คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
เป็นเด็กต่างจังหวัดครับ
ช่วงประถมตามอ่านผลบอลจากหน้าข่าวกีฬาไทยรัฐกับบ้านเมืองตามร้านกาแฟ เพราะที่บ้านไม่รับหนังสือพิมพ์
ตื่นเต้นสุดขีดเมื่อได้ดูเทป FA Cup รอบชิงปี 1974 (แต่ได้ดูในปี 1975 / พ.ศ.2518) ระหว่าง ลิเวอร์พูลกับนิวคาสเซิล
เห็น เควิน คีแกน ยิง 2 ประตู โกล์นิวคาสเซิลเซฟเป็นลิง มัลคอร์ม แม็กโดนัลด์ ศูนย์หน้าผู้โด่งดังของสาลิกาดง
ไปไหนไม่รอดแทบไม่ได้ยิงเลยทั้งเกมส์เมื่อเจอกับแผงหลังหงส์แดง
หลังจากนั้นได้ดูถ่ายทอดสดฟุตบอลต่างประเทศครั้งแรกในชีวิตก็คือ FA Cup รอบชิงปี 1979
นัดชิงในตำนานที่ตื่นเต้นระทึกใจจนถึงนาทีสุดท้าย
เป็นนัดที่ทำให้ แมน ยู ได้แฟนบอลมากขึ้นเพราะความใจสู้จนถึงวินาทีสุดท้าย
และเป็นนัดชิงของซ้ายฟ้าสั่ง เลียม เบรดี้ สุดยอดมิดฟิลด์ของเดอะกันเนอร์อย่างแท้จริง
ส่วนฟุตบอลโลกครั้งแรกที่ถ่ายทอดสดคือปี 1982
แต่ไม่แน่ใจว่าถ่ายกี่นัด
นัดเปิดสนามกับนัดชิงจำได้ว่านั่งดูอยู่แน่ๆ
ปีนี้แหละที่ได้เห็นลีลาจอมทัพของ พลาตินี่ สุดยอดคิลเลอร์พาส
ได้เห็น มาราโดน่า เด็กดื้อที่โตแต่ตัวสมองยังไม่มา
ได้เห็นทีมชาติอังกฤษชุดที่ดีที่สุด แต่ไร้วาสนาเหลือเกิน
ได้เห็นทีมชาติบราซิลชุดที่พรสวรรค์ล้นทีม (ยกเว้นศูนย์หน้ากับผู้รักษาประตู) แต่ก็ไร้วาสนาเช่นเดียวกับอังกฤษ
และที่สุดแล้ว World Cup 1982 ก็คือทัวร์นาเมนท์ของ เปาโล รอสซี่ ตำนาน 5 หลาผู้เป็นไอดอลของ ฟิลิปโป้ อินซากี้ นั่นเอง
บอลยูโร 84 คือปีแรกที่ได้ดูเทปจนเต็มอิ่ม
แต่ไม่แน่ใจว่ามีถ่ายทอดสดรึเปล่า
ส่วนที่ถ่ายทอดสดชัวร์ๆ คือ ยูโร 88
ยูโรที่อัศวินสีส้มกับสามทหารเสือเท่านั้นที่เป็นพระเอกของงาน
รายงานผลข่าวกีฬาในไทยมันมีมานานแล้ว (คงตั้งแต่หนังสือพิมพ์มีหน้ากีฬาโน่นล่ะ)
ส่วนในทีวีมาเริ่มบูมช่วงยุค 80 เป็นต้นมา
ก็คงเพราะความทันสมัยที่มากขึ้นของเครื่องไม้เครื่องมือในการส่งข่าวส่งภาพ
ขุดความจำมาตอบกระทู้ได้ประมาณนี้ล่ะครับ
ช่วงประถมตามอ่านผลบอลจากหน้าข่าวกีฬาไทยรัฐกับบ้านเมืองตามร้านกาแฟ เพราะที่บ้านไม่รับหนังสือพิมพ์
ตื่นเต้นสุดขีดเมื่อได้ดูเทป FA Cup รอบชิงปี 1974 (แต่ได้ดูในปี 1975 / พ.ศ.2518) ระหว่าง ลิเวอร์พูลกับนิวคาสเซิล
เห็น เควิน คีแกน ยิง 2 ประตู โกล์นิวคาสเซิลเซฟเป็นลิง มัลคอร์ม แม็กโดนัลด์ ศูนย์หน้าผู้โด่งดังของสาลิกาดง
ไปไหนไม่รอดแทบไม่ได้ยิงเลยทั้งเกมส์เมื่อเจอกับแผงหลังหงส์แดง
หลังจากนั้นได้ดูถ่ายทอดสดฟุตบอลต่างประเทศครั้งแรกในชีวิตก็คือ FA Cup รอบชิงปี 1979
นัดชิงในตำนานที่ตื่นเต้นระทึกใจจนถึงนาทีสุดท้าย
เป็นนัดที่ทำให้ แมน ยู ได้แฟนบอลมากขึ้นเพราะความใจสู้จนถึงวินาทีสุดท้าย
และเป็นนัดชิงของซ้ายฟ้าสั่ง เลียม เบรดี้ สุดยอดมิดฟิลด์ของเดอะกันเนอร์อย่างแท้จริง
ส่วนฟุตบอลโลกครั้งแรกที่ถ่ายทอดสดคือปี 1982
แต่ไม่แน่ใจว่าถ่ายกี่นัด
นัดเปิดสนามกับนัดชิงจำได้ว่านั่งดูอยู่แน่ๆ
ปีนี้แหละที่ได้เห็นลีลาจอมทัพของ พลาตินี่ สุดยอดคิลเลอร์พาส
ได้เห็น มาราโดน่า เด็กดื้อที่โตแต่ตัวสมองยังไม่มา
ได้เห็นทีมชาติอังกฤษชุดที่ดีที่สุด แต่ไร้วาสนาเหลือเกิน
ได้เห็นทีมชาติบราซิลชุดที่พรสวรรค์ล้นทีม (ยกเว้นศูนย์หน้ากับผู้รักษาประตู) แต่ก็ไร้วาสนาเช่นเดียวกับอังกฤษ
และที่สุดแล้ว World Cup 1982 ก็คือทัวร์นาเมนท์ของ เปาโล รอสซี่ ตำนาน 5 หลาผู้เป็นไอดอลของ ฟิลิปโป้ อินซากี้ นั่นเอง
บอลยูโร 84 คือปีแรกที่ได้ดูเทปจนเต็มอิ่ม
แต่ไม่แน่ใจว่ามีถ่ายทอดสดรึเปล่า
ส่วนที่ถ่ายทอดสดชัวร์ๆ คือ ยูโร 88
ยูโรที่อัศวินสีส้มกับสามทหารเสือเท่านั้นที่เป็นพระเอกของงาน
รายงานผลข่าวกีฬาในไทยมันมีมานานแล้ว (คงตั้งแต่หนังสือพิมพ์มีหน้ากีฬาโน่นล่ะ)
ส่วนในทีวีมาเริ่มบูมช่วงยุค 80 เป็นต้นมา
ก็คงเพราะความทันสมัยที่มากขึ้นของเครื่องไม้เครื่องมือในการส่งข่าวส่งภาพ
ขุดความจำมาตอบกระทู้ได้ประมาณนี้ล่ะครับ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 28
ก่อนปี 1970 คนไทยกับฟุตบอลระดับโลกนี่ต้องคนรักจริงๆ ถึงจะตามดู ตามลุ้นผลการแข่งขัน....
ที่ตามดู ก็จะเป็นจากรายการ " ฟุตบอลดารา สตาร์ซ็อคเกอร์ " ที่จะเป็นเทปฟุตบอลดิวิชั่น 1 อังกฤษมาฉายช่วงบ่ายแก่ๆวันเสาร์
ที่ตามลุ้นผล ก็ตามอ่านกันเอาตามหน้ากีฬาของหนังสือพิมพ์รายวันบางฉบับ หลังเกมจบลงไปแล้วเกือบอาทิตย์
คนบ้าบอลพวกนั้นล่ะครับ ที่จะรู้จักฝีเท้าของ จอร์จ เบสต์ , น็อบบี้ สไตล์ , โรเจอร์ ฮั๊นท์ , จิมมี่ กรีฟฟ์ , บ็อบบี้ มัวร์ , พี่น้องชาร์ลตั้น ฯลฯ...

ส่วน ฟุตบอลโลกนั้น
หลังฟุตบอลโลกปี 1966 จบไปเป็นปีแล้ว ก็จะมีการนำเอาฟิลม์ภาพยนตร์บันทึกการแข่งขันมาฉายเก็บตังค์ในโรงหนัง
ต้องคนที่ตีตั๋วเข้าไปดูในจอใหญ่นั่นล่ะครับ ถึงจะได้เห็นฝีเท้าของ เจฟฟ์ เฮิร์ส , บ็อบบี้ ชาร์ลตั้น , อูเว่ เซเลอร์ , เฮลมุต ฮัลเลอร์
และขุนพลลือนามอีกมากมายในฟุตบอลโลกที่อังกฤษหนนั้น...

หลังจากวันนั้น คนดูบอลในเมืองไทยต่างตื่นเต้นเฝ้ารอคอยการมาถึงของฟุตบอลโลกที่เม็กซิโก 1970
เพราะจะเป็นครั้งแรก ที่จะได้เห็นฝีเท้าของนักฟุตบอลเอกในตำนานผ่านทางโทรทัศน์สี !!!
ซึ่ง มีการถ่ายทอดสดเกมในนัดชิงชนะเลิศเพื่อการชิงกรรมสิทธิ์ในถ้วยทองคำจูลส์ ริเมต์
ระหว่างแชมป์ 2 สมัย ....บราซิล และ อิตาลี่
ในนัดชิงชนะเลิศหนนั้น ทำให้คนไทยได้เห็นลีลาของ ......เปเล่ , ทอสเทา , แจร์ซินโญ่ , ริเวริโน่ , ลุยจิ ริว่า , เจียนนี่ ริเวร่า , โบนิงเซ็งญ่าฯลฯ
กันเต็มตาแบบสีธรรมชาติ...

หลังจากนั้น วงการฟุตบอลระดับโลกในเมืองไทยก็เริ่มเป็นที่นิยมสูงมากขึ้น
ตามหน้ากีฬาของหนังสือพิมพ์รายวันมีการรายงานผลการแข่งขันฟุตบอลกันมากยื่งขึ้น
จนฟุตบอลโลกปี 1974 ที่เยอรมันตะวันตกเป็นเจ้าภาพมาถึง
แฟนฟุตบอลในเมืองไทย ได้ติดตามอ่านเรื่องราวเบื้องหน้าเบื้องหลังของการแข่งขันในทัวร์นาเม๊นต์นั้นได้ละเอียดยิ่งขึ้น
จากหน้ากีฬาของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และ บ้านเมือง ที่มีการเปิดคอลัมน์เกี่ยวกับฟุตบอลโลกหนนั้นโดยเฉพาะขึ้นมา
และในนัดชิงชนะเลิศระหว่าง เยอรมันตะวันตกเจ้าภาพ และ ทีม " อัศวินสีส้ม "ฮอลแลนด์
แฟนๆฟุตบอลในเมืองไทยก็ได้ร่วมเป็นสักขีพยานการชิงถ้วยใบใหม่ " ฟีฟ่าเวิล์ดคัพ " กันอย่างสดๆกลางดึก
แฟนฟุตบอลในวันเวลานั้น ได้เห็นการกระชากบอลราวกับจรวดทางเรียบของ โยฮัน ครอยฟ์
ที่พุ่งเข้าไปในกรอบเขตโทษของเจ้าภาพตั้งแต่นาทีแรกของเกม
และได้เห็นการเข้าบอลที่ทะเล่อทะล่าของ อูลี่ เฮอเนส ที่เสียบ ครอยฟ์ จนล้มกลิ้งลงไปต่อหน้าต่อตาของ แจ็ค เทย์เลอร์ กรรมการชาวอังกฤษ
ได้เห็น โยฮัน นีสเก้นส์ ก้าวอาดๆเข้ามากดจุดโทษ ที่ทั้งแรง ทั้งตรง พุ่งเข้ากลางโกล์ผ่าน เซปป์ ไมเอร์ เข้าประตูไป
แต่ท้ายที่สุด แฟนๆฟุตบอลโลกชาวไทยก็ได้เห็น ฟร๊านซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ กับตันทีมอินทรีเหล็กชูถ้วยใบใหม่ขึ้นสู้ท้องฟ้าของมิวนิค...

เมื่อจบฟุตบอลโลก 1974 วงการฟุตบอลอินเตอร์เมืองไทยก็คึกคัก
นอกจากรายการ " ฟุตบอลดาราสตาร์ซ็อคเกอร์ " เจ้าประจำแล้ว ยังเริ่มมีการถ่ายทอดสดฟุตบอลเอฟเอคัพนัดชิงชนะเลิศเพิ่มขึ้นมาด้วย
นอกจากนั้น ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรยุโรปถ้วยใหญ่หูกาง ก็เริ่มมีการถ่ายทอดสดในนัดชิงชนะเลิศมาให้คนไทยได้ดูกัน
ส่วนทางสื่อหนังสือนั้น คุณ ระวิ โหลทอง ดึงนักข่าวรุ่นใหม่ไฟแรงที่มีหัวใจรักฟุตบอลอย่าง ย.โย่ง , ยอดทอง , เตยหอม ฯลฯ
มาร่วมเป็นทีมงาน สร้างสรรหนังสือฟุตบอลต่างประเทศภาษาไทยออกมาขาย
จากจุดนั้น ชื่อของนิตยสารรายสะดวก " สตาร์ซ็อคเกอร์ " จึงถือกำเนิดขึ้นมา
ฟุตบอลระดับโลก และ แฟนฟุตบอลไทย จึงขยับเข้าใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ....

ช่วงฟุตบอลโลกที่อาร์เจนติน่าปี 1978 แฟนฟุตบอลชาวไทยเฝ้ารอคอยติดตามข่าวสารกันอย่างมากมาย
หนังสือพิมพ์รายวัน สละหน้ากระดาษวิเคาระห์ความอ่อนแข็ง ของ 16 ทีมที่เข้าร่วมศึกอย่างละเอียด
คุณระวิ เจ้าของหนังสือ สตาร์ซ็อคเกอร์ ถึงกับส่ง ยอดทอง บินข้ามทวีปไปเขียนบรรยากาศของฟุตบอลโลกที่อาร์เจนติน่า
กลับมาลงเป็นคอลัมน์พิเศษหลายตอนจบ จนคนอ่านติดกันงอมแงม...
มีการถ่ายทอดสด เกมในนัดเปิดสนาม และ นัดชิงชนะเลิศ และ มีเทปการแข่งขันของคู่ในแต่ล่ะวันมาออกอากาศในวันต่อมา
แฟนฟุตบอลไทยในเวลานั้น ยังคงจำภาพลูกปากระดาษขาวโพลนเต็มพื้นสนามริเวอร์เพลต
เพื่อฉลองชัยการคว้าแชมป์โลกสมัยแรกของทีมฟ้าขาวได้เป็นอย่างดี....

ช่วงต่อมา แฟนฟุตบอลไทยมีสื่อครบทั้ง.... หนังสือพิมพ์รายวัน , นิตยสารฟุตบอล , รายการเทปฟุตบอลอังกฤษ - เยอรมันทางทีวี
แถมยังมี......วิทยุคลื่นสั้นจูนหาการถ่ายทอดสดฟุตบอลดิวิชั่น 1 ของอังกฤษจาก BBC อีกด้วย
ทำให้แฟนฟุตบอลไทยในวงกว้างรู้จัก...ลิเวอร์พูล , อาร์เซน่อล , ฟอเรสต์ , อิปสวิช , บาร์เยิร์น มิวนิค , โคโลญจน์ , สตุ๊ตการ์ต
และนักเตะดังๆเช่น ....เควิน คีแกน , เทอร์เวอร์ ฟรานซิส , โจ จอร์แดน , ไรเนอร์ บอนฮอฟ , พอล ไบร์ทเนอร์ , รุมเมนิกเก้ เป็นอย่างดี..


ฟุตบอลโลกที่สเปนปี 1982 นั้น
นิตยสารสตาร์ซ็อคเกอร์ ออกฉบับพิเศษเกี่ยวกับฟุตบอลโลกมา 52 เล่ม เพื่อเจาะลึกเบื้องหน้าเบื้องหลังของการแข่งขัน
ฟรีทีวียังคงมีการถ่ายทอดสด นัดเปิดสนาม , นัดชิงชนะเลิศ เช่นเดิม แต่เพิ่ม การถ่ายทอดสดในรอบรองชนะเลิศขึ้นมา
ส่วนเทปแต่ล่ะวันมีครบถ้วนทั้งทัวร์นาเม๊นต์
คนไทยได้เห็นความยอดเยี่ยมในฝีเท้าของทีมแซมบ้าบราซิล 82 ที่ถือกันว่าเป็น " ราชันที่ไร้บัลลังก์ "
เพราะโดนทีเด็ดของ เปาโล รอสซี่ และ พลพรรคอัซซูรี่ เขี่ยพ้นทัวร์นาเม๊นต์ในสเปนไปอย่างล็อคถล่ม
และยังได้เห็น เกมดวลเดือดในรอบรองชนะเลิศระหว่าง เยอรมันตะวันตก กับ ฝรั่งเศสที่สู้กันมาราทอนเต็มเหยียด 120 นาที
จนต้องมาตัดสินกันด้วยการดวลลูกโทษที่จุดโทษอย่างสุดระทึก
แถมยังได้ต้อนรับการกลับเข้าร่วมฟุตบอลโลกอีกครั้ง หลังจากห่างหายหน้าไป 2 ทัวร์นาเม๊นต์ของทีมสิงโตคำรามอังกฤษ
ที่เป็นทีมขวัญใจของแฟนๆฟุตบอลในเมืองไทย...

หลังฟุตบอลโลกปี 1982 จบลงไป
จากความสวยงามของลีลาแซมบ้าบราซิล ช่อง 7 สีก็มีการนำเอาเทปการแข่งขันฟุตบอลบราซิลมาออกอากาศ
ทำให้คนไทยได้รู้จักทีมต่างชาติเพิ่มขึ้นมาอีกเช่น....ฟลาเมงโก , วาสโกดากาม่า , ฟลูมิเนนเซ่ , เซา เปาโล ฯลฯ
รู้จักยอดนักเตะแซมบ้าอย่าง....ซิโก้ , โซเครติส , จูเนียร์ , ฟัลเกา , ออสก๊าร์ ฯลฯ

ฟุตบอลโลกที่เม็กซิโกปี 1986 นั้น
ความนิยมของแฟนฟุตบอลต่างประเทศในเมืองไทย ฟีเวอร์ถึงขีดสุด
การถ่ายทอดสดเพียงแค่ นัดเปิดสนาม - รอบรองชนะเลิศ - นัดชิงชนะเลิศ ไม่เพียงพอต่อความต้องการของแฟนฟุตบอลเมืองไทยแล้ว
เมื่อผลประกบคู่ในรอบรองชนะเลิศออกมาเป็น....
" บราซิล พบ ฝรั่งเศส " , " เยอรมันตะวันตก เจอ เม็กซิโก " , " อังกฤษ ใส่กับ อาร์เจนติน่า " , " เบลเยี่ยม พบ สเปน "
ทำให้ บิ๊กจิ๋ว ในฐานะ ผบทบ. คุมทีวีพูลอยู่ในเวลานั้น สั่งการด่วนให้ถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียมตั้งแต่รอบนี้ไปยันนัดชิงชนะเลิศที่อัซเตก้า

แฟนฟุตบอลไทยเลยได้ดูฝีเท้าของ มาราโดน่า เบอร์รูชาก้า วัลดาโน่ 3 ประาสานของอาร์เจนติน่า...
ได้ประจักษ์ถึงซึ่ง ....." หัตถ์พระเจ้า และ การกระชากแห่งศตวรรษ " ผ่านกองหลังอังกฤษเกือบทั้งทีมของ ดีเอโก้ มาราโดน่า
ได้ลุ้นระทึกกลางดึกกับแม๊ตช์แห่งทศวรรษระหว่าง บราซิล - ฝรั่งเศส ผ่านทางฟรีทีวีอย่างถ้วนทั่ว...

และนับตั้งแต่ฟุตบอลโลกที่อิตาลี่ปี 1990 เป็นต้นมา
แฟนๆฟุตบอลเมืองไทยได้ดูฟุตบอลโลก " ทุกคู่ " แบบ " ถ่ายทอดสด " ตลอดทั้งทัวร์นาเม๊นต์เป็นหนแรก

และต่อมา ทางทีวีช่องต่างๆก็มีครบถ้วนทั้ง ฟุตบอลลีคอังกฤษ , เยอรมัน , อิตาลี่ ฟุตบอลลีคคัพ เอฟเอคัพ มากันครบทั้งสดทั้งแห้งตามแต่วาระ
ช่อง 7 สียังสร้างประวัติการณ์ของการถ่ายทอดสดฟุตบอลทางฟรีทีวีเมืองไทย
โดยการยิงสดเกมดิวิชั่น 1 นัดหยุดโลกระหว่าง ลิเวอร์พูล และ อาร์เซน่อล ประจำฤดูกาล 1989 - 90
มาให้แฟนลิเวอร์พูลในเมืองไทยอย่างผมนํ้าตาร่วงกันแบบสดๆผ่านดาวเทียมอีกด้วย.....5 5 5

พอมาถึงยุคนี้ คนดูบอลนอกก็สบายแฮ ได้ดูบอลกันตาแฉะ
ฟุตบอลยุโรปนับตั้งแต่ปี 1992 ที่สวีเดนเป็นต้นมา ก็มีการถ่ายทอดสด " ครบทั้งทัวร์นาเม๊นต์ " ยิงตรงมาถึงห้องนอน
ฟุตบอลลีคต่างๆ ก็ไปแออัดยัดเยียดกันอยู่ที่เคเบิ้ลทีวี ทั้ง ไอบีซี , ยูทีวี , ไทยสกายทีวี จนมายุบรวมกันเป็น ยูบีซี มาถึง ทรู
และแตกลูกออกผลมาเป็นกล่อง อาเฮียฮ้อ อากู๋ ในทุกวันนี้
ทำให้แฟนฟุตบอลเมืองไทยยุคหลัง 1990
ได้ดูลีลา ได้รู้จักฝีเท้าของยอดนักเตะระดับโลกในวันเวลานั้นครบถ้วนทั้ง
พรีเมียร์ลีค , บุนเดสลีก้า , กัลโช่ , ลาลีก้า ไปยันลีคสก๊อตแลนด์ ฮอลแลนด์ อาร์เจนติน่า โน่นเลยครับผม....
เฮ้อ .......เขียนร่ายยาวมาซะมือหงิกกันเลยทีเดียวผม !!!
> Shine on you crazy diamond <
ที่ตามดู ก็จะเป็นจากรายการ " ฟุตบอลดารา สตาร์ซ็อคเกอร์ " ที่จะเป็นเทปฟุตบอลดิวิชั่น 1 อังกฤษมาฉายช่วงบ่ายแก่ๆวันเสาร์
ที่ตามลุ้นผล ก็ตามอ่านกันเอาตามหน้ากีฬาของหนังสือพิมพ์รายวันบางฉบับ หลังเกมจบลงไปแล้วเกือบอาทิตย์
คนบ้าบอลพวกนั้นล่ะครับ ที่จะรู้จักฝีเท้าของ จอร์จ เบสต์ , น็อบบี้ สไตล์ , โรเจอร์ ฮั๊นท์ , จิมมี่ กรีฟฟ์ , บ็อบบี้ มัวร์ , พี่น้องชาร์ลตั้น ฯลฯ...

ส่วน ฟุตบอลโลกนั้น
หลังฟุตบอลโลกปี 1966 จบไปเป็นปีแล้ว ก็จะมีการนำเอาฟิลม์ภาพยนตร์บันทึกการแข่งขันมาฉายเก็บตังค์ในโรงหนัง
ต้องคนที่ตีตั๋วเข้าไปดูในจอใหญ่นั่นล่ะครับ ถึงจะได้เห็นฝีเท้าของ เจฟฟ์ เฮิร์ส , บ็อบบี้ ชาร์ลตั้น , อูเว่ เซเลอร์ , เฮลมุต ฮัลเลอร์
และขุนพลลือนามอีกมากมายในฟุตบอลโลกที่อังกฤษหนนั้น...

หลังจากวันนั้น คนดูบอลในเมืองไทยต่างตื่นเต้นเฝ้ารอคอยการมาถึงของฟุตบอลโลกที่เม็กซิโก 1970
เพราะจะเป็นครั้งแรก ที่จะได้เห็นฝีเท้าของนักฟุตบอลเอกในตำนานผ่านทางโทรทัศน์สี !!!
ซึ่ง มีการถ่ายทอดสดเกมในนัดชิงชนะเลิศเพื่อการชิงกรรมสิทธิ์ในถ้วยทองคำจูลส์ ริเมต์
ระหว่างแชมป์ 2 สมัย ....บราซิล และ อิตาลี่
ในนัดชิงชนะเลิศหนนั้น ทำให้คนไทยได้เห็นลีลาของ ......เปเล่ , ทอสเทา , แจร์ซินโญ่ , ริเวริโน่ , ลุยจิ ริว่า , เจียนนี่ ริเวร่า , โบนิงเซ็งญ่าฯลฯ
กันเต็มตาแบบสีธรรมชาติ...

หลังจากนั้น วงการฟุตบอลระดับโลกในเมืองไทยก็เริ่มเป็นที่นิยมสูงมากขึ้น
ตามหน้ากีฬาของหนังสือพิมพ์รายวันมีการรายงานผลการแข่งขันฟุตบอลกันมากยื่งขึ้น
จนฟุตบอลโลกปี 1974 ที่เยอรมันตะวันตกเป็นเจ้าภาพมาถึง
แฟนฟุตบอลในเมืองไทย ได้ติดตามอ่านเรื่องราวเบื้องหน้าเบื้องหลังของการแข่งขันในทัวร์นาเม๊นต์นั้นได้ละเอียดยิ่งขึ้น
จากหน้ากีฬาของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และ บ้านเมือง ที่มีการเปิดคอลัมน์เกี่ยวกับฟุตบอลโลกหนนั้นโดยเฉพาะขึ้นมา
และในนัดชิงชนะเลิศระหว่าง เยอรมันตะวันตกเจ้าภาพ และ ทีม " อัศวินสีส้ม "ฮอลแลนด์
แฟนๆฟุตบอลในเมืองไทยก็ได้ร่วมเป็นสักขีพยานการชิงถ้วยใบใหม่ " ฟีฟ่าเวิล์ดคัพ " กันอย่างสดๆกลางดึก
แฟนฟุตบอลในวันเวลานั้น ได้เห็นการกระชากบอลราวกับจรวดทางเรียบของ โยฮัน ครอยฟ์
ที่พุ่งเข้าไปในกรอบเขตโทษของเจ้าภาพตั้งแต่นาทีแรกของเกม
และได้เห็นการเข้าบอลที่ทะเล่อทะล่าของ อูลี่ เฮอเนส ที่เสียบ ครอยฟ์ จนล้มกลิ้งลงไปต่อหน้าต่อตาของ แจ็ค เทย์เลอร์ กรรมการชาวอังกฤษ
ได้เห็น โยฮัน นีสเก้นส์ ก้าวอาดๆเข้ามากดจุดโทษ ที่ทั้งแรง ทั้งตรง พุ่งเข้ากลางโกล์ผ่าน เซปป์ ไมเอร์ เข้าประตูไป
แต่ท้ายที่สุด แฟนๆฟุตบอลโลกชาวไทยก็ได้เห็น ฟร๊านซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ กับตันทีมอินทรีเหล็กชูถ้วยใบใหม่ขึ้นสู้ท้องฟ้าของมิวนิค...

เมื่อจบฟุตบอลโลก 1974 วงการฟุตบอลอินเตอร์เมืองไทยก็คึกคัก
นอกจากรายการ " ฟุตบอลดาราสตาร์ซ็อคเกอร์ " เจ้าประจำแล้ว ยังเริ่มมีการถ่ายทอดสดฟุตบอลเอฟเอคัพนัดชิงชนะเลิศเพิ่มขึ้นมาด้วย
นอกจากนั้น ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรยุโรปถ้วยใหญ่หูกาง ก็เริ่มมีการถ่ายทอดสดในนัดชิงชนะเลิศมาให้คนไทยได้ดูกัน
ส่วนทางสื่อหนังสือนั้น คุณ ระวิ โหลทอง ดึงนักข่าวรุ่นใหม่ไฟแรงที่มีหัวใจรักฟุตบอลอย่าง ย.โย่ง , ยอดทอง , เตยหอม ฯลฯ
มาร่วมเป็นทีมงาน สร้างสรรหนังสือฟุตบอลต่างประเทศภาษาไทยออกมาขาย
จากจุดนั้น ชื่อของนิตยสารรายสะดวก " สตาร์ซ็อคเกอร์ " จึงถือกำเนิดขึ้นมา
ฟุตบอลระดับโลก และ แฟนฟุตบอลไทย จึงขยับเข้าใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ....

ช่วงฟุตบอลโลกที่อาร์เจนติน่าปี 1978 แฟนฟุตบอลชาวไทยเฝ้ารอคอยติดตามข่าวสารกันอย่างมากมาย
หนังสือพิมพ์รายวัน สละหน้ากระดาษวิเคาระห์ความอ่อนแข็ง ของ 16 ทีมที่เข้าร่วมศึกอย่างละเอียด
คุณระวิ เจ้าของหนังสือ สตาร์ซ็อคเกอร์ ถึงกับส่ง ยอดทอง บินข้ามทวีปไปเขียนบรรยากาศของฟุตบอลโลกที่อาร์เจนติน่า
กลับมาลงเป็นคอลัมน์พิเศษหลายตอนจบ จนคนอ่านติดกันงอมแงม...
มีการถ่ายทอดสด เกมในนัดเปิดสนาม และ นัดชิงชนะเลิศ และ มีเทปการแข่งขันของคู่ในแต่ล่ะวันมาออกอากาศในวันต่อมา
แฟนฟุตบอลไทยในเวลานั้น ยังคงจำภาพลูกปากระดาษขาวโพลนเต็มพื้นสนามริเวอร์เพลต
เพื่อฉลองชัยการคว้าแชมป์โลกสมัยแรกของทีมฟ้าขาวได้เป็นอย่างดี....

ช่วงต่อมา แฟนฟุตบอลไทยมีสื่อครบทั้ง.... หนังสือพิมพ์รายวัน , นิตยสารฟุตบอล , รายการเทปฟุตบอลอังกฤษ - เยอรมันทางทีวี
แถมยังมี......วิทยุคลื่นสั้นจูนหาการถ่ายทอดสดฟุตบอลดิวิชั่น 1 ของอังกฤษจาก BBC อีกด้วย
ทำให้แฟนฟุตบอลไทยในวงกว้างรู้จัก...ลิเวอร์พูล , อาร์เซน่อล , ฟอเรสต์ , อิปสวิช , บาร์เยิร์น มิวนิค , โคโลญจน์ , สตุ๊ตการ์ต
และนักเตะดังๆเช่น ....เควิน คีแกน , เทอร์เวอร์ ฟรานซิส , โจ จอร์แดน , ไรเนอร์ บอนฮอฟ , พอล ไบร์ทเนอร์ , รุมเมนิกเก้ เป็นอย่างดี..


ฟุตบอลโลกที่สเปนปี 1982 นั้น
นิตยสารสตาร์ซ็อคเกอร์ ออกฉบับพิเศษเกี่ยวกับฟุตบอลโลกมา 52 เล่ม เพื่อเจาะลึกเบื้องหน้าเบื้องหลังของการแข่งขัน
ฟรีทีวียังคงมีการถ่ายทอดสด นัดเปิดสนาม , นัดชิงชนะเลิศ เช่นเดิม แต่เพิ่ม การถ่ายทอดสดในรอบรองชนะเลิศขึ้นมา
ส่วนเทปแต่ล่ะวันมีครบถ้วนทั้งทัวร์นาเม๊นต์
คนไทยได้เห็นความยอดเยี่ยมในฝีเท้าของทีมแซมบ้าบราซิล 82 ที่ถือกันว่าเป็น " ราชันที่ไร้บัลลังก์ "
เพราะโดนทีเด็ดของ เปาโล รอสซี่ และ พลพรรคอัซซูรี่ เขี่ยพ้นทัวร์นาเม๊นต์ในสเปนไปอย่างล็อคถล่ม
และยังได้เห็น เกมดวลเดือดในรอบรองชนะเลิศระหว่าง เยอรมันตะวันตก กับ ฝรั่งเศสที่สู้กันมาราทอนเต็มเหยียด 120 นาที
จนต้องมาตัดสินกันด้วยการดวลลูกโทษที่จุดโทษอย่างสุดระทึก
แถมยังได้ต้อนรับการกลับเข้าร่วมฟุตบอลโลกอีกครั้ง หลังจากห่างหายหน้าไป 2 ทัวร์นาเม๊นต์ของทีมสิงโตคำรามอังกฤษ
ที่เป็นทีมขวัญใจของแฟนๆฟุตบอลในเมืองไทย...

หลังฟุตบอลโลกปี 1982 จบลงไป
จากความสวยงามของลีลาแซมบ้าบราซิล ช่อง 7 สีก็มีการนำเอาเทปการแข่งขันฟุตบอลบราซิลมาออกอากาศ
ทำให้คนไทยได้รู้จักทีมต่างชาติเพิ่มขึ้นมาอีกเช่น....ฟลาเมงโก , วาสโกดากาม่า , ฟลูมิเนนเซ่ , เซา เปาโล ฯลฯ
รู้จักยอดนักเตะแซมบ้าอย่าง....ซิโก้ , โซเครติส , จูเนียร์ , ฟัลเกา , ออสก๊าร์ ฯลฯ

ฟุตบอลโลกที่เม็กซิโกปี 1986 นั้น
ความนิยมของแฟนฟุตบอลต่างประเทศในเมืองไทย ฟีเวอร์ถึงขีดสุด
การถ่ายทอดสดเพียงแค่ นัดเปิดสนาม - รอบรองชนะเลิศ - นัดชิงชนะเลิศ ไม่เพียงพอต่อความต้องการของแฟนฟุตบอลเมืองไทยแล้ว
เมื่อผลประกบคู่ในรอบรองชนะเลิศออกมาเป็น....
" บราซิล พบ ฝรั่งเศส " , " เยอรมันตะวันตก เจอ เม็กซิโก " , " อังกฤษ ใส่กับ อาร์เจนติน่า " , " เบลเยี่ยม พบ สเปน "
ทำให้ บิ๊กจิ๋ว ในฐานะ ผบทบ. คุมทีวีพูลอยู่ในเวลานั้น สั่งการด่วนให้ถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียมตั้งแต่รอบนี้ไปยันนัดชิงชนะเลิศที่อัซเตก้า

แฟนฟุตบอลไทยเลยได้ดูฝีเท้าของ มาราโดน่า เบอร์รูชาก้า วัลดาโน่ 3 ประาสานของอาร์เจนติน่า...
ได้ประจักษ์ถึงซึ่ง ....." หัตถ์พระเจ้า และ การกระชากแห่งศตวรรษ " ผ่านกองหลังอังกฤษเกือบทั้งทีมของ ดีเอโก้ มาราโดน่า
ได้ลุ้นระทึกกลางดึกกับแม๊ตช์แห่งทศวรรษระหว่าง บราซิล - ฝรั่งเศส ผ่านทางฟรีทีวีอย่างถ้วนทั่ว...

และนับตั้งแต่ฟุตบอลโลกที่อิตาลี่ปี 1990 เป็นต้นมา
แฟนๆฟุตบอลเมืองไทยได้ดูฟุตบอลโลก " ทุกคู่ " แบบ " ถ่ายทอดสด " ตลอดทั้งทัวร์นาเม๊นต์เป็นหนแรก

และต่อมา ทางทีวีช่องต่างๆก็มีครบถ้วนทั้ง ฟุตบอลลีคอังกฤษ , เยอรมัน , อิตาลี่ ฟุตบอลลีคคัพ เอฟเอคัพ มากันครบทั้งสดทั้งแห้งตามแต่วาระ
ช่อง 7 สียังสร้างประวัติการณ์ของการถ่ายทอดสดฟุตบอลทางฟรีทีวีเมืองไทย
โดยการยิงสดเกมดิวิชั่น 1 นัดหยุดโลกระหว่าง ลิเวอร์พูล และ อาร์เซน่อล ประจำฤดูกาล 1989 - 90
มาให้แฟนลิเวอร์พูลในเมืองไทยอย่างผมนํ้าตาร่วงกันแบบสดๆผ่านดาวเทียมอีกด้วย.....5 5 5

พอมาถึงยุคนี้ คนดูบอลนอกก็สบายแฮ ได้ดูบอลกันตาแฉะ
ฟุตบอลยุโรปนับตั้งแต่ปี 1992 ที่สวีเดนเป็นต้นมา ก็มีการถ่ายทอดสด " ครบทั้งทัวร์นาเม๊นต์ " ยิงตรงมาถึงห้องนอน
ฟุตบอลลีคต่างๆ ก็ไปแออัดยัดเยียดกันอยู่ที่เคเบิ้ลทีวี ทั้ง ไอบีซี , ยูทีวี , ไทยสกายทีวี จนมายุบรวมกันเป็น ยูบีซี มาถึง ทรู
และแตกลูกออกผลมาเป็นกล่อง อาเฮียฮ้อ อากู๋ ในทุกวันนี้
ทำให้แฟนฟุตบอลเมืองไทยยุคหลัง 1990
ได้ดูลีลา ได้รู้จักฝีเท้าของยอดนักเตะระดับโลกในวันเวลานั้นครบถ้วนทั้ง
พรีเมียร์ลีค , บุนเดสลีก้า , กัลโช่ , ลาลีก้า ไปยันลีคสก๊อตแลนด์ ฮอลแลนด์ อาร์เจนติน่า โน่นเลยครับผม....
เฮ้อ .......เขียนร่ายยาวมาซะมือหงิกกันเลยทีเดียวผม !!!

> Shine on you crazy diamond <

ความคิดเห็นที่ 21
เอาที่ จขกท ถามก่อน คือ
ดูบอลเมเจอร์ซอคเกอร์ตอนไหน ช่อง 3 เอามาฉายตอนประมาณ ปี 1980 ยุคที่เปเล่ ไปเล่นให้นิวยอร์ คอสมอส น่ะครับหลานเอ๊ย บ่ายๆเสาร์ อาทิตย์ก็จำไม่ได้แล้ว เพราะไม่ชอบบอลอเมริกัน
พลาตินี่ กับ มาราโดน่า ได้ดูสดๆ ในบอลโลก ปี 1986 น่ะ ช่อง 5 เค้าถ่ายทอดสด เพราะว่าเป็นคู่หยุดโลก บราซิล กับ ฝรั่งเศส ส่วนมาราโดน่า ก็ได้ดูรอบชิงไงหลาน
บอลกัลโช่มาฉายเมืองไทยเป็นเทปน่ะ ปี 1989 โน่น สดๆไม่มีให้ดูหรอก ก็ได้รู้จัก นาโปลี กับ เอซีมิลาน ตอนนั้นละ
สมัยก่อนไม่มีอเนเตอร์เน็ต ไม่มีเคเบิ้ล ติดตามกันยังไงเหรอ ?
ก็ฟรีทีวี ไง เทปบอลอังกฤษ ฉายช่อง 9 บ่ายวันอาทิตย์สัปดาห์ละครั้ง
บอลเยอรมัน สัปดาห์ละครั้ง วันจันทร์ตอนสามทุ่ม ( มั้งจำไม่ได้แม่นหรอก )
ส่วนบอลที่ได้ดูนัดแรก ก็เอฟเอคัพ รอบชิง ปี 1977 แมนฯยู กับ ลิเวอร์พูล
บอลสดจากอังกฤษที่ได้ดูถ่ายทดสดก็ รอบชิง ลีกคัพ ปี 1978 น็อตติ้งแฮม กับ ลิเวอร์พูล
ลิเวอร์พูล แพ้รวดเลยหลานเอ๊ย แต่พี่ก็เป็นแฟนลิเวอร์พูลตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาไม่เคยปันใจ มีแต่เว้นวรรคไปเป็นวัยรุ่นบ้างตามวัย
นอกนั้นการติดตามฟุตบอลอังกฤษก็ไม่ต้องอะไรมาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐลงทุกสัปดาห์ บวกกับ หนังสือสตาร์ซอคเกอร์ ที่มีอา ย.โย่ง ผู้ล่วงลับกับทีมงานเป็นคนทำ
สมัยนั้นหนังสือสตาร์ซอคเกอร์น่ะ ไม่ได้ออกเป็นเวลาแน่นอน ต้องคอยแวะเวียนไปร้านหนังสือบ่อยๆ และหลายครั้งที่เดินไปแล้วหนังสือก็ยังไม่ออกขาย ต้องเดินกลับบ้านมือเปล่า สมัยก่อน ร้านประจำไม่มี ก็ไปร้านอื่น เดินมันไปเรื่อย หาสัก สาม ถึงสี่ร้าน แต่มันก็สุขใจเพราะตอนเริ่มติดตามฟุตบอลอังกฤษ มันสนุกแม้จะได้ดูถ่ายทอดสดปีละสองนัด ก็ยังดี ที่เหลือดูแห้งจากช่อง 9
เป็นไงหลาน ความดั้นด้น เพื่อจะติดตามข่าวสารหรือ การรอคอยในการที่ได้ดูบอลถ่ายทอดสดสักนัดสองนัดต่อปีของพวก คนอายุ 40 ขึ้นมันชวนให้น่าสงสารมะ
แล้วมันก็ไม่ได้มีเพื่อนๆรุ่นเดียวกันคุยเรื่องพวกนี้หรอกนะ ในเวลานั้นเด็กอายุ 11 12 มันก็หลากหลาย บางคนดูการ์ตูนมดแดง วี 8 สกายไรเดอร์อยู่เลย บางคนเริ่มเหล่หญิง ความสนใจเริ่มหลากหลาย เรียกว่าหัวเลี้ยวหัวต่อ และด้วยข้อจำกัดทางด้านการสื่อสารสมัยก่อน ก็ทำให้การแพร่หลายมันมีได้เพียงทีวี และหนังสือเท่านั้น
เพราะมันไม่มีหรอก เว็บบอร์ดที่ให้คุยกันแบบนี้ สมัยโน้นดูบอลที่บ้าน ไปโรงเรียนก็คุยกันเรื่องอื่น แม้เตะบอลก็ไม่คุยเรื่องทีมนี้ทีมโน้น นอกจากบอลโลก ที่หลานๆได้เจอในปัจจุบันนี่น่ะ สบายมั้ยละเหอๆ อย่างน้อยจะรู้ผลบอล ก็ไม่ต้องรอหนังสือพิม์ จะดูบอลไม่ต้องรอเป็นปี จะซื้อหนังสือบอลก็ไม่ต้องตระเวณเดินหลายๆร้าน หลายๆรอบ เนอะ
ดูบอลเมเจอร์ซอคเกอร์ตอนไหน ช่อง 3 เอามาฉายตอนประมาณ ปี 1980 ยุคที่เปเล่ ไปเล่นให้นิวยอร์ คอสมอส น่ะครับหลานเอ๊ย บ่ายๆเสาร์ อาทิตย์ก็จำไม่ได้แล้ว เพราะไม่ชอบบอลอเมริกัน
พลาตินี่ กับ มาราโดน่า ได้ดูสดๆ ในบอลโลก ปี 1986 น่ะ ช่อง 5 เค้าถ่ายทอดสด เพราะว่าเป็นคู่หยุดโลก บราซิล กับ ฝรั่งเศส ส่วนมาราโดน่า ก็ได้ดูรอบชิงไงหลาน
บอลกัลโช่มาฉายเมืองไทยเป็นเทปน่ะ ปี 1989 โน่น สดๆไม่มีให้ดูหรอก ก็ได้รู้จัก นาโปลี กับ เอซีมิลาน ตอนนั้นละ
สมัยก่อนไม่มีอเนเตอร์เน็ต ไม่มีเคเบิ้ล ติดตามกันยังไงเหรอ ?
ก็ฟรีทีวี ไง เทปบอลอังกฤษ ฉายช่อง 9 บ่ายวันอาทิตย์สัปดาห์ละครั้ง
บอลเยอรมัน สัปดาห์ละครั้ง วันจันทร์ตอนสามทุ่ม ( มั้งจำไม่ได้แม่นหรอก )
ส่วนบอลที่ได้ดูนัดแรก ก็เอฟเอคัพ รอบชิง ปี 1977 แมนฯยู กับ ลิเวอร์พูล
บอลสดจากอังกฤษที่ได้ดูถ่ายทดสดก็ รอบชิง ลีกคัพ ปี 1978 น็อตติ้งแฮม กับ ลิเวอร์พูล
ลิเวอร์พูล แพ้รวดเลยหลานเอ๊ย แต่พี่ก็เป็นแฟนลิเวอร์พูลตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาไม่เคยปันใจ มีแต่เว้นวรรคไปเป็นวัยรุ่นบ้างตามวัย
นอกนั้นการติดตามฟุตบอลอังกฤษก็ไม่ต้องอะไรมาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐลงทุกสัปดาห์ บวกกับ หนังสือสตาร์ซอคเกอร์ ที่มีอา ย.โย่ง ผู้ล่วงลับกับทีมงานเป็นคนทำ
สมัยนั้นหนังสือสตาร์ซอคเกอร์น่ะ ไม่ได้ออกเป็นเวลาแน่นอน ต้องคอยแวะเวียนไปร้านหนังสือบ่อยๆ และหลายครั้งที่เดินไปแล้วหนังสือก็ยังไม่ออกขาย ต้องเดินกลับบ้านมือเปล่า สมัยก่อน ร้านประจำไม่มี ก็ไปร้านอื่น เดินมันไปเรื่อย หาสัก สาม ถึงสี่ร้าน แต่มันก็สุขใจเพราะตอนเริ่มติดตามฟุตบอลอังกฤษ มันสนุกแม้จะได้ดูถ่ายทอดสดปีละสองนัด ก็ยังดี ที่เหลือดูแห้งจากช่อง 9
เป็นไงหลาน ความดั้นด้น เพื่อจะติดตามข่าวสารหรือ การรอคอยในการที่ได้ดูบอลถ่ายทอดสดสักนัดสองนัดต่อปีของพวก คนอายุ 40 ขึ้นมันชวนให้น่าสงสารมะ
แล้วมันก็ไม่ได้มีเพื่อนๆรุ่นเดียวกันคุยเรื่องพวกนี้หรอกนะ ในเวลานั้นเด็กอายุ 11 12 มันก็หลากหลาย บางคนดูการ์ตูนมดแดง วี 8 สกายไรเดอร์อยู่เลย บางคนเริ่มเหล่หญิง ความสนใจเริ่มหลากหลาย เรียกว่าหัวเลี้ยวหัวต่อ และด้วยข้อจำกัดทางด้านการสื่อสารสมัยก่อน ก็ทำให้การแพร่หลายมันมีได้เพียงทีวี และหนังสือเท่านั้น
เพราะมันไม่มีหรอก เว็บบอร์ดที่ให้คุยกันแบบนี้ สมัยโน้นดูบอลที่บ้าน ไปโรงเรียนก็คุยกันเรื่องอื่น แม้เตะบอลก็ไม่คุยเรื่องทีมนี้ทีมโน้น นอกจากบอลโลก ที่หลานๆได้เจอในปัจจุบันนี่น่ะ สบายมั้ยละเหอๆ อย่างน้อยจะรู้ผลบอล ก็ไม่ต้องรอหนังสือพิม์ จะดูบอลไม่ต้องรอเป็นปี จะซื้อหนังสือบอลก็ไม่ต้องตระเวณเดินหลายๆร้าน หลายๆรอบ เนอะ
แสดงความคิดเห็น
สอบถามแฟนบอลรุ่นเก๋า อายุ 40 อัพหน่อยครับ
พวกพี่ๆติดตามฟุตบอลกันทางไหนครับ เห็นบางคนว่าทันดูพลาตินี่ มาราดอนน่าในกัลโช่ ได้ดูบอลเมเจอร์ปี 84 86
ผมเลยสงสัยว่าสมัยก่อนติดตามฟุตบอลกันยังไง
-บอลยูโร บอลโลก เมื่อ 20 30ปีก่อน ฟรีทีวีบ้านเราเริ่มมีถ่ายให้ดูตอนไหน
-บอลลีกต่างประเทศสมัยยังไม่มีเคเบิล ดูกันยังไง
-ข่าวกีฬาในไทยเริ่มรายงานผลฟุตบอลต่างประเทศช่วงแรกๆ มันผ่านมานานแค่ไหนแล้วครับ
ขอบคุณครับ