายล้านปี  พวกมันสร้างบาดแผลที่ต้องเย็บหลายเข็มได้ง่ายๆ



ซากฟอสซิลของวาฬถูกพบว่าตกเป็นเหยื่อ  โดยส่วนหัวหายไป  เจ้าของเนินฟันฉลาม  ฌอนและลิซ่าโทฮิล  สงสัยมานานแล้วว่าเจ้าวาฬตัวนี้ถูกสังหารโดยเม็กกาโลดอนหรือไม่



เพื่อหาคำตอบว่าวาฬตัวนี้โดนเม็กกาโลดอนกินหรือเปล่า  มิธบัสเตอร์สของดิสคัพเวอร์รี่ชาแนลจึงเริ่มสร้างเม็กกาโลดอนจำลองออกมาเพื่อทดสอบการกัดของมัน



โปรเจ็คแบบนี้เป็นการผสมผสานระหว่างวิทยศาสตร์และการคาดเดา  เนื่องจากไม่มีซากฟอสซิลแบบสมบูรณ์  ทีมมิธบัสเตอร์สจึงต้องคำนวณจากซากฟันและรูปร่างของขากรรไกรของฉลามขาวเพื่อนำมาออกแบบขากรรไกรของเม็กกาโลดอน



เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลถ้าหากมันจะกินเหยื่อตัวใหญ่เข้าไปได้  เพราะขนาดของมันนั้นต้องการแคลอรี่จำนวนมากเพียงเพื่อให้เคลื่อนที่ไปได้เรื่อยๆ



แม้ว่าวาฬที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน  ซึ่งก็คือวาฬน้ำเงิน  จะยังมีขนาดใหญ่กว่าเม็กกาโลดอนส่วนใหญ่อยู่มาก  แต่มันก็เป็นไปได้ว่าฉลามพันธุ์นี้สามารถสังหารเหยื่อที่ตัวใหญ่กว่ามันได้  นักวิทยาศาสตร์บางคนคิดว่าเจ้าฉลามล้มวาฬด้วยการกัดครีบให้ขาด  บางคนจินตนาการว่าเม็กกาโลดอนอาจมีนิสัยในการล่าคล้ายกับฉลามขาวในยุคนี้  โดยฉลามยักษ์หลายตัวจะว่ายน้ำล้อมรอบ  และกินสัตว์ตัวหนึ่งด้วยคำใหญ่ๆ



จิม  ชาริตส์  วิศวกรผู้ตรวจสอบการสร้างขากรรไกรและฟันเม็กกาโลดอน  ทำงานร่วมกับ  ชัค  เชียมมากลิโอ  นักบรรพชีวินวิทยา  แห่ง  มหาวิทยาลัยไรต์สเตต  และลูกศิษย์ของเขา  ไมเคิล  เทย์เลอร์  เพื่อออกแบบขากรรไกรให้เป็นไปตามหลักวิทยศาสตร์เท่าที่จะเป็นไปได้



นักวิทยาศาสตร์ยังได้ค้นพบกระดูกวาฬเป็นรอยครูด  หรืออยู่ใกล้กับซากฟันของเม็กกาโลดอนมาก



ขากรรไกรที่ทีมมิธบัสเตอร์สได้สร้างขึ้นจะต้องกัดได้ด้วยแรงกด 20,000 ปอนด์  ฉลามขาวสมัยนี้มีแรงกัดเพียงแค่ไม่กี่ตันเท่านั้น



ทีมมิธบัสเตอร์สได้สร้างหุ่นจำลองด้วยวัสดุที่เลียนแบบกระดูกและเนื้อเยื่อของวาฬยักษ์ซึ่งพบที่เนินฟันฉลาม



ขากรรไกฉลามเครื่องจักรนี้กัดทะลุเข้าไปในเนื้อจำลอง



เม็กกาโลดอนกินปลาฉลามอื่นๆ ที่คล้ายกับหุ่นจำลองตัวเต็มของฉลามกระทิงตัวนี้



มันกัดถังเบียร์จนแตกอย่างรวดเร็ว



ขากรรไกรทรงพลังบดถังเบียร์เหล็กอัดแรงดัน



และถังไวน์นี่ด้วย



ขากรรไกรของมันกว้างกว่าโซฟาขนาดขนาดใหญ่สุด



มันยังบดเจ็ทสกีได้ด้วย



ไหนๆก็ไหนๆแล้ว  ลองให้มันบดโต๊ะฟุตบอลดูก็แล้วกัน



ด้วยการใช้บล็อคโฟม  ทีมชาร์กซิลล่าพบว่าเม็กกาดอนสามารถกัดได้ประมาณ  30  ลูกบาศก์ฟุต  ซึ่งขนาดเกือบเท่าเนื้อประมาณ  2,000  ปอนด์



แรงกัดบนโฟมนั้นแรงมากจนทำให้  แกรนต์  อิมาฮารา  ผู้ดำเนินรายการ  ตกจากเวที



ถึงแม้จะเกือบแน่นอนแล้วว่ามันสูญพันธุ์ไปแล้วเกือบสองล้านปี่แล้ว  ไม่ว่าดิสคัฟเวอร์รี่ชาแนลจะบอกว่ายังไงก็ตาม  เราก็ยังเรียนรู้เรื่องเม็กกาโลดอนอยู่ตลอดเวลา  ยกตัวอย่างเช่น  เมื่อไม่นานมานี้  “เนอร์สเซอรี่”  อายุสิบล้านปี  ได้ถูกค้นพบตรงบริเวณชายฝั่งของปานามา  ที่ซึ่งนักล่าที่น่ากลัวเคยเลี้ยงลูกตัวอ่อนของพวกมัน



ผลของการค้นพบครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าแม้แต่ลูกอ่อนของเม็กกาโลดอนยังขนาดยาวได้ถึง  35  ฟุต  แม้แต่การคาดการณ์ขั้นต่ำของขนาดโตเต็มวัยของมัน (สีแดง) ก็ยังทำให้บรรดาฉลามวาฬ (สีม่วง)  และฉลามขาว (สีเขียว) ดูตัวเล็กลงไปถนัดตา



แปลมาจาก:
http://www.livescience.com/40920-megalodon-got-too-big-extinction.html
http://www.businessinsider.com/scary-truth-about-megaladon-eating-whales-2013-8?op=1

ภาพจากวิดีโอ ของ Shark Week ชมวิดีโอเต็มได้ที่:
http://dsc.discovery.com/tv-shows/shark-week/videos/evidence-of-a-50-ton-megalodon.htm
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่