ก่อนซื้อขายกับนิติบุคคลตรวจสอบเลขประจำตัวผู้เสียภาษีก่อนซื้อขายเพื่อประโยชน์ทางภาษี

สวัสดีค่ะ  เราอยากเตือนเรื่องการตรวจสอบเลขประจำตัวผู้เสียภาษีนิดนึง เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่บริษัทฯเรา
มีการสั่งซื้อสินค้าเป็นไม้อัดกับทาง หจก.ธนาภา เจริญกิจรุ่งเรือง โดยค้นหาข้อมูลผู้ขายทางอินเตอร์เน็ต  
แล้วก็ทำการติดต่อไปตามอีเมล์ของผู้ขาย จากนั้นก็ตกลงเรื่องคุณภาพสินค้า ทางผู้ขายได้ส่งรูปสินค้ามาให้
รวมทั้งเรื่องราคา ซึ่งเป็นที่น่าพอใจ ทางเราจึงตัดสินใจสั่งซื้อสินค้า  ในการซื้อทุกครั้งเราก็จะขอเอกสารสำคัญ
ต่าง ๆ เสมอ ซึ่งครั้งนี้ผู้ขายเป็นในนามห้างหุ้นส่วนจำกัด เราได้รับเอกสารทางอีเมล์เป็นหนังสือรับรองบริษัท
ภพ.20 (ซึ่งเป็นแบบเก่า) และหน้าบัญชีธนาคารสำหรับการชำระเงิน  โดยในไฟล์หน้าบัญชี จะมีข้อมูลระบุว่า
ต้องการภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่  ถ้าต้องการให้โอนเข้าบัญชีที่เป็นชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด แต่ถ้าไม่ต้องการให้
โอนเข้าบัญชีบุคคลธรรมดา  ซึ่งแน่นอนทางเราก็ต้องการภาษีไปใช้ในการยื่นกับทางกรมสรรพากรได้
เราจึงทำการโอนเงินเข้าบัญชีห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้น ทางผู้ขายเมื่อได้รับเงินในช่วงเช้า ช่วงเที่ยงของวันเดียวกัน
ก็ได้ทำการจัดส่งไม้อัดมาที่โรงงาน ด้วยความที่จำนวนสินค้าเยอะ คนรับของก็ประเมินจากโดยรวม ไม่ได้
ตรวจเช็คสภาพทีละแผ่นได้ ซึ่งสภาพที่เห็นคือโอเค อีกอย่างทางเราอาจจะประมาทตรงที่คิดว่ามันคือเรื่อง
ปกติถ้าหากเจอของไม่ได้คุณภาพ จะแจ้งไปทางผู้ขาย และผู้ขายที่เราเคยซื้อขายกันทุกที่ก็จะมีความรับผิดชอบ
ในสินค้าของตัวเองเสมอ แล้วก็ขึ้นอยู่กับจำนวนและปริมาณด้วยว่ามากหรือน้อย ถ้าน้อยเราก็ยอมจำนน
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ  ไม้อัดที่ได้มาเมื่อนำไป เวลาตัดแล้วเราจะมองเห็นไส้ในไม้อัดว่ามันแทบไม่มีเลย แล้วพอไม่มี
ไส้อย่างที่ตกลงกันไว้แต่แรก ไม้พอตัดมาก็แตก ซึ่งนำไปใช้ไม่ได้เลย ทางเราจึงรีบแจ้งไปทางผู้ขายว่าสินค้าไม่
ได้คุณภาพตามที่ตกลงกันไว้ภายในวันเดียวกันที่จัดส่ง (ส่งเสร็จบ่าย เราแจ้งปัญหาไปตอนเย็นของวันเดียวกัน)
ทางผู้ขายก็แจ้งว่าวันรุ่งขึ้นจะเข้ามาดูปัญหาที่เกิดขึ้น แล้วหาทางแก้ไขกัน พอวันรุ่งขึ้นในตอนเช้าก็คอนเฟิร์มกัน
ว่ามาแน่ แต่บ่ายก็ยังไม่มาทางเราก็โทรไปสอบถาม ผู้ขายกลับแจ้งว่ามีประชุมด่วนคงมาไม่ได้แล้ว (วันนั้นเป็น
วันรัฐธรรมนูญ) ก็ตกลงกันใหม่ว่าวันที่ 11 ธ.ค. จะมา  พอถึงวันโทรไปตามตอนเช้าก็ยืนยันว่ามาเหมือนเดิม
ตกบ่ายก็เหมือนเดิมอีกคือบ่ายเบี่ยงจะไม่รับผิดชอบ บอกว่าซื้อแล้วไม่รับคืน ทางเราถึงกับงงว่า การดำเนินงาน
ของที่นี่เป็นแบบนี้เหรอ คุยไปคุยมาตัดสาย พูดจาใส่อารมณ์ต่าง ๆ นานา  จนเราเองเริ่มสงสัยในพฤติกรรมแปลกๆ
จึงลองมาหาข้อมูลเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจำกัดเขาดูว่ายังไงอยู่ที่ไหน  ค้นไปค้นไปลองมาดูไฟล์เอกสารที่เขาส่งมา
ให้ก็เริ่มเอะใจแล้ว  เพราะหนังสือรับรองที่ได้มาไม่ใช่ฉบับจริง ไม่มีลายน้ำของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พอมาดู
แบบ ภพ.20 ก็พบว่าเป็นแบบเก่าที่ยังไม่มีเลขประจำตัวผู้เสียภาษี 13 หลักแบบใหม่ เลยลองค้นข้อมูลจากหน้า
เว็บของกรมสรรพากรก่อน ที่หน้านี้ >>> http://www.rd.go.th/publish/313.0.html <<< ปรากฎว่าไม่มีข้อมูล
เลยลองใช้เลข 13 หลักจากหนังสือรับรองที่ได้ค้นหาที่สรรพากรหน้าเดิมอีกที  ก็ไม่ปรากฎข้อมูลเช่นกัน และกัน
ผิดพลาดอีกทีเราก็โทรไปที่ Call Center ของกรมสรรพากรเลยที่เบอร์ 1611  และคำตอบที่ได้จากเจ้าหน้าที่คือ
ห้างหุ้นส่วนจำกัดนี้ได้ถูกขีดชื่อออกจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว  ซึ่งหมายความว่านิติบุคคล
แห่งนี้ถ้าออกใบกำกับภาษีมา  เราจะไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางภาษีได้  เพราะผู้ขายไม่มีสิทธิในการออก
ภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว นอกจากต้องไปดำเนินการที่กรมสรรพากรเพื่อขึ้นทะเบียนอีกครั้ง แล้วเมื่อตรวจสอบอีกครั้ง
กับทาง Call Center ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า  ก็พบว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดมีสถานะเป็น "ร้าง" ทางเราก็อึ้งเลย
เพราะความผิดพลาดนี้เกิดจากความประมาทของเราเอง  ที่ไม่ตรวจสอบข้อมูลให้ดี  ทางเราก็พยายามติดตามผู้ขาย

จนในที่สุด ผู้ขายได้เข้ามาที่บริษัทในวันที่ 12 ธ.ค. ซึ่งความรับผิดชอบของผู้ขายต่อคุณภาพสินค้าของ
เขาเองก็ยังคงไม่มี  เขายืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนให้นอกจากจะเพิ่มเงินให้ถ้าหากต้องการคุณภาพสินค้าที่ดีกว่าที่จัดส่งมา
แต่จะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อการตกลงกัน  ตามรูปสินค้าที่ผู้ขายส่งให้รวมทั้งคุณภาพที่ตกลงกันแล้วว่าไส้ไม้อัดต้อง
เต็มนะ มันคนละเรื่องกับไม้อัดที่เขาส่งมาให้  ซึ่งเราเอาไปใช้งานไม่ได้เลย มูลค่าสินค้าก็ไม่ใช่น้อย ๆ เมื่อเราเห็น
เขายังตกลงกันไม่ได้  จึงขออนุญาตแทรกเรื่องใบกำกับภาษีก่อน  เราจึงงัดข้อมูลที่ได้มาทั้งหมดแจ้งทางผู้ขาย
ปฏิกิริยาที่ได้คือเขาตกใจ แล้วทางเขาก็บอกว่าจะไปดำเนินการที่สรรพากรแล้วออกใบกำกับใหม่มาให้ ซึ่งเราก็ขอ
ด้วยว่าถ้าไปดำเนินการแล้ว ต้องส่งหลักฐาน แบบ ภพ.20 ฉบับใหม่ที่มีเลข 13 หลักมาด้วย เรื่องเอกสารของเราก็
จบไป  ก็เป็นเรื่องสินค้าต่อ ทางผู้ขายเริ่มอ่อนลงที่จะยอมเปลี่ยนสินค้าให้  ซึ่งทางเขาแจ้งว่าจะมาเปลี่ยนให้ในวันที่ 14 ธ.ค.
ทางเราก็โอเค  เป็นอันสรุปว่าตกลงกันได้  พอมาวันที่ 13 ธ.ค. ผู้ขายได้โทรมาว่าจะขอเข้ามารับของคืนวันนี้เลย
เพราะมีรถผ่านมา  แล้ววันที่ 14 ธ.ค. จะเอาของใหม่มาให้  แต่ทางเราก็ไม่กล้าเสี่ยงแล้วจึงไม่ยอม ให้เขามารับคืน
ในวันที่จะมาส่งของใหม่ให้ทีเดียวเลย  แต่ทางผู้ขายยืนยันว่าจะรับของคืนในวันนี้ให้ได้ เขาหาว่าบริษัททางเราเรื่อง
เยอะ เราไม่รู้นะแต่ถ้าเจอผู้ประกอบการแบบนี้ ไม่กล้าเสี่ยงแล้ว ทางเราเลยแจ้งว่าถ้าจะรับคืนต้องคืนเงินตามจำนวน
สินค้าที่รับกลับไปมาแทน  ถ้ายังไม่เอาของใหม่มาเปลี่ยน  ผู้ขายยินยอมโอนเงินคืนมาให้  ทางเราก็คืนสินค้าไป
เสร็จเรียบร้อย โดยจำนวนนึงเป็นส่วนที่นำไปตัดแล้วแต่ใช้ไม่ได้  เราก็ยอมซื้อสำหรับจำนวนนั้นไป เท่ากับว่าจำนวน
คืนเป็น 2 ใน 3 ส่วนที่สั่งซื้อตอนแรก 1 ส่วนคือส่วนที่ทางเรายอมจ่ายให้ ทีนี้ทางเราก็ตั้งใจว่า จะไม่ซื้อกับทางผู้ขาย
แล้ว เพราะไม่อยากเสี่ยง  เราก็จะเหลือแก้ไขอีกอย่างเดียวคือใบกำกับภาษีในส่วนของสินค้าที่จ่ายไป เป็นภาษีจำนวน
2 พันกว่าบาท  เราเลยโทรไปติดตามใบกำกับภาษีกับทางฝ่ายบัญชีของผู้ขาย  แต่คนรับคือเซลล์ที่ติดต่อซื้อไม้คนเดิม
ทางเขาบอกว่าจะจัดทำใบกำกับภาษีส่งไปรษณีย์ด่วนมาให้  เราก็แจ้งว่าอย่าลืมไปดำเนินการที่สรรพากรแล้วส่ง ภพ.20
ฉบับใหม่มาให้ด้วย  หรือถ้าไม่ดำเนินการที่สรรพากรก็ต้องคืนจำนวนภาษีที่เราจ่ายไปให้มา  ซึ่งถ้าจะทำอย่างหลังเนี่ย
ทางเราก็ยินยอมอยู่แล้ว  แต่จะยืนยันจะออกภาษี แต่ใบกำกับภาษีที่เราจะได้เรานำไปใช้แล้วผิดกฎหมาย ใครจะยอม
เขาแจ้งว่าจะส่งมาให้ถึงเราภายในวันจันทร์ที่ 16 ธ.ค.  เราก็โอเคตกลงจะรอ พอมาวันจันทร์เราก็รอไปรษณีย์ แต่สรุป
คือยังไม่มี  เราก็โทรไปทวงถามอีกทีแล้วบอกว่าต้องไม่เกินวันที่ 18 ธ.ค. เขาก็ตกลงเช่นเดิม  เมื่อถึงวันนัดอีกครั้ง
เราเช็คจากหน้าเว็บก่อนทุกวันว่าเขาไปดำเนินการทางสรรพากรหรือยัง ก็ยังไม่มีข้อมูลขึ้นมาเช่นเดิม และก็โทรไป
ตามเพราะเห็นเป็นวันที่นัด ผู้ขายกลับอ้างว่าบัญชีลางาน แต่ทั้ง ๆ ที่คุยแต่กับเซลล์คนนี้ตลอด แต่ทำเป็นเหมือนไม่รู้เรื่อง
แล้วยังพูดจาใส่อารมณ์มาที่เราอีก  แล้วบอกให้โทรมาพรุ่งนี้ เราเริ่มจะเบื่อติดตามแล้วตอนนี้ แต่จะไม่ทำก็ไม่ได้ ไม่งั้น
เท่ากับเราเสียเงินภาษีให้เขาไปฟรี โดยที่เราไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางภาษีได้ เราเลยอยากเอาเรื่องนี้มาเตือน
เป็นอุทาหรณ์สำหรับนิติบุคคลหรือกิจการที่ต้องใช้ภาษีนะคะ  ก่อนการซื้อขายเราควรตรวจสอบเอกสารที่ได้มาด้วย
อย่าประมาทเลินเล่อแบบเราที่คิดว่าทุกที่จะทำงานเหมือนกันไปหมด เราเองก็ยอมรับในความผิดพลาดของเราเอง
แล้วก็อยากบอกกับผู้ขายทั้งหลายนะคะ ไม่ว่าจะขายในนามนิติบุคคลหรือบุคคลธรรมดา อยากให้มีความซื่อตรงกัน
หน่อยค่ะ เอาใจเขามาใส่ใจเราด้วย เราไม่รู้ว่าผู้ขายที่เราเจอเขาไม่รู้เรื่องว่าบริษัทเขาโดยขีดชื่อที่กรมสรรพากรและ
มีสถานะเป็น "ร้าง" ในกรมพัฒนาธุรกิจการค้าหรือเจตนาใช้ชื่อเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในการขายของ  แต่คุณคะ
มันเป็นความผิดทางกฎหมายค่ะสำหรับภาษีที่คุณออกให้คนอื่น จะขายสินค้าไม่จำเป็นต้องเป็นในนามไหนหรอกค่ะ
เพียงคุณมีใจบริการและซื่อตรงกับลูกค้ามันเพียงพออย่างมากค่ะ  ที่บริษัทเราก็ซื้อไม้กับผู้ขายที่เป็นบุคคลธรรมดา
เยอะเหมือนกัน  แล้วก็ได้รับสินค้าคุณภาพและความซื่อตรงเป็นอย่างดีค่ะ  ฝากไว้ด้วยนะคะ


ปล. ต้องขออภัยเป็นอย่างมาก  การจัดระเบียบข้อความดูแย่ไปหน่อย
เคยแต่คอมเม้นท์น่ะค่ะ  นี่กระทู้แรกที่ตั้งเลยนะเนี่ย  : )
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่