สงครามชนชั้น

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความขัดแย้งครั้งนี้มันได้เลยขอบเขตความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างขั้วการเมืองไปเรียบร้อยแล้ว
มันมีการพัฒนาไปเป็นสงครามระหว่างชนชั้น สะกิดแผลช่องว่างของผู้คนในสังคมขึ้นมาในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนบนแผ่นดินนี้
จากถ้อยคำเหยียดหยามดูถูก
ท่าทีที่เกลียดชังผู้ที่ด้อยกว่า ไม่เคยเห็นคุณค่าชีวิตของเพื่อนร่วมชาติว่าเท่าเทียม
ย่ำยีแม้แต่คนที่เสียชีวิตไปแล้วอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนไม่ใช่เพื่อนร่วมชาติ
ความยุติธรรม ความหวังที่พวกเค้ามี ก็ถูกริดรอนด้วยกลไกอำนาจที่เหนือกว่า
ถืออภิสิทธิกำหนดกติกาสังคมกันตามอำเภอใจจนเคยชิน จนกลไกทุกอย่างมันบิดเบี้ยว ไม่สามารถเป็นที่ยึดเหนี่ยวได้
ซึ่งมันก็ย่อมนำไปถึงจุดหนึ่ง ที่คนที่เคยยอม จะไม่ยอมกันอีกต่อไป
คนที่เคยทนจะไม่ยอมทนกันอีกต่อไป
และมันก็มีแค่หนทางเดียวที่มุ่งไปก็คือ “สงคราม”เท่านั้นเอง
กับความหวังที่จะใช้ระบบเลือกตั้งมาหยุดความขัดแย้งอย่างอารยะ ต้องมีอันต้องหมดหวังไปด้วยการปฏิเสธอย่างไม่ไยดี
ของฝ่ายที่เคยชินกับอำนาจจ ด้วยท่าทีที่ท้าทายว่า
พวกแกอาจจะเลือกรัฐบาลมาได้
ถ้าพวกฉันไม่พอใจ ฉันก็จะล้มมันให้ได้ เพราะพวกฉันมีอำนาจ มีพวก มีเงินมากพอที่จะล้ม
ภาพการอวดร่ำรวยไม่แคร์กฏหมาย แจกเงินสนับสนุนให้ฝ่ายกบฏมาล้มรัฐบาลนั้น อธิบายอารมณ์พวกเค้าได้เป็นอย่างดี
มันช่างตัดกับภาพ ผู้ด้อยโอกาสที่โดนกระทำอย่างป่าเถื่อนกลางเมืองยิ่งนัก

ด้วยความเชื่อที่ว่า กติกาก็ของพวกฉัน กรรมการก็พวกของฉัน จะทำให้เกิดความทะนงว่าพวกตนเหนือกว่าในทุกทาง
ซึ่งจะทำให้อารมณ์ตกอยู่ในสภาพที่แพ้ไม่ได้ยอมไม่ได้
แต่มันจะทำให้ลืมนึกไปว่า หากเกิดสงครามขึ้นแล้ว ย่อมสูญเสียไม่แพ้กันไม่ว่าฝ่ายไหน มีมากเสียมากเป็นสัจจะธรรม
โอกาสที่จะใช้วิธีอารยะ ตัดสินความขัดแย้งกันด้วยกฏกติกา สากลด้วยการเลือกตั้งนั้น
อยู่ในสภาพแขวนอยู่บนเส้นด้าย
เราจะช่วยกันประคับประคองมันด้วยกันหรือว่า
เราจะโยนมันทิ้งกันไป แล้วกระโจนเข้าสู่สงคราม?
มันก็อยู่ที่ช่วงเวลาที่เหลือนี่แหละครับ last call
ทบทวนกันให้ดีๆ เพราะสงครามมันกดปุ่มให้หยุดไม่ได้ง่ายๆหรอกนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  รัฐบาล เลือกตั้ง ประชามติ นักการเมือง การเมือง
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่