๐๐๐๐๐ ถือจดหมายมาฝากคนเสื้อแดงจ้า ๐๐๐๐๐

จากอาจารย์อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์

ที่เคยเขียนจดหมายถึงมวลมหาประชาชนจนฮือฮา

มาคราวนี้เขียนถึงคนเสื้อแดงค่ะ น่าสนใจไม่แพ้กันเลย

อ่านนิดนึงค่ะ ถึงจะยาวซักหน่อย แต่ถ้าไม่ยอมอ่านถือว่าพลาดจริงๆนะ

"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""


ทางออกประเทศไทย : จดหมายถึงพี่น้อง "เสื้อแดง"
โดย : อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์

ผมเชื่อว่าคนจำนวนมากในสังคมไทยเข้าใจดีว่าเรากำลังอยู่ในยุคสมัยที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างไพศาลและลึกซึ้ง
การเกิดขึ้นของพี่น้อง “เสื้อแดง”เป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนให้เห็นความเปลี่ยนแปลงนี้อย่างชัดเจน
ไม่มีใครที่จะห้ามหรือขัดขวางความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมที่ทำให้เกิดพี่น้อง “เสื้อแดง” ได้

แต่น่าเสียดายที่การเปลี่ยนพี่น้องจากชาวนามาสู่ชนชั้นกลางใหม่ (ที่ใช้ทักษะความสามารถส่วนตัวในการประกอบอาชีพ)
กลับไม่ได้ถูกผนวกให้เข้าเป็นเนื้อเดียวของกระบวนการความคลี่คลายทางประวัติศาสตร์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ
เพราะคนจำนวนมากมองเพียงว่า “พี่น้องเสื้อแดง” เป็นกลุ่มคนที่ “โง่ จน”
และเป็นฐานให้แก่นักการเมืองชั่วช้าบางคน/บางกลุ่มเท่านั้น


พี่น้อง “เสื้อแดง” ครับ ผมอยากจะบอกกับพี่น้องว่าไม่เป็นไรหรอก ปล่อยให้คนกลุ่มที่มองเราอย่างนั้นไปเถิด
สิ่งที่สำคัญกว่า ก็คือ เราต่างหากจะจัดความสัมพันธ์ทางสังคมการเมืองกันใหม่อย่างไร
เพื่อที่จะทำให้เสียงของเรามีความหมายและมีความชอบธรรมมากที่สุด
ซึ่งในที่สุดแล้วพวกเขาเองก็จะยอมรับความสำคัญของเราไปเอง


สิ่งที่เราต้องเข้าใจกันก่อน ก็คือ พี่น้อง “เสื้อแดง” มีความหลากหลาย และกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ
ชีวิตของพวกเราผูกอยู่กับการทำมาหากินเสียมากกว่าคนกลุ่มอื่นในสังคม เมื่อกลุ่มนปช.เรียกระดมคราวที่แล้ว
พี่น้องทางเชียงรายก็ติดเกี่ยวข้าวและนำข้าวไปรอคิวจำนำที่โรงสีจนมาร่วมไม่ได้

ความหลากหลายและกระจัดกระจายของพี่น้อง “เสื้อแดง” ได้ทำให้คนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งสร้างตนเองขึ้นมาเป็น “แกนนำ”
ของกลุ่มในพื้นที่ (นักวิชาการทางอีสานเรียกคนกลุ่มนี้ว่าเป็น “ผู้ประกอบการทางการเมือง”)
เพื่อที่จะเป็นแกนกลางในการสื่อสารและเร้าระดมให้พี่น้องมีบทบาทเคลื่อนไหวในเรื่องต่างๆ

แกนนำที่เกิดขึ้นใหม่นี้โดยมากแล้วก็จะเป็นคนที่เติบโตมาจากระบบเศรษฐกิจแบบใหม่ที่ขยายตัวมากในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา
ซึ่งก็ทำให้มีเครือข่ายลูกน้อง/เพื่อนร่วมอาชีพ/หรือเครือข่ายอุปถัมภ์รองรับการนำของเขา


“แกนนำ” หรือผู้ประกอบการทางการเมืองเหล่านี้สามารถใช้เงื่อนไขของการมีมวลชนอยู่ในพื้นที่
เป็นตัวเชื่อมต่อกับนักการเมืองระดับชาติ หากใครสามารถระดมมวลชนได้มากก็จะต่อได้ในระดับบน
เช่น การก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดงครั้งแรกๆ สามารถเชิญเอาอดีตนายกรัฐมนตรี สมชาย วงศ์สวัสดิ์ไปเปิดงาน เป็นต้น



ด้วยความหลากหลายและกระจัดกระจายของพี่น้องเสื้อแดง ประกอบกับโอกาสที่เปิดกว้างขวางของการที่จะเป็นแกนนำ
จึงทำให้แกนนำพี่น้องเสื้อแดงก็มีความหลากหลายตามไปด้วย
ในจังหวัดเชียงใหม่ที่กล่าวอ้างกันว่าเป็นเมืองหลวงของพี่น้องเสื้อแดง ก็มีกลุ่มเสื้อแดงที่แตกต่างทางความคิดอยู่ไม่น้อยกว่าสิบกลุ่ม


แม้ว่ามีความหลากหลาย แต่แกนนำจะเป็นแกนนำต่อเนื่องไปได้ ก็ต้องรักษาความสัมพันธ์กับนักการเมืองระดับชาติเอาไว้ให้ได้
หากใครถอยจากความสัมพันธ์ก็จะเกิดคนใหม่ที่เน้นความใกล้ชิดกับนักการเมืองก้าวขึ้นมาแทน

แกนนำที่ก้าวหน้าบางคนอาจจะเคยเสนอความคิดดีๆ เช่น
ให้พรรคเพื่อไทยคัดเลือกคนสมัคร ส.ส.ตามความต้องการของคนเสื้อแดงในพื้นที่
ก็ต้องยุติการผลักดันนี้เพราะนายใหญ่ไม่โปรด เป็นต้น


จึงไม่น่าแปลกใจที่แกนนำต้องทำตามความต้องการของนักการเมืองเสมอ
เพื่อรักษาสถานะความเป็นแกนนำของพี่น้อง “เสื้อแดง” เอาไว้
แม้ว่าในบางกรณีพวกเขาเองก็รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เช่น
การสนับสนุนร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมเหมาเข่ง หรือ การทำตัวเงียบเชียบในเรื่องการประกันตัวผู้ต้องหาเสื้อแดง


ส่วนมากแล้ว แกนนำในพื้นที่ก็ไม่ได้ทำงานการเมืองในการปรับปรุงชีวิตของพี่น้อง “เสื้อแดง” ให้ดีขึ้นแต่ประการใด
วิทยานิพนธ์ของนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ศึกษาความเปลี่ยนแปลงของอัตลักษณ์พี่น้องในหมู่บ้านเสื้อแดงภาคอีสาน

ก็พบว่าแกนนำหลังจากเปิดหมู่บ้านเสื้อแดงแล้วก็ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้แก่ชาวบ้าน
มิหนำซ้ำยัง “กร่าง” จนชาวบ้านเสื้อแดงเบื่อหน่าย งานเดียวที่แกนนำจะพลิกสถานการณ์ได้ก็คือ
เมื่อเกิดวิกฤติทางการเมืองแล้วจะต้องระดมพลเข้ากรุงเทพฯหรือชุมนุมในพื้นที่จังหวัดเท่านั้น


พี่น้อง “เสื้อแดง” ทั่วไปจึงตกอยู่ในสภาพไร้อำนาจต่อรองทั้งในระดับพื้นที่และระดับชาติ
ในระดับพื้นที่ก็เป็นเช่นที่รับรู้กันทั่วไปว่าหากไม่สนิทสนมกับแกนนำก็จะเข้าไม่ถึงกองทุนหมู่บ้าน
ในระดับชาติก็ถูกหักหลังมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการพายเรือไปส่งแล้ว เขาจะหาทางเดินไปเอง (ฮา)
หรือ การจำนำข้าวรุ่นหลังนี้ที่ต้องรอคอยกันจนหนี้เพิ่มขึ้นบานเบอะ


ผมไม่คิดว่ารัฐบาลนี้ได้ทำอะไรให้พี่น้องเสื้อแดงมีความมั่นคงในชีวิตเพิ่มขึ้นเลย
การจำนำข้าวที่ขาดทุนมากมายมหาศาลจะนำมาซึ่งการตัดงบประมาณด้านอื่นๆ
ที่กระทบกระเทือนพี่น้องเสื้อแดง เช่น การตัดงบประมาณกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)
ซึ่งเป็นกองทุนสร้างอนาคตให้แก่ลูกหลานพี่น้องเองไปเจ็ดพันล้านบาท
โครงการจัดการน้ำสามแสนห้าหมื่นล้านก็ทำร้ายพี่น้องเสื้อแดงในหลายจังหวัด เป็นต้น


ทางออกของพี่น้อง “เสื้อแดง” ก็คือ ต้องเป็น “อิสระ” จากการเรียกร้องของแกนนำในพื้นที่ให้มากที่สุด
โดยจะต้องให้แกนนำเสื้อแดงในพื้นที่ทำตัวเป็นตัวแทนปัญหาของพี่น้อง มากกว่าเป็นตัวแทนพรรคการเมืองหรือนักการเมือง
ที่จะขอให้เราไปทำโน่นทำนี่เพื่อตอบสนองการเมืองของนักการเมืองเท่านั้น



ขณะเดียวกัน ก็ต้องกดดันแกนนำในพื้นที่ให้เรียกร้องต่อพรรคการเมืองและนักการเมือง
ให้รับผิดชอบและกราบขอโทษพี่น้องในการกระทำผิด เช่นที่ผ่านมา
และให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ใช้เสียงข้างมากจากพี่น้องไปทำสิ่งที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะทำ


ที่สำคัญ หากพี่น้องคิดว่าพรรคการเมืองเป็นตัวแทนของพี่น้อง ก็ต้องทำให้พรรคการเมืองทำตามที่พี่น้องต้องการให้ได้
ด้วยการลงโทษการทำผิดต่อพี่น้องในวันนี้ให้แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่พรรคการเมืองจะได้ไม่ตระบัดสัตย์ต่อไปอีก

พี่น้องเสื้อแดงต้องคิดว่านักการเมือง พรรคการเมือง เป็นเสมือนลูกหลานที่เมื่อทำผิดแล้วต้องถูกตี/ถูกลงโทษเพื่อจะได้หลาบจำ
ไม่ทำผิดซ้ำซากอีก ห้ามคิดว่านักการเมืองหรือพรรคการเมืองเป็นเจ้านายหรือลูกพี่ที่เราต้องยอมเขาตลอดไปครับ


""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
เครดิต : bangkokbiznews / 20.12.2556
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่