ถ้าคนในสังคมร้อยละ 99 เป็นนักบุญหรือเป็นพระหมด ประชาธิปไตยก็จะกลายเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยไปในทันที ...

ถ้าคนในสังคมร้อยละ 99 เป็นนักบุญหรือเป็นพระหมด ประชาธิปไตยก็จะกลายเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยไปในทันที ก็ไม่จำเป็นแล้วถ้า 99 เปอร์เซ็นต์ในสังคมเป็นพระอรหันต์ เพราะจะไม่มีการขัดกันของผลประโยชน์หรืออุดมการณ์อะไรเลย

แต่ถ้าทั้งสังคมเป็นโจรหมด ประชาธิปไตยก็เกิดขึ้นไม่ได้อยู่แล้วตั้งแต่ต้น ปัญหาคือในโลกของความเป็นจริงที่เราอยู่ มันไม่ใช่โลกของนิทาน มันเป็นโลกของคนดีๆ ชั่วๆ เราไม่ได้ถูกสาปให้ดีหรือชั่วตั้งแต่กำเนิด ทุกคนก็เป็นมนุษย์ที่มีกิเลสตัณหา ทะเยอทะยาน ฉลาดบ้าง โง่บ้างตามเวลา แล้วความคิดของคนก็เปลี่ยนแปลงได้ ไม่มีใครที่จะเห็นตรงกับคนอื่นตลอดเวลาไปทุกเรื่อง หรือเห็นไม่ตรงกับคนอื่นไปตลอดเวลาในทุกเรื่อง"

ประจักษ์ ก้องกีรติ

>>
ขออธิบายบ้าง  ...

อย่างแรก - เลยประชาธิปไตยมันไม่ใช่เพียงแค่คนเสียงส่วนมากชนะ แต่มันเป็นการยอมรับในเสียงข้างมากและไม่ลืมไม่ทิ้งพวกเสียงข้างน้อย ไม่ยอมให้คนเสียงข้างมากถืออภิสิทธิ์มากกว่าคนเสียงข้างน้อย #ระบอบการปกครองนี้มีหลักมนุษย์นิยมเป็นพื้นฐาน คือมีพื้นฐานว่ามนุษย์ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน และการเลือกผู้นำประเทศของระบอบการปกครองนี้คือ ครั้งละ 4 ปี ดังนั้นสามารถใหม่ได้เรื่อยๆ แถมยังมีขั้วตรงข้ามคอยตรวจสอบอยู่

อย่างที่สอง - การปกครองบ้านเมืองหากมาใช้ศีลธรรมมาปกครองบ้านเมือง บ้านเมืองมันคงพัฒนาหรอกนะ ลองคิดดูสิว่าถ้าเรามีเมตตาธรรม เราส่งออกของราคาถูกๆ เพียงเพราะด้วยความเมตตา เราสงสารคนในชาติเมตตาคนในชาติที่มีทุกข์จากการเก็บภาษี จึงเก็บภาษีให้น้อยลง เราหยุดการนำเข้าขายเหล้าบุหรี่ เพราะผิดหลักศีลธรรมของพุทธศาสนา เวลาเราไปต่อรองเจรจากับต่างประเทศเรื่องอะไรก็ตามถ้าเค้าเอาเรื่องศีลธรรมมาเล่นเราก็ยอมเค้าหมดไม่ว่าเงื่อนไขจะได้เปรียบเสียเปรียบก็ตาม งี้เหรอ ใช้ศีลธรรมปกครองบ้านเมือง?

การปกครองบ้านเมือง(ทางโลก) กับ การศึกษาพระธรรม มันคนละจักรวาลกันเลย

การปกครองบ้านเมือง(ทางโลก) ต้องใช้หลักความเป็นมนุษญ์ ไม่ยอมคนง่ายๆ ยอมทำผิดบางอย่างเพื่อให้คนในประเทศ ชาติบ้านเมืองพัฒนา #คำว่าโลกสวยแบบใช้ศีลธรรมปกครองคนนี่โลกสวยยิ้ม


ปล. #ในอดีตกาล - พระพุทธเจ้า ทรงเบื่อความเชื่อแบบ พราหมณ์ ,ทรงเบื่อความสุขสบาย ในลาภยศ เงินทอง ,และอยากพ้นทุกข์ จากการเวียนว่าย เกิด แก่ เจ็บ ตาย จึงทรงสละแล้วทุกสิ่ง เพื่อไปแสวงหา ธรรม (ธรรมะชาติ) และ ทรงตรัสรู้ ได้พระธรรม คำสอน

#ปัจจุบัน - ใครบวชเป็นพระ ยิ่งดังยิ่งรวย ยิ่งต้องการเงินบริจาค เพื่อสร้างสิ่งก่อสร้างใหญ่ๆ สร้างความสะดวกสบาย มากมาย

จากเมื่อก่อน พระพุทธเจ้า ทรงละทิ้งพราหมณ์ในยุครุ่งเรือง เพราะ งมงาย ปัจจุบัน ศาสนาพุทธ เอาพิธีกรรมของพราหมณ์ มาผนวกเป็นส่วนนึงของ ศาสนา ละทิ้ง พระธรรมคำสอน โดยอ้างว่า ถ้าไม่มีพิธีกรรม แล้วประชาชนไม่ศรัทธา มันช่างย้อนแย้ง กับหลักจริงๆ ของพระพุทธเจ้า เสียจริงๆ

วัดดังๆ พระดังๆ กับ วัดจนๆ พระธรรมดา การกินอยู่ การเ้ข้าวัด ของประชาชน มันบ่งบอก ว่า แม้แต่การทำบุญ ยังมีการแบ่งชนชั้น

ศาสนาพุทธ สอนให้คิดดี พูดดี ทำดี (อย่างมีสติ และเหตุผล) แต่สิ่งที่ปรากฏจริงๆ กับเป็นตรงกันข้าม
ย้ำครับ #อย่าเห็นสุเทพเป็นดอกบัว <<<<<<

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่