พรรคประชาธิปัตย์จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในการเลือกตั้ง 2 ก.พ.2557 นี้หรือไม่?
กำลังเป็นประเด็นที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจ
ทั้งจากผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ และคู่แข่ง คู่อาฆาต
ลองพิจารณาโดวิเคราะห์ผ่านสายตาและ “ผลประโยชน์” ของกลุ่มต่างๆ ที่มีต่อประเด็นนี้
1) พรรคเพื่อไทย ตลอดจนกลุ่มก๊วนรัฐบาลเดิม
น่าสนใจว่า นี่คือกลุ่มผลประโยชน์ที่กระเหี้ยนกระหือรือ อยากจะให้พรรคประชาธิปัตย์
ลงเลือกตั้ง 2 ก.พ.2557 มากที่สุด!
เพราะอะไร... ก็เพราะนักเลือกตั้งกลุ่มนี้มั่นใจ ลำพองใจ คะนองใจ ตามแนวทางที่ทักษิณ
ชินวัตร เคยสไกป์มาที่พรรคเพื่อไทย ว่าหากการแก้รัฐธรรมนูญมีปัญหาติดขัดก็ให้รัฐบาล
ยิ่งลักษณ์ยุบสภาเสีย ไปเลือกตั้งใหม่ ดำเนินการเพื่อให้พรรคเพื่อไทยมี ส.ส.กลับมามาก
กว่าเดิม หวังใช้เป็นข้ออ้างในการกลับมาเดินหน้าสุดซอย
หวังใช้การเลือกตั้งฟอกตัวในทางการเมือง และคืนความชอบธรรมให้กับตัวเอง
จึงปรากฏว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ได้รีบฉวยโอกาส หลบหนีความรับผิดชอบต่อข้อเรียกร้อง
ของประชาชนผู้ประท้วง เร่งเดินทางลงพื้นที่ฐานเสียง ภาคเหนือ ภาคอีสาน อาศัยสถานะ
และอิทธิพลความเป็นนายกฯ ใช้เป็นประโยชน์ในทางการเมือง หวังสร้างคะแนนนิยม
ทางการเมืองให้กับพรรคเพื่อไทย
ยิ่งกว่านั้น บรรดาลิ่วล้อ ขี้ข้า บริวารในเครือข่าย “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ยังพยายามกดดัน
ข่มขู่ เรียกร้อง สร้างกระแสรุกเร้าทุกวิถีทาง เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์ลงสมัครรับเลือกตั้ง
2 ก.พ.2557 ถึงขั้นกดดันให้ กกต.เล่นงานเอาผิดหากไม่ลงเลือกตั้งตามที่พรรคเพื่อไทยต้องการ
กลุ่มนี้ มองว่าตนองจะได้ประโยชน์จากการลงเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์
2) กปปส. หรือ “มวลมหาประชาชน”
คนกลุ่มนี้ แทบจะมีความรู้สึกนึกคิด มีความเห็นเกือบเป็นเอกฉันท์ ว่าหากพรรคประชาธิปัตย์ประกาศ
คว่ำบาตรการเลือกตั้ง 2 ก.พ.2557 ก็จะเพิ่มพลังและน้ำหนักให้กับขบวนการต่อสู้ของมวล
มหาประชาชนอย่างยิ่ง
ตอกย้ำว่า การเลือกตั้ง 2 ก.พ. ไม่มีความชอบธรรม เพราะพรรคการเมืองใหญ่ ขั้วตรงข้ามของ
“ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ไม่เข้าร่วมสังฆกรรม ก็จะกลายเป็น “การเลือกตั้งกันเอง” ของพลพรรค
ระบอบทักษิณ
มิใช่การเลือกตั้งของปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง
การไม่ลงเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์จะส่งผลสอดรับไปในทิศทางเดียวกับการต่อสู้ของ
กปปส. ที่ยืนยันชัดเจนว่า รัฐบาลปัจจุบันหมดสิ้นความชอบธรรมทางการเมืองและทางกฎหมาย
ไปแล้ว ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน ข่มขืนย่ำยีหลักนิติรัฐ ประกาศไม่รับอำนาจศาล
รัฐธรรมนูญ เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญ เป็นรัฐบาลนอกรัฐธรรมนูญ จึงไม่มีความชอบธรรมใดๆ
ที่จะมารักษาการต่อไป จะต้องลาออกสถานเดียว เพื่อเปิดทางให้กับการตั้งรัฐบาลของประชาชน
สภาประชาชน เพื่อทำหน้าที่เฉพาะกิจเฉพาะการ ไม่เกินปีครึ่ง ในการปฏิรูปบ้านเมืองเรื่องใหญ่ๆ
อาทิ กติกาการเลือกตั้ง การขจัดปัญหาทุจริตโกงกิน การกระจายอำนาจ การปฏิรูปตำรวจ การ
แก้ปัญหาคนจนในเชิงโครงสร้าง เป็นต้น
กลุ่มนี้มองว่า การต่อสู้ของตนจะได้ประโยชน์จากการไม่ลงเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์
3) พรรคประชาธิปัตย์
3.1 หากลงเลือกตั้ง... ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ในหลายพื้นที่ก็มีหวังจะชนะพรรคเพื่อไทย
เช่น กทม. ภาคใต้ ภาคตะวันออก เป็นต้น แต่ก็จะต้องประเมินกระแสต่อต้านของมวลชนที่ร่วมการ
ต่อสู้ในนามมวลมหาประชาชน อาจจะถึงขั้นรณรงค์โหวตโนหรือโนโหวตกันหรือไม่
มองในแง่ดีที่สุด ภายใต้ระบบการเลือกตั้งที่เป็นอยู่ ด้วยกติกาและบริบททางการเมืองที่ระบอบทักษิณ
ยึดกุมกลไกอำนาจทุกรูปแบบเอาไว้เบ็ดเสร็จ หนทางที่พรรคประชาธิปัตย์จะชนะเลือกตั้ง สามารถ
ขยายฐานเสียงออกไปจากเดิมนั้น จะต้องใช้นโยบายประเภทลดแลกแจกแถม แบบที่เรียกกันว่า
“ประชานิยม” ซึ่งผลาญทำลายเงินแผ่นดินมหาศาล จำพวกรถคันแรก แจกแทปเล็ต จำนำข้าว
กองทุนเงินกู้สารพัด ฯลฯ แข่งกันกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะนำไปสู่สภาวะ “ประมูลประเทศไทย”
โดยนักการเมือง เกทับกันด้วยการผลาญเงินแผ่นดินแบบมโหฬาร ซื้อเสียง
เสมือนแข่งกันผลาญชาติ!
การจะไปหาเสียงเรื่องปฏิรูปประเทศ ไม่มีวันที่จะชนะนโยบายลดแลกแจกแถมที่อัดฉีดผลประโยชน์
เฉพาะหน้าอย่างแน่นอน นี่คือความจริง
ถ้าไม่กล้า “ผลาญชาติ” เหมือน “ระบอบทักษิณ” ก็ไม่มีหวังจะชนะเลือกตั้ง!
และหากแพ้เลือกตั้ง ก็เข้าทางพรรคเพื่อไทย “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” จะฉวยโอกาสอ้างความ
ชอบธรรมทางการเมือง ผลักดันผลประโยชน์ของระบอบทักษิณสุดซอย ยิ่งถ้าประชาธิปัตย์หักหาญ
น้ำใจของมวลชนด้วยการลงเลือกตั้งไปแล้ว ในเวลานั้นก็คงยากจะรวมพลังต่อต้านระบอบทักษิณ
ให้ได้ในระดับสูงที่สุดแบบที่เป็นอยู่ ณ วันนี้
3.2 หากไม่ลงเลือกตั้ง... พรรคประชาธิปัตย์ก็จะไม่มี ส.ส.ในสภาแม้แต่คนเดียว (หากมีการเลือกตั้ง
ตามเดิม)
ไม่มีสิทธิเป็นรัฐบาล ไม่สามารถใช้กลไกสภาเป็นเครื่องมือตรวจสอบรัฐบาล
อดีต ส.ส.ก็จะต้องตกงาน ไม่มีตำแหน่งในสภา หมดสิทธิมีเอี่ยวในอำนาจรัฐ
ซ้ำยังจะต้องถูกฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองโจมตี และพยายามจะยื่นยุบพรรคแน่ๆ
หากเลือกทางนี้ หัวหน้าพรรค อดีต ส.ส. สมาชิกพรรคทั้งหลาย ก็จะต้องร่วมต่อสู้กับประชาชน
นอกสภา ใช้สิทธิในฐานะพลเมืองต่อสู้ตามรัฐธรรมนูญอย่างเต็มที่ โดยยืนยันว่าจะต้องปฏิรูป
บ้านเมืองก่อนจะเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ตอกย้ำจุดยืนที่พรรคเคยแถลงว่าจะร่วม “ขจัดระบอบ
ทักษิณให้สิ้นจากแผ่นดินไทย”
จะเป็นการเอาผลประโยชน์ทางการเมืองของตน มาแลกและมาร่วมกับการต่อสู้ของประชาชน
เพื่อการปฏิรูปและเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองครั้งใหญ่ โดยที่ตนเองไม่มีสิทธิจะได้รับตำแหน่งแห่ง
หนในรัฐบาลประชาชนหรือสภาประชาชนใดๆ ทั้งสิ้น แถมแนวทางของการปฏิรูปนั้นก็ยังจะลด
อำนาจนักการเมือง เพิ่มการตรวจสอบนักการเมือง ซึ่งภาระการปฏิบัติทั้งหมดก็จะตกกับ
นักการเมืองทุกคนทุกพรรค รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ในอนาคต
บนเส้นทางสายนี้ ไม่มีใครบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมา หรือจะต้องเจอกับอะไรบ้าง เพราะนั่น
หมายถึงพรรคประชาธิปัตย์ได้เลือกที่จะเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับบ้านเมืองอย่างแท้จริง
เชื่อว่ามีรองเท้าผ้าใบ แต่ใจถึงหรือเปล่า?
สารส้ม
http://www.naewna.com/politic/columnist/10164
สื่อของปชป.เอง กำลัง ซาวเสียงกองเชียร์ ...ลง/ไม่ลง ดี
ประชาธิปัตย์ควรลงเลือกตั้ง 2 ก.พ. หรือไม่? ...... สารส้ม ... แนวหน้าออนไลน์
พรรคประชาธิปัตย์จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในการเลือกตั้ง 2 ก.พ.2557 นี้หรือไม่?
กำลังเป็นประเด็นที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจ
ทั้งจากผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ และคู่แข่ง คู่อาฆาต
ลองพิจารณาโดวิเคราะห์ผ่านสายตาและ “ผลประโยชน์” ของกลุ่มต่างๆ ที่มีต่อประเด็นนี้
1) พรรคเพื่อไทย ตลอดจนกลุ่มก๊วนรัฐบาลเดิม
น่าสนใจว่า นี่คือกลุ่มผลประโยชน์ที่กระเหี้ยนกระหือรือ อยากจะให้พรรคประชาธิปัตย์
ลงเลือกตั้ง 2 ก.พ.2557 มากที่สุด!
เพราะอะไร... ก็เพราะนักเลือกตั้งกลุ่มนี้มั่นใจ ลำพองใจ คะนองใจ ตามแนวทางที่ทักษิณ
ชินวัตร เคยสไกป์มาที่พรรคเพื่อไทย ว่าหากการแก้รัฐธรรมนูญมีปัญหาติดขัดก็ให้รัฐบาล
ยิ่งลักษณ์ยุบสภาเสีย ไปเลือกตั้งใหม่ ดำเนินการเพื่อให้พรรคเพื่อไทยมี ส.ส.กลับมามาก
กว่าเดิม หวังใช้เป็นข้ออ้างในการกลับมาเดินหน้าสุดซอย
หวังใช้การเลือกตั้งฟอกตัวในทางการเมือง และคืนความชอบธรรมให้กับตัวเอง
จึงปรากฏว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ได้รีบฉวยโอกาส หลบหนีความรับผิดชอบต่อข้อเรียกร้อง
ของประชาชนผู้ประท้วง เร่งเดินทางลงพื้นที่ฐานเสียง ภาคเหนือ ภาคอีสาน อาศัยสถานะ
และอิทธิพลความเป็นนายกฯ ใช้เป็นประโยชน์ในทางการเมือง หวังสร้างคะแนนนิยม
ทางการเมืองให้กับพรรคเพื่อไทย
ยิ่งกว่านั้น บรรดาลิ่วล้อ ขี้ข้า บริวารในเครือข่าย “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ยังพยายามกดดัน
ข่มขู่ เรียกร้อง สร้างกระแสรุกเร้าทุกวิถีทาง เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์ลงสมัครรับเลือกตั้ง
2 ก.พ.2557 ถึงขั้นกดดันให้ กกต.เล่นงานเอาผิดหากไม่ลงเลือกตั้งตามที่พรรคเพื่อไทยต้องการ
กลุ่มนี้ มองว่าตนองจะได้ประโยชน์จากการลงเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์
2) กปปส. หรือ “มวลมหาประชาชน”
คนกลุ่มนี้ แทบจะมีความรู้สึกนึกคิด มีความเห็นเกือบเป็นเอกฉันท์ ว่าหากพรรคประชาธิปัตย์ประกาศ
คว่ำบาตรการเลือกตั้ง 2 ก.พ.2557 ก็จะเพิ่มพลังและน้ำหนักให้กับขบวนการต่อสู้ของมวล
มหาประชาชนอย่างยิ่ง
ตอกย้ำว่า การเลือกตั้ง 2 ก.พ. ไม่มีความชอบธรรม เพราะพรรคการเมืองใหญ่ ขั้วตรงข้ามของ
“ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ไม่เข้าร่วมสังฆกรรม ก็จะกลายเป็น “การเลือกตั้งกันเอง” ของพลพรรค
ระบอบทักษิณ
มิใช่การเลือกตั้งของปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง
การไม่ลงเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์จะส่งผลสอดรับไปในทิศทางเดียวกับการต่อสู้ของ
กปปส. ที่ยืนยันชัดเจนว่า รัฐบาลปัจจุบันหมดสิ้นความชอบธรรมทางการเมืองและทางกฎหมาย
ไปแล้ว ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน ข่มขืนย่ำยีหลักนิติรัฐ ประกาศไม่รับอำนาจศาล
รัฐธรรมนูญ เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญ เป็นรัฐบาลนอกรัฐธรรมนูญ จึงไม่มีความชอบธรรมใดๆ
ที่จะมารักษาการต่อไป จะต้องลาออกสถานเดียว เพื่อเปิดทางให้กับการตั้งรัฐบาลของประชาชน
สภาประชาชน เพื่อทำหน้าที่เฉพาะกิจเฉพาะการ ไม่เกินปีครึ่ง ในการปฏิรูปบ้านเมืองเรื่องใหญ่ๆ
อาทิ กติกาการเลือกตั้ง การขจัดปัญหาทุจริตโกงกิน การกระจายอำนาจ การปฏิรูปตำรวจ การ
แก้ปัญหาคนจนในเชิงโครงสร้าง เป็นต้น
กลุ่มนี้มองว่า การต่อสู้ของตนจะได้ประโยชน์จากการไม่ลงเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์
3) พรรคประชาธิปัตย์
3.1 หากลงเลือกตั้ง... ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ในหลายพื้นที่ก็มีหวังจะชนะพรรคเพื่อไทย
เช่น กทม. ภาคใต้ ภาคตะวันออก เป็นต้น แต่ก็จะต้องประเมินกระแสต่อต้านของมวลชนที่ร่วมการ
ต่อสู้ในนามมวลมหาประชาชน อาจจะถึงขั้นรณรงค์โหวตโนหรือโนโหวตกันหรือไม่
มองในแง่ดีที่สุด ภายใต้ระบบการเลือกตั้งที่เป็นอยู่ ด้วยกติกาและบริบททางการเมืองที่ระบอบทักษิณ
ยึดกุมกลไกอำนาจทุกรูปแบบเอาไว้เบ็ดเสร็จ หนทางที่พรรคประชาธิปัตย์จะชนะเลือกตั้ง สามารถ
ขยายฐานเสียงออกไปจากเดิมนั้น จะต้องใช้นโยบายประเภทลดแลกแจกแถม แบบที่เรียกกันว่า
“ประชานิยม” ซึ่งผลาญทำลายเงินแผ่นดินมหาศาล จำพวกรถคันแรก แจกแทปเล็ต จำนำข้าว
กองทุนเงินกู้สารพัด ฯลฯ แข่งกันกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะนำไปสู่สภาวะ “ประมูลประเทศไทย”
โดยนักการเมือง เกทับกันด้วยการผลาญเงินแผ่นดินแบบมโหฬาร ซื้อเสียง
เสมือนแข่งกันผลาญชาติ!
การจะไปหาเสียงเรื่องปฏิรูปประเทศ ไม่มีวันที่จะชนะนโยบายลดแลกแจกแถมที่อัดฉีดผลประโยชน์
เฉพาะหน้าอย่างแน่นอน นี่คือความจริง
ถ้าไม่กล้า “ผลาญชาติ” เหมือน “ระบอบทักษิณ” ก็ไม่มีหวังจะชนะเลือกตั้ง!
และหากแพ้เลือกตั้ง ก็เข้าทางพรรคเพื่อไทย “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” จะฉวยโอกาสอ้างความ
ชอบธรรมทางการเมือง ผลักดันผลประโยชน์ของระบอบทักษิณสุดซอย ยิ่งถ้าประชาธิปัตย์หักหาญ
น้ำใจของมวลชนด้วยการลงเลือกตั้งไปแล้ว ในเวลานั้นก็คงยากจะรวมพลังต่อต้านระบอบทักษิณ
ให้ได้ในระดับสูงที่สุดแบบที่เป็นอยู่ ณ วันนี้
3.2 หากไม่ลงเลือกตั้ง... พรรคประชาธิปัตย์ก็จะไม่มี ส.ส.ในสภาแม้แต่คนเดียว (หากมีการเลือกตั้ง
ตามเดิม)
ไม่มีสิทธิเป็นรัฐบาล ไม่สามารถใช้กลไกสภาเป็นเครื่องมือตรวจสอบรัฐบาล
อดีต ส.ส.ก็จะต้องตกงาน ไม่มีตำแหน่งในสภา หมดสิทธิมีเอี่ยวในอำนาจรัฐ
ซ้ำยังจะต้องถูกฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองโจมตี และพยายามจะยื่นยุบพรรคแน่ๆ
หากเลือกทางนี้ หัวหน้าพรรค อดีต ส.ส. สมาชิกพรรคทั้งหลาย ก็จะต้องร่วมต่อสู้กับประชาชน
นอกสภา ใช้สิทธิในฐานะพลเมืองต่อสู้ตามรัฐธรรมนูญอย่างเต็มที่ โดยยืนยันว่าจะต้องปฏิรูป
บ้านเมืองก่อนจะเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ตอกย้ำจุดยืนที่พรรคเคยแถลงว่าจะร่วม “ขจัดระบอบ
ทักษิณให้สิ้นจากแผ่นดินไทย”
จะเป็นการเอาผลประโยชน์ทางการเมืองของตน มาแลกและมาร่วมกับการต่อสู้ของประชาชน
เพื่อการปฏิรูปและเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองครั้งใหญ่ โดยที่ตนเองไม่มีสิทธิจะได้รับตำแหน่งแห่ง
หนในรัฐบาลประชาชนหรือสภาประชาชนใดๆ ทั้งสิ้น แถมแนวทางของการปฏิรูปนั้นก็ยังจะลด
อำนาจนักการเมือง เพิ่มการตรวจสอบนักการเมือง ซึ่งภาระการปฏิบัติทั้งหมดก็จะตกกับ
นักการเมืองทุกคนทุกพรรค รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ในอนาคต
บนเส้นทางสายนี้ ไม่มีใครบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมา หรือจะต้องเจอกับอะไรบ้าง เพราะนั่น
หมายถึงพรรคประชาธิปัตย์ได้เลือกที่จะเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับบ้านเมืองอย่างแท้จริง
เชื่อว่ามีรองเท้าผ้าใบ แต่ใจถึงหรือเปล่า?
สารส้ม
http://www.naewna.com/politic/columnist/10164
สื่อของปชป.เอง กำลัง ซาวเสียงกองเชียร์ ...ลง/ไม่ลง ดี