ฟางเส้นสุดท้าย,,,,

การรัฐประหารแต่ละครั้งก็จะเป็นการอ้างรัฐประหารเพื่อ "ปฎิรูปประเทศ" เฉกเช่นเดียวกับสิ่งที่ กปปส. เรียกร้องนั้นคือ "สภาประชาชน"

(หลังๆ กปปส. ไม่ค่อยใช้คำว่า "ปฎิวัติประชาชน" เพราะมันเป็นศัพท์ที่ฉวัดเฉวียนกับสถานบันกษัตริย์ไปหน่อย)  แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็คือ

ความซ้ำซากของการเมือง  พอเวลาประชาชนเริ่มตั้งหลักตั้งฐานได้   ขั้วอำนาจเก่าก็จะหาวิธีมาเตะตัดขาด้วยวิธีต่างๆ  ทั้งใช้กำลังทหาร

หรือองค์กรอิสระที่เป็นแขนขาของขั้วอำนาจเก่าที่วางรากปักฐานไว้  แต่เมื่อหลังคืนอำนาจประชาชน(ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้ให้ไปนะ)

สิ่งที่สะท้อนกลับมาก็คือ ฝ่ายประชาชน ก็เป็นฝ่ายชนะ เหตุผลมันไม่ได้มีอะไรยากมากมาย  ก็เพราะประชาธิปไตยเขาเรางอก"เหนือดิน"แล้ว

แต่ฝ่ายขั้วอำนาจเดิมจะใช้วาทกรรมหลังจากเลือกตั้งเข้ามา "ซื้อเสียงเข้ามา" "เสียงไม่บริสุทธิ์" ต่างๆนานา เพื่อทำให้ชนชั้นกลางบางส่วน

เกิดอารมณ์ร่วมว่าจริงเว้ย ใช่เว้ย  เพราะถ้ามันบริสุทธิ์มันชนบทมันต้องเลือกตรงกับเราสิ  สิ่งนั้นคือมายาคติที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมชงให้กิน

ด้วยความถือตน  ยกตนข่มท่านของชนชั้นกลาง  จึงทำให้เกิดอาการ "เกลียดการเลือกตั้ง" เพราะมันไม่ตรงกับความคิดตัวเอง

สิ่งที่ 2 ฝ่ายต่างกันคือ

1.ฝ่ายขั้วอำนาจเก่าจะรักษาชาติให้ถึงที่สุดไม่ว่าจะเหยียบหัวประชาชนกี่แสนคน กี่ล้านคน
2.ฝ่ายเสรีนิยม จะมองถึง "ประชาชน" ในชาติมากกว่า

ซึ่งหากมองแล้วไม่ฝ่ายไหนก็ต่างรักชาติเหมือนกัน  แต่สิ่งที่ต่างคือฝ่ายขุนนาง-ทหาร  จะมองประชาชนไม่เป็นประชาชน

.... แต่คงลืมไปว่า  ประเทศนี้ประชาชนไม่ได้เหมือนเดิมแล้ว  ที่จะรัฐประหารก็ทำไป จะปล้นอำนาจก็ทำไป
ประชาชนสมัยนี้ตื่นตัวทางการเมืองกว่าเดิมมาก  ผู้มีอำนาจประมาทไม่ได้แล้ว
ทำให้กระแสจึงเกิดเป็น  ประชาธิปไตย และ เผด็จการ  ซึงอาจถือได้ว่าเป็นสงครามอุดมการณ์ก็ว่าได้

ระหว่าง คนชนบท กับ คนกรุง   แต่อย่างไรก็ตามกระแสโลกไปทางไหนก็คงทราบกันดี

แล้วถ้าวันนั้นประชาชนเป็นฝ่ายชนะ  ก็ต้องขอบคุณ กปปส.ที่ทำประชาธิปไตยของเรามาเร็วกว่าเดิม

เพราะการแสดงออกครั้งนี้ เสมือนการดิ้นครั้งสุดท้ายของฝ่ายอนุรักษ์นิยม  ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อเอาอำนาจกลับมา

แต่คงลืมไปว่า ประชาชนตาสว่าง กันแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่