เส้นทางต้องสู้ ดร.สลัม ฝ่าด่านคุณธรรมคนรวย “ด็อกเตอร์” คนแรกจาก “สลัมคลองเตย”

เส้นทางต้องสู้ ดร.สลัม ฝ่าด่านคุณธรรมคนรวย



ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจและสังคมที่ทุกคนต่างเร่งรีบและแก่งแย่งแข่งขัน ทำให้หลายครอบครัวเลือกที่จะทุ่มเทเวลาให้ “งาน” ด้วยหวังว่า “เงิน” จะช่วยเพิ่มพูนหรือทดแทนสิ่งที่ตนเองและลูกขาดหรือต้องการได้

หลายบ้าน...จึงพลาดโอกาสในการใช้เวลาร่วมกันไปอย่างน่าเสียดาย

แท้จริงแล้วการได้รับความรักความอบอุ่นจากครอบครัวจะเป็นได้ทั้งกำลังใจและเกราะคุ้มให้เด็กๆ ก้าวเดินไปในทางที่ถูกที่ควร แม้จะอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นใจก็ตาม



เหมือนอย่างเช่น ดร.เล็ก–พรทิพย์ ปานอินทร์ นักวิจัย ดีกรีปริญญาเอก จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ที่ได้ชื่อว่า เป็น “ด็อกเตอร์” คนแรกจาก “สลัมคลองเตย”

“เล็กใช้ชีวิตอยู่ในชุมชนแออัดคลองเตยมาตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน เล็กเป็นลูกหลงมีพี่ชายและพี่สาวซึ่งอายุมากกว่าเป็น 10 ปี ครอบครัวอยู่ในระดับยากจน พ่อกับแม่เป็นกรรมกรรับจ้างแบกหามอยู่ในท่าเรือคลองเตย มีกินแบบมื้อต่อมื้อไปเรื่อยๆ”

ด้วยความจน เมื่อลูกคนเล็กเกิด พี่ชายกับพี่สาวก็เรียนจบ ม.3 พ่อแม่ไม่มีเงินให้เรียนต่อ ยุคนั้นจบ ม.3 ก็ทำงานได้แล้ว พี่ทั้งสองจึงเลือกที่จะทำงานและมาเลี้ยงเล็กอย่างเต็มที่



“เล็กโชคดีกว่าพี่ๆ เพราะได้ใกล้ชิดแม่ ใกล้ชิดครอบครัวมาตลอด ทำให้รู้สึกว่าเราไม่ได้ขาดเพราะทุกคนทุ่มเทให้ ครอบครัวเล็กอบอุ่นมาก”

แม้จะยากจนแต่ครอบครัวนี้ก็ตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเห็นว่าจะช่วยให้มีอนาคตที่ดี ทุกคนในครอบครัวจึงทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อส่งให้น้องเล็กของบ้านได้เรียนอย่างเต็มที่ ดังนั้นหน้าที่หลักของเธอคือ เรียนให้ดีที่สุด



เธอทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างดี ตั้งแต่เล็กจนโต ตั้งแต่อนุบาลยันอุดมศึกษา เธอได้รับทุนการเรียนอนุบาลจากมูลนิธิดวงประทีป ที่ส่งเสริมทุกๆ ด้านเพื่อคนในชุมชน แต่หลักๆ คือ ให้ทุนการศึกษาเด็กแต่เมื่อจำนวนเด็กมากขึ้น เงินที่ได้รับจากผู้อุปการะไม่เพียงพอ พ่อแม่จึงต้องกัดฟันส่งเธอเรียน จนเมื่อขึ้นชั้น ป. 4 เธอจึงได้รับทุนอีกครั้งและต่อเนื่องไปจนจบ ม. 6 ที่โรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง

จากนั้นเธอเลือกที่จะเข้าเรียนคณะสหเวชศาสตร์ สาขาเทคนิคการแพทย์ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กู้ยืมเงิน กยส.เพื่อเรียนปริญญา–ตรีต่อจนจบ โดยมี “เกียรตินิยมอันดับ 1” มาเป็นรางวัลความตั้งใจ



“ตอนจบปริญญาตรีก็คิดว่าจะออกมาทำงานเพราะพ่อแม่แก่มากแล้ว และเล็กยังไม่ได้ทำอะไรให้ท่านเลย แต่เล็กก็โชคดีเพราะเรียนได้เกียรตินิยมอันดับ 1 มีอาจารย์มาบอกว่า อยากให้เรียนต่อและมีทุนให้หลายทุน ก็เลยลองดูว่า มีทุนไหนที่เราสนใจบ้าง”...ในที่สุดเธอก็ได้“ทุนปริญญาเอกกาญจนาภิเษก” ซึ่งเป็นทุนพัฒนานักวิจัยในประเทศไทย และเป็นทุนให้เปล่าสำหรับผู้ที่เรียนปริญญาเอก โดยไม่มีข้อผูกมัดใดๆ ทั้งสิ้น จบแล้วทำงานที่ไหนก็ได้ ทั้งยังมีเงินเดือนให้ในระหว่างเรียน

เธอเลือกเรียนหลักสูตรปริญญาโทควบปริญญาเอก คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในสาขาเทคโนโลยีชีวภาพใช้เวลาเรียน 5 ปี แม้จะเรียนหนักแต่เธอยังใช้เวลาที่มีทำงานพิเศษที่ศูนย์การแพทย์พัฒนาควบคู่ไปด้วยเพื่อเป็นรายได้ช่วยเหลือครอบครัว

“ปริญญาตรีทางด้านเทคนิคการแพทย์ที่จบมา มันเป็นวิชาชีพที่เล็กสามารถตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ ตรวจสารคัดหลั่งจากร่างกายได้ ซึ่งรายได้ส่วนนี้สามารถนำมาช่วยจุนเจือครอบครัวเราได้”



เมื่อถามถึงเคล็ดลับความสำเร็จในการเรียน เธอยกความดีความชอบทั้งหมดให้กับครอบครัวที่อบอุ่นของเธอ... “อาจเป็นเพราะว่าพ่อแม่ปลูกฝังเรื่องการเรียนและการอ่านมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เล็กเรียนดีมาตลอด จำได้ว่าตอนเด็กๆ จะอ่านหนังสือแล้วอัดเทปไว้ เหมือนเป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกันในครอบครัวแต่ไม่เคยถูกบังคับว่าต้องอ่านวันละกี่หน้าหรือกี่ชั่วโมง เป็นวิธีง่ายๆ ที่พ่อกับแม่ใช้ ซึ่งท่านก็ไม่ได้มีความรู้ไม่ได้อ่านหนังสือว่าจะต้องสอนลูกอย่างไร อีกอย่างคือ ตอนอยู่ในห้องเรียนเล็กจะมีสมาธิและตั้งใจเรียน”

นอกจากความรักความอบอุ่นที่ได้จากครอบครัวแล้ว การอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยปัญหานั้นต้องอาศัยจิตใจที่เข้มแข็งที่จะประคับประคองตัวเองให้เดินไปสู่เป้าหมาย โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งยั่วยุที่อยู่รอบตัว ทั้ง สุรา ยาเสพติด การพนัน ขยะ น้ำเสียรวมไปถึงการไล่ที่ ที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ เราจึงต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งพอ

“เล็กเชื่อว่า ถ้าเราใฝ่ดี เลือกที่จะเป็นคนดี เราก็จะดี สถาบันครอบครัวเป็นหลักที่สำคัญที่สุด ถ้าครอบครัวแข็งแรงเด็กก็จะไปได้ดี พ่อแม่เล็กสอนให้อยู่ติดบ้าน โดยแม่จะอยู่บ้านตลอด เราจึงต้องรีบกลับบ้านและทำให้เรารู้สึกว่าเรามีพ่อแม่ที่คอยห่วงอยู่ตลอด แต่ก็เข้าใจว่า พ่อแม่บางคนต้องทำงาน ถ้าไม่ทำก็ไม่มีกิน เมื่อเด็กกลับบ้านแล้วไม่เจอใคร เขาก็ต้องไปหาเพื่อน ถ้าคบเพื่อนดีก็จะรอดไป แต่ถ้าคบเพื่อนไม่ดีก็มีโอกาสเสียได้”



ดร.พรทิพย์ มองว่าการสร้างคนให้มีคุณภาพโดยการสอนให้เป็น “คนดี” และมี “วินัย” เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศพัฒนา “ประเทศเราพัฒนาขึ้นมาก แต่การสร้างคนเป็นเรื่องสำคัญ ทุกวันนี้ความเจริญทางวัตถุมีมากแต่คุณธรรมของคนลดลง อาชญากรรมก็มากขึ้น คนในสังคมมองทุกอย่างเป็นเงิน ยกย่องนับถือเงิน ทุกคนพยายามหาเงินเพื่อมาซื้อของซึ่งเป็นความเจริญทางวัตถุ บางคนมองว่า แค่ได้เงินมาก็พอ แต่ไม่ได้คำนึงถึงวิธีการที่จะได้มาอย่างไร คนไม่ค่อยมองคนที่ความดี หรือประสบความสำเร็จเพราะอะไร แต่จะมองว่า เขารวยจึงประสบความสำเร็จ หรือเพราะเขารวยเขาจึงไม่ผิด”

“โครงการที่เล็กชอบมาก คือ โครงการโตไปไม่โกง คงไม่มีใครคิดว่า โตไปฉันอยากโกง อยากเป็นคนไม่ดี เรื่องนี้พ่อแม่ต้องปลูกฝังตั้งแต่เด็ก สอนให้ลูกเป็นคนดี มีความสุจริต ถ้ามีโอกาสก็ช่วยเหลือสังคมบ้าง หรือถ้าไม่มีโอกาสก็ทำตัวเองให้เป็นคนดีก็พอแล้ว”

“ส่วนวินัย เป็นเรื่องที่คนไทยไม่มีเลย เราไม่เคยเข้าคิว เราเบียด เราแย่งให้ได้ก่อน แต่คนญี่ปุ่นขนาดต้องเจอกับสึนามิ ไม่มีจะกินแล้วแต่ก็ยังต่อแถว เล็กรู้สึกว่าบ้านเราก็เจริญแล้ว...แต่อาจจะต้องพัฒนาเรื่องวินัย เรื่องกฎหมายอีกมาก ก็คงต้องช่วยๆ กัน ที่สำคัญทั้ง 2 เรื่องนั้นต้องปลูกฝังกันตั้งแต่เด็กๆ อาจจะยากนิดหนึ่งแต่ก็ต้องทำ”



สิ่งที่ ดร.พรทิพย์สะท้อนให้เห็น เป็นคำตอบคู่ขนานไปกับงานวิจัยของโครงการคนไทยมอนิเตอร์ ของมูลนิธิคนไทย ที่ฟังเสียงของคนไทย 100,000 คน ทั่วประเทศว่า...พลังขับเคลื่อนสังคมไทยให้มุ่งหน้าไปสู่สังคมสีขาวคือ “ครอบครัว” และพบว่า...ครอบครัวเป็นปัจจัยด้านบวกที่สำคัญ ซึ่งทำให้คนไทยรู้สึกพึงพอใจกับชีวิตความเป็นอยู่

โดยผลวิจัยใน 5 ลำดับต้น ได้แก่ การมีสุขภาพกายที่ดี/แข็งแรง (35%)...คนในครอบครัวรักใคร่/มีความสัมพันธ์ที่ดี (28%)...การมีบ้าน/ที่พักอาศัยที่ดี/เป็นของตัวเอง/เป็นหลักแหล่ง (27%)...การได้อยู่กับครอบครัว/ใช้เวลาร่วมกับคนในครอบครัว (19%) และการมีรายได้เพียงพอกับค่าใช้จ่าย/การเงินคล่องตัว (16%)

พรทิพย์ “ด็อกเตอร์...สลัมคลองเตย” คนแรกฝากทิ้งท้ายด้วยว่า “อยากให้ตระหนักว่าครอบครัวเป็นหน่วยที่เล็กที่สุด แต่เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้คนคนหนึ่งก้าวขึ้นมาเป็นคนดีในสังคมได้...สังคมในปัจจุบันต้องการคนดีซึ่งสร้างยากกว่าการเป็นคนเก่ง และคนดีต้องสร้างตั้งแต่เด็กๆ อยากให้ทุกคนเป็นคนดีแล้วประเทศชาติเราจะเจริญแน่นอน”.



โดย: ไทยรัฐฉบับพิมพ์

21 ธันวาคม 2556, 05:00 น.
http://www.thairath.co.th/column/pol/page1scoop/390558

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่