ในความเข้าใจของเรา
การชุมนุมครั้งนี้เริ่มต้นด้วยการคัดค้านไม่เห็นด้วยกับ พรบ.นิรโทษกรรม
** ซึ่งเราเห็นด้วยกับการคัดค้านครั้งนี้ และทำให้เราเห็นการชุมนุมในรูปแบบที่ไม่ค่อยจะก่อความวุ่นวายแก่สถานที่หรือบุคคลรอบข้าง
ในความหมายคือ นัดเวลาชัดเจน ร่วมแสดงเจตจำนงค์ชัดเจน ถึงเวลาก็แยกย้ายกัน
เราเห็นเรายังดีใจนะ แบบ เออเว้ยย คนไทยสามัคคีกันดีนะ ถ้ารวมกันทำเรื่องดี ๆ มันก็โอเคนี่นา
แต่ ณ ปัจจุบันนี้ เรากลับรู้สึกว่า คุณสุเทพต้องการให้จบแบบไหนกันแน่ ไม่สามารถเดาบทสรุปหรือความพอใจของการชุมนุมครั้งนี้ได้เลย
ที่สำคัญการชุมนุม ณ ตอนนี้ยิ่งก่อให้เกิดความแตกแยกหรือไม่ เหมือนเป็นการบังคับกลาย ๆ ว่าให้ประชาชนเลือกข้างไปเลย
ใครไม่ไปเข้าร่วมชุมนุม แปลว่า"ไม่รักชาติ" คนที่ไม่เลือกข้างเรียกว่า "ไทยเฉย"
แล้วคุณสุเทพทำไมไม่บอกความต้องการที่แท้จริงไปเลย ให้ ผู้ร่วมชุมนุมของคุณรู้จุดประสงค์หลัก ของการเดินหน้าต่อต้านรัฐบาลครั้งนี้
ว่า คุณอยากบริหารประเทศเอง หรือ คุณอยากเลือกผู้ที่จะมาบริหารประเทศเอง หรืออะไรยังไง
เราว่าตอนนี้มันเป็นการฉกฉวยโอกาส เป็นช่วงตักตวงของคุณสุเทพเลยหล่ะ อาศัยความเชื่อใจ ความเชื่อมั่นของประชาชน
เราเคยฟังคุณสุเทพพูดครั้งนึง ซึ่งกล่าวประมาณว่า "พรุ่งนี้เราจะไปให้มันฆ่า" อะไรทำนองนี้แหละ
เราเลยรู้สึกว่า คุณเป็นแกนนำ คุณควรจะอยู่ด้านหน้าสุด และปกป้องประชาชนที่ทุ่มเทให้คุณนะคะ
สุดท้ายนี้ แค่อยากให้ถามตัวเองบ้างว่า
- ที่ได้ตัดสินใจกระทำลงไปแล้วนั้น ไม่ถือว่ารุนแรงเกินไป ใช่หรือไม่
- ชีวิตนักศึกษา และ ประชาชนคนไทย ต้องพร้อมเสียสละ ใช่หรือไม่
- ยังควบคุมสถานการณ์ได้ ใช่หรือไม่
- ท่านทั้งหลายมีความรักพี่น้องร่วมชาติ ใช่หรือไม่
- ท่านรับรู้ทุกการกระทำว่าท่านไม่ได้ตกเป็นเครื่องมือของใคร ใช่หรือไม่
- ท่านทั้งหลายต้องการฆ่ากันให้ตายไปข้างนึง ใช่หรือไม่
เราต่างมีความเห็นคนละอย่าง ความต้องการคนละอย่าง ที่ไม่สามารถหาทางออกให้แก่ประเทศไทยได้ดีกว่านี้อีกแล้ว...ใช่หรือไม่
ทุกคนต่างมีครอบครัวและคนที่รักรออยู่ ...
เหตุใดต้องเข่นฆ่าหรือกระทำรุนแรงต่อกันเช่นนี้
ถ้าใครจะผิด คงเป็นความโลภในใจมนุษย์ก็เท่านั้น
โลภในเงิน และโลภในอำนาจ
ปล.ในฐานะ คนๆนึงที่อายุ 23 ปีและไม่เคยเสพข่าวการเมืองเลย เราอาจจะคิดผิด เข้าใจผิด มองประเด็นผิด
ความต้องการเราแค่อยากให้คนไทยมองหลาย ๆ มุม มองข้ามอคติในใจ ถ้าเราเลือกที่จะรับฟังมากขึ้น แล้วเปิดใจให้มากขึ้น
มันคงมีทางออกที่ดีกว่านี้
:: สงสัยว่าการชุมนุมครั้งนี้จะจบลงอย่างไร ::
การชุมนุมครั้งนี้เริ่มต้นด้วยการคัดค้านไม่เห็นด้วยกับ พรบ.นิรโทษกรรม
** ซึ่งเราเห็นด้วยกับการคัดค้านครั้งนี้ และทำให้เราเห็นการชุมนุมในรูปแบบที่ไม่ค่อยจะก่อความวุ่นวายแก่สถานที่หรือบุคคลรอบข้าง
ในความหมายคือ นัดเวลาชัดเจน ร่วมแสดงเจตจำนงค์ชัดเจน ถึงเวลาก็แยกย้ายกัน
เราเห็นเรายังดีใจนะ แบบ เออเว้ยย คนไทยสามัคคีกันดีนะ ถ้ารวมกันทำเรื่องดี ๆ มันก็โอเคนี่นา
แต่ ณ ปัจจุบันนี้ เรากลับรู้สึกว่า คุณสุเทพต้องการให้จบแบบไหนกันแน่ ไม่สามารถเดาบทสรุปหรือความพอใจของการชุมนุมครั้งนี้ได้เลย
ที่สำคัญการชุมนุม ณ ตอนนี้ยิ่งก่อให้เกิดความแตกแยกหรือไม่ เหมือนเป็นการบังคับกลาย ๆ ว่าให้ประชาชนเลือกข้างไปเลย
ใครไม่ไปเข้าร่วมชุมนุม แปลว่า"ไม่รักชาติ" คนที่ไม่เลือกข้างเรียกว่า "ไทยเฉย"
แล้วคุณสุเทพทำไมไม่บอกความต้องการที่แท้จริงไปเลย ให้ ผู้ร่วมชุมนุมของคุณรู้จุดประสงค์หลัก ของการเดินหน้าต่อต้านรัฐบาลครั้งนี้
ว่า คุณอยากบริหารประเทศเอง หรือ คุณอยากเลือกผู้ที่จะมาบริหารประเทศเอง หรืออะไรยังไง
เราว่าตอนนี้มันเป็นการฉกฉวยโอกาส เป็นช่วงตักตวงของคุณสุเทพเลยหล่ะ อาศัยความเชื่อใจ ความเชื่อมั่นของประชาชน
เราเคยฟังคุณสุเทพพูดครั้งนึง ซึ่งกล่าวประมาณว่า "พรุ่งนี้เราจะไปให้มันฆ่า" อะไรทำนองนี้แหละ
เราเลยรู้สึกว่า คุณเป็นแกนนำ คุณควรจะอยู่ด้านหน้าสุด และปกป้องประชาชนที่ทุ่มเทให้คุณนะคะ
สุดท้ายนี้ แค่อยากให้ถามตัวเองบ้างว่า
- ที่ได้ตัดสินใจกระทำลงไปแล้วนั้น ไม่ถือว่ารุนแรงเกินไป ใช่หรือไม่
- ชีวิตนักศึกษา และ ประชาชนคนไทย ต้องพร้อมเสียสละ ใช่หรือไม่
- ยังควบคุมสถานการณ์ได้ ใช่หรือไม่
- ท่านทั้งหลายมีความรักพี่น้องร่วมชาติ ใช่หรือไม่
- ท่านรับรู้ทุกการกระทำว่าท่านไม่ได้ตกเป็นเครื่องมือของใคร ใช่หรือไม่
- ท่านทั้งหลายต้องการฆ่ากันให้ตายไปข้างนึง ใช่หรือไม่
เราต่างมีความเห็นคนละอย่าง ความต้องการคนละอย่าง ที่ไม่สามารถหาทางออกให้แก่ประเทศไทยได้ดีกว่านี้อีกแล้ว...ใช่หรือไม่
ทุกคนต่างมีครอบครัวและคนที่รักรออยู่ ...
เหตุใดต้องเข่นฆ่าหรือกระทำรุนแรงต่อกันเช่นนี้
ถ้าใครจะผิด คงเป็นความโลภในใจมนุษย์ก็เท่านั้น
โลภในเงิน และโลภในอำนาจ
ปล.ในฐานะ คนๆนึงที่อายุ 23 ปีและไม่เคยเสพข่าวการเมืองเลย เราอาจจะคิดผิด เข้าใจผิด มองประเด็นผิด
ความต้องการเราแค่อยากให้คนไทยมองหลาย ๆ มุม มองข้ามอคติในใจ ถ้าเราเลือกที่จะรับฟังมากขึ้น แล้วเปิดใจให้มากขึ้น
มันคงมีทางออกที่ดีกว่านี้