โจทย์ยาก เพราะ “เจ็บ” ทุกคำตอบ ...... วิเคราะห์ ... ไทยรัฐออนไลน์
เป็นท่าทีหลังถูกถามเรื่องแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ กรณีการส่งผู้สมัครลง
สมัครรับเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.2557 หรือไม่ โดยนายจุติ ไกรฤกษ์ ว่าที่เลขาธิการ
พรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ เปรียบเทียบการตัดสินใจว่า “ส่งผู้สมัครก็ตาย หากไม่
ส่งก็พิการ”
เช่นเดียวกับ “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับ
การตัดสินใจทางใดทางหนึ่ง ย่อมมีผลกระทบต่อพรรค “เจ็บทุกทาง” ในสถานการณ์
ที่ส่งผู้สมัครก็เสียมวลชน ไม่ส่งก็จะเสียระบบ
แต่การที่ต้องเจอ “โจทย์ยาก” ครั้งนี้ จะเป็นช้อยส์ไหนที่ต้องเลือก “อภิสิทธิ์”
ขอเวลา ตัดสินใจไปในการประชุม ส.ส.ของพรรคร่วมกันตัดสินใจอีกครั้งใน
วันที่ 21 ธ.ค. จะเลือก “เจ็บ” แบบไหน
เจ็บแล้วจะ “จบ” หรือไม่ ไม่มีใครกล้าคอนเฟิร์ม
แต่เอาเป็นว่า การดึงจังหวะยื้อเวลาตัดสินใจออกไปวันที่ 21 ธ.ค. ก็ให้บังเอิญ
พอดีกับห้วงเวลาที่ “กำนันเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ที่
ขึ้นเวทีปราศรัย ถึงกรณีที่ “นายกฯปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยืนยันจะไม่ลาออกจาก
นายกฯรักษาการจนถึงวันเลือกตั้ง
เดินแผนสู้การ “ยื้ออำนาจ” ของนายกฯ ประกาศระดมพล ดีเดย์ 22 ธ.ค.นี้
“ขับไล่ยิ่งลักษณ์”
ไม่เท่านั้น “กำนันเทือก” ยังเตรียมวอร์มอัพ “เชิญแขก” วันที่ 19-20 ธ.ค.นี้
จะนำมวลชนเคลื่อนขบวนไปยังพื้นที่ต่างๆใน กทม. เพื่อชักชวนผู้คนเข้าร่วม
ชุมนุมขับไล่ “นายกฯปู” ทั้งย่านถนนเพชรบุรี สุขุมวิท หัวลำโพง เยาวราช
“มาดูกันว่าคราวนี้ได้กี่ล้านคน เราจะไล่ไม่หยุด ไม่ชนะไม่เลิก”
ปชป.ดึงจังหวะก่อนขยับ เพราะจากวันที่ 19-20 ธ.ค.ก็พอจะเห็นทิศทาง
กระแสประกอบการพิจารณา ก่อนวันสุกดิบ “ไล่นายกฯปู” ก็น่าจะตัดสินใจ
ได้จะเลือกเดินตามเกม “กำนันเทือก” เอาใจมวลชน หรือเล่นตามระบบ
กฎ-กติกา
อย่างไรก็ดี เมื่อดึงจังหวะ ก็เป็นอะไรที่ต้องมีฝ่ายออกมากระตุ้น ล่าสุดนายเชน
และนายธานี เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี นำกรรมการสาขาพรรค
ปชป. 7 สาขา แถลงที่เวทีม็อบราชดำเนิน โดยระบุว่า
อดีต ส.ส. กรรมการสาขาพรรคมีมติจะไม่ลงสมัครเลือกตั้ง จนกว่าจะปฏิรูปการ
เลือกตั้งให้เป็นธรรม
เร้าเกม เร่งประชาธิปัตย์ “คว่ำบาตร”
“2 น้องชายกำนัน” ผู้ที่ยังคงอิทธิพลในค่าย ปชป. ดึงน้ำหนักเอียงฝั่ง
“บอยคอตเลือกตั้ง” ชัดเจน
ในห้วงที่สถานการณ์ศึกชิงอำนาจประเทศไทยเขม็งเกลียว ใกล้ถึง “จุดแตกหัก”
ต่างฝ่ายต่างระดมสรรพกำลังมาเต็มพิกัด วางหมากแก้เกมกันช็อตต่อช็อตไม่ว่า
แนวรบด้านมวลชน-กฎหมาย ชิงกระแสบนโลกออนไลน์
เครือข่ายแนวร่วมนักวิชาการ-นักกฎหมายเปิดหน้าโรมรันชิงเหลี่ยมในปม
“ปฏิรูปประเทศ” กันมาพักใหญ่
ดักทางทันกันทุกช็อต เวทีชิง “ความชอบธรรม” ยังไม่ชี้ขาด
ขณะที่ “กรรมการยังกั๊ก” ปล่อยให้ 2 ขั้วมั่วๆล่อๆกันไปก่อน โดยเฉพาะ
“กรรมการสีเขียว” อย่างแม่ทัพนายกอง บิ๊กท็อปบูต พยายามรักษา
สถานภาพคนกลางถอยห่างความขัดแย้ง
โดยเฉพาะ “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
อุตส่าห์ฟุตเวิร์ก ลากเพื่อนเลิฟ ตท.12 “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผบ.ทบ. ออกจากมุมอับ ถูกดึง “เข้าพวก”
ในห้วงเวลาที่ยังไม่เหมาะ “แทงเต็ง”
แต่ก็เกือบเสียภาพไป เมื่อ “บิ๊กแป๊ะ” พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม
เล่นตามคำขวัญก่อนถึงวันเด็ก ในมุม “รู้กตัญญู” ประกาศท่าทีกองทัพกันโต้งๆ ส่ง
เสียงเชียร์เลือกตั้ง หนุนฝั่ง “รัฐบาลปู”
“ผิดคิว” ผบ.ทหารสูงสุด โดย “ตั้งใจ” ทำเอา “บิ๊กเจี๊ยบ” ไม่สบอารมณ์ ต้องตาม
ล้างตามเช็ดกันให้วุ่น
ดึงภาพสู่บทกรรมการที่แสนดี เดินแนว “กั๊ก” กันต่อไป
ก็เป็นอะไรที่ต้องจับตา “กรรมการ” จะ “ทรงตัว” ไปถึงจุดไหน ในภาวะ
จำเป็นกับภาพ “ทางเปิด”
แต่ใน “ทางลึก” ก็เริ่มเป็นที่จับตากับบท “กำนันนักบู๊” สู้ไม่ถอย ยกระดับมาถึง
ขั้นขับไล่นายกฯ แพลมไต๋เป้าหมาย “ล้างระบอบทักษิณ” ย่อมไม่ได้โด๊ปแค่
“ดีหมี–หัวใจเสือ”
ผู้อำนวยการสร้างน่าจะระดับ “ปึ้ก”
จึงต้องจับตาจากห้วงเวลาปลุกกระแสระดมมวลชนกันอีกรอบ ดีเดย์ “ไล่นายกฯปู”
22 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป
กับปม “เลื่อนเลือกตั้ง” ที่ฝ่ายต้านยังมีช่องทางขยับ
โอกาสไปสู่สนามเลือกตั้งได้ราบรื่น ดูแล้วยังไม่ง่าย.
ทีมข่าวการเมือง
http://www.thairath.co.th/column/pol/wikroh/390256
ส่อง′ประชาธิปัตย์′ปรับโฉม สู่ยุค′มาร์คเวอร์ชั่น3′ ... ข่าวมติชนออนไลน์
การประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ที่ประชุมได้
คัดเลือกคณะกรรมการบริหารพรรค 35 คน โดยมีตัวแทนจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง
(กกต.) เข้าร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้ง
ผลปรากฏว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
อีกคำรบหนึ่ง หรือเป็นสมัยที่ 3 โดยไม่มีคู่แข่ง
กล่าวถึงนายอภิสิทธิ์ได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคครั้งแรก ต่อจาก นายบัญญัติ
บรรทัดฐาน เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2548 อันเป็นการก้าวขึ้นสู่เจ้าสำนักค่าย
แม่พระธรณีบีบมวยผมในฐานะผู้นำรุ่นใหม่
การเลือกหัวหน้าพรรคครั้งนั้นเกิดขึ้นหลังจากพรรคประชาธิปัตย์เพลี่ยงพล้ำ
การเลือกตั้งต่อพรรคไทยรักไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ต่อมา นายอภิสิทธิ์ คนเดิม นำทีมสู้เลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554
แต่พ่ายแพ้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย จึงได้ประกาศลาออก
จากตำแหน่งหัวหน้าพรรค
แต่ในที่สุดมติที่ประชุมของพรรคประชาธิปัตย์ก็เสนอให้นายอภิสิทธิ์กลับมา
เป็นหัวหน้าพรรคสมัยที่ 2 ในเดือนสิงหาคมของปีเดียวกัน
สำหรับการขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมสมัยที่ 3 นี้ เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง
ทั่วไป ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557
ทั้งนี้ ภายหลังนายอภิสิทธิ์ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แล้ว
ได้เสนอชื่อบุคคลเป็นรองหัวหน้าพรรคตามโควต้าหัวหน้าพรรค จำนวน 5 คน
ประกอบด้วย 1.นายเกียรติ สิทธีอมร รับผิดชอบงานด้านเศรษฐกิจและ
ต่างประเทศ 2.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รับผิดชอบงานด้านสภาและนโยบาย
3.นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รับผิดชอบงานด้านการเมือง 4.ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
ดูงานด้านพัฒนาเรื่องท้องถิ่น และ 5.นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน รับผิดชอบงาน
ด้านสื่อสารและยุทธศาสตร์
ขณะที่ที่ประชุมพรรคได้เลือก "รองหัวหน้าพรรค" เป็น "รายภาค" จำนวน 5 คน
ประกอบด้วย 1.นายอัศวิน วิภูศิริ รองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ 2.คุณหญิงกัลยา
โสภณพนิช รองหัวหน้าพรรคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3.นายสาธิต ปิตุเตชะ
รองหัวหน้าพรรคภาคกลาง 4.นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคภาค
กทม. และ 5.นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคภาคใต้
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ยังเสนอชื่อผู้สมควรดำรงตำแหน่งต่างๆ ในคณะกรรมการ
บริหารพรรคอีก โดยเสนอ นายจุติ ไกรฤกษ์ เป็นเลขาธิการพรรค น.ส.ผ่องศรี
ธาราภูมิ เป็นนายทะเบียนพรรค นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ เป็นเหรัญญิกพรรค
และ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เป็นโฆษกพรรคสมัยที่สอง
นั่นคือรูปร่างหน้าตาของคณะกรรมการบริหารพรรคที่มีการปรับปรุงทั้งโครงสร้าง
และตัวบุคคลใหม่
วิโรจน์ อาลี อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) แสดงความ
คิดเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในพรรคประชาธิปัตย์ว่า เข้าใจว่านักการเมืองสมัยใหม่
ต้องมีลักษณะ 3 ประการใหญ่
หนึ่ง ต้องเป็นพรรคการเมืองของประชาชนซึ่งบ้านเรายังไม่มี พรรคที่มี อย่างมากที่
สุดก็คือพรรคที่นำมวลชนได้ อย่างกรณีพรรคเพื่อไทย ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ เท่าที่
ผมฟังข่าว ไม่ได้มีความพยายามที่จะปลุกให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากสักเท่าไร
ทั้งๆ ที่มีสาขาพรรคมากที่สุดในประเทศ แต่ดูเหมือนจะไม่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้
สอง พรรคการเมืองสมัยใหม่ต้องเน้นเรื่องนโยบาย เน้นเรื่องการคิดนวัตกรรม แต่ผม
ไม่เห็นว่าจะมีการพูดคุย ส่วนหนึ่งที่เห็นคือ มีความพยายามจะกระจายอำนาจมากขึ้น
แต่คนอีกกลุ่มหนึ่งก็พยายามรวบอำนาจอยู่
สาม ผมคิดว่าตัวหัวหน้าพรรคต้องเสียสละ ถ้าเป็นพรรคการเมืองที่เปิดให้ทุกคน
สามารถเข้ามามีบทบาท ก็ควรจะมีคนใหม่ๆ นโยบายใหม่ๆ เข้ามาบ้าง แต่สุดท้าย
มาจบที่คุณอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรค
จากหลักเกณฑ์ง่ายๆ สามข้อนี้ คิดว่าในการประชุม 2 วันที่ผ่านมา
งไม่เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้น
สุดท้ายวิโรจน์สรุปว่า ยังไม่เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์มีการปฏิรูปตรงไหน?
อีกข้อหนึ่งคือ เท่าที่เห็นพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงหลัง ไม่สามารถดึงคนใหม่ๆ
เก่งๆ เข้าพรรคได้ ทุกคนที่อยู่รายรอบมีบทบาททางการเมืองทุกวันนี้ ล้วนเป็น
คนใกล้ชิดนายอภิสิทธิ์ คนใกล้ชิดทำนองนี้ไม่สะท้อนถึงความหลากหลาย
ฉะนั้นมันก็ไม่ทำให้พรรคสามารถตอบโจทย์ประชาชนได้เท่าไหร่ มันก็เหมือนเดิม
แต่ถ้าโชคช่วย ประชาชนเบื่อพรรคเพื่อไทยขึ้นมา ก็จะมีคะแนนเสียงมากขึ้น
ขณะที่ รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ให้ความเห็นว่า ประชาธิปัตย์จากนี้ไปจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง จะไม่มีการปรับปรุง
ทิศทางการเดินเกมทางการเมืองใดๆ เป็นเรื่องน่าเสียดาย
ส่วนกรณี นายอลงกรณ์ (พลบุตร) หลุดจากรองหัวหน้าพรรคและไม่ได้ดำรง
ตำแหน่งใดๆ เลย รศ.ดร.พวงทองบอกว่า "สะท้อนชัดเจนว่าผู้ใหญ่ในพรรค
ไม่มีใครสนใจเรื่องปฏิรูปพรรค"
ด้วยเหตุนี้จึงสรุปว่า ประชาธิปัตย์จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
รศ.ดร.พวงทองบอกว่า ประชาธิปัตย์ในหลายปีที่ผ่านมาไม่มีการแข่งขันทางนโยบาย
กับพรรคคู่แข่ง มิหนำซ้ำยังใช้องค์กรอิสระมาเป็นผู้ช่วย เหล่านี้ถือว่าไม่ค่อยสร้างสรรค์
และถึงแม้ประชาธิปัตย์จะมีการเปลี่ยนตัวรองหัวหน้าพรรคใหม่ให้มาดูภารกิจแต่ละ
ด้านแล้ว ก็ยังมองว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร เพราะคนเหล่านี้เป็นเพียงองค์ประกอบ
เท่านั้น
การดำรงอยู่ของนายอภิสิทธิ์ทำให้การปฏิรูปพรรคไม่เกิดขึ้น พรรคประชาธิปัตย์
จึงยังไม่เปลี่ยนแปลง
เป็นบทสรุปที่สะท้อนออกมาภายหลังปรากฏตัวทีมงานบริหารชุดใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์
..........
(ที่มา:มติชนรายวัน 18 ธ.ค.2556)
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊กกับมติชนออนไลน์
www.facebook.com/MatichonOnline
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1387360245&grpid=01&catid=&subcatid=
ปชป. จะไปทางไหน ลงเลือกตั้ง หนทางชนะ ก็ยาก แต่ไม่ลงเลือกตั้ง ก็เท่ากับสนับสนุน
กปปส. ชึ่ง ปชป.ปฏิเสธตลอดว่า ไม่เกี่ยวกัน เอาไงดี
มาถึง ข่าวจาก "มติชน" ปชป. กับมาร์คเวอร์ชั่น 3 จะทำให้ ปชป.ชนะการเลือกตั้งไหม ?
มาร์ค ที่นำส.ส.ลาออกจากสมาชิกสภา บางทีก็ไปขึ้นเวที รดน.ด้วย
"ประชาธิปัตย์"...โจทย์ยาก เพราะ “เจ็บ” ทุกคำตอบ...วิเคราะห์...ไทยรัฐออนไลน์ .. ปชป.ยุค "มาร์คเวอร์ชั่น 3.. มติชนออนไลน์
เป็นท่าทีหลังถูกถามเรื่องแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ กรณีการส่งผู้สมัครลง
สมัครรับเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.2557 หรือไม่ โดยนายจุติ ไกรฤกษ์ ว่าที่เลขาธิการ
พรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ เปรียบเทียบการตัดสินใจว่า “ส่งผู้สมัครก็ตาย หากไม่
ส่งก็พิการ”
เช่นเดียวกับ “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับ
การตัดสินใจทางใดทางหนึ่ง ย่อมมีผลกระทบต่อพรรค “เจ็บทุกทาง” ในสถานการณ์
ที่ส่งผู้สมัครก็เสียมวลชน ไม่ส่งก็จะเสียระบบ
แต่การที่ต้องเจอ “โจทย์ยาก” ครั้งนี้ จะเป็นช้อยส์ไหนที่ต้องเลือก “อภิสิทธิ์”
ขอเวลา ตัดสินใจไปในการประชุม ส.ส.ของพรรคร่วมกันตัดสินใจอีกครั้งใน
วันที่ 21 ธ.ค. จะเลือก “เจ็บ” แบบไหน
เจ็บแล้วจะ “จบ” หรือไม่ ไม่มีใครกล้าคอนเฟิร์ม
แต่เอาเป็นว่า การดึงจังหวะยื้อเวลาตัดสินใจออกไปวันที่ 21 ธ.ค. ก็ให้บังเอิญ
พอดีกับห้วงเวลาที่ “กำนันเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ที่
ขึ้นเวทีปราศรัย ถึงกรณีที่ “นายกฯปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยืนยันจะไม่ลาออกจาก
นายกฯรักษาการจนถึงวันเลือกตั้ง
เดินแผนสู้การ “ยื้ออำนาจ” ของนายกฯ ประกาศระดมพล ดีเดย์ 22 ธ.ค.นี้
“ขับไล่ยิ่งลักษณ์”
ไม่เท่านั้น “กำนันเทือก” ยังเตรียมวอร์มอัพ “เชิญแขก” วันที่ 19-20 ธ.ค.นี้
จะนำมวลชนเคลื่อนขบวนไปยังพื้นที่ต่างๆใน กทม. เพื่อชักชวนผู้คนเข้าร่วม
ชุมนุมขับไล่ “นายกฯปู” ทั้งย่านถนนเพชรบุรี สุขุมวิท หัวลำโพง เยาวราช
“มาดูกันว่าคราวนี้ได้กี่ล้านคน เราจะไล่ไม่หยุด ไม่ชนะไม่เลิก”
ปชป.ดึงจังหวะก่อนขยับ เพราะจากวันที่ 19-20 ธ.ค.ก็พอจะเห็นทิศทาง
กระแสประกอบการพิจารณา ก่อนวันสุกดิบ “ไล่นายกฯปู” ก็น่าจะตัดสินใจ
ได้จะเลือกเดินตามเกม “กำนันเทือก” เอาใจมวลชน หรือเล่นตามระบบ
กฎ-กติกา
อย่างไรก็ดี เมื่อดึงจังหวะ ก็เป็นอะไรที่ต้องมีฝ่ายออกมากระตุ้น ล่าสุดนายเชน
และนายธานี เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี นำกรรมการสาขาพรรค
ปชป. 7 สาขา แถลงที่เวทีม็อบราชดำเนิน โดยระบุว่า
อดีต ส.ส. กรรมการสาขาพรรคมีมติจะไม่ลงสมัครเลือกตั้ง จนกว่าจะปฏิรูปการ
เลือกตั้งให้เป็นธรรม
เร้าเกม เร่งประชาธิปัตย์ “คว่ำบาตร”
“2 น้องชายกำนัน” ผู้ที่ยังคงอิทธิพลในค่าย ปชป. ดึงน้ำหนักเอียงฝั่ง
“บอยคอตเลือกตั้ง” ชัดเจน
ในห้วงที่สถานการณ์ศึกชิงอำนาจประเทศไทยเขม็งเกลียว ใกล้ถึง “จุดแตกหัก”
ต่างฝ่ายต่างระดมสรรพกำลังมาเต็มพิกัด วางหมากแก้เกมกันช็อตต่อช็อตไม่ว่า
แนวรบด้านมวลชน-กฎหมาย ชิงกระแสบนโลกออนไลน์
เครือข่ายแนวร่วมนักวิชาการ-นักกฎหมายเปิดหน้าโรมรันชิงเหลี่ยมในปม
“ปฏิรูปประเทศ” กันมาพักใหญ่
ดักทางทันกันทุกช็อต เวทีชิง “ความชอบธรรม” ยังไม่ชี้ขาด
ขณะที่ “กรรมการยังกั๊ก” ปล่อยให้ 2 ขั้วมั่วๆล่อๆกันไปก่อน โดยเฉพาะ
“กรรมการสีเขียว” อย่างแม่ทัพนายกอง บิ๊กท็อปบูต พยายามรักษา
สถานภาพคนกลางถอยห่างความขัดแย้ง
โดยเฉพาะ “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
อุตส่าห์ฟุตเวิร์ก ลากเพื่อนเลิฟ ตท.12 “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผบ.ทบ. ออกจากมุมอับ ถูกดึง “เข้าพวก”
ในห้วงเวลาที่ยังไม่เหมาะ “แทงเต็ง”
แต่ก็เกือบเสียภาพไป เมื่อ “บิ๊กแป๊ะ” พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม
เล่นตามคำขวัญก่อนถึงวันเด็ก ในมุม “รู้กตัญญู” ประกาศท่าทีกองทัพกันโต้งๆ ส่ง
เสียงเชียร์เลือกตั้ง หนุนฝั่ง “รัฐบาลปู”
“ผิดคิว” ผบ.ทหารสูงสุด โดย “ตั้งใจ” ทำเอา “บิ๊กเจี๊ยบ” ไม่สบอารมณ์ ต้องตาม
ล้างตามเช็ดกันให้วุ่น
ดึงภาพสู่บทกรรมการที่แสนดี เดินแนว “กั๊ก” กันต่อไป
ก็เป็นอะไรที่ต้องจับตา “กรรมการ” จะ “ทรงตัว” ไปถึงจุดไหน ในภาวะ
จำเป็นกับภาพ “ทางเปิด”
แต่ใน “ทางลึก” ก็เริ่มเป็นที่จับตากับบท “กำนันนักบู๊” สู้ไม่ถอย ยกระดับมาถึง
ขั้นขับไล่นายกฯ แพลมไต๋เป้าหมาย “ล้างระบอบทักษิณ” ย่อมไม่ได้โด๊ปแค่
“ดีหมี–หัวใจเสือ”
ผู้อำนวยการสร้างน่าจะระดับ “ปึ้ก”
จึงต้องจับตาจากห้วงเวลาปลุกกระแสระดมมวลชนกันอีกรอบ ดีเดย์ “ไล่นายกฯปู”
22 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป
กับปม “เลื่อนเลือกตั้ง” ที่ฝ่ายต้านยังมีช่องทางขยับ
โอกาสไปสู่สนามเลือกตั้งได้ราบรื่น ดูแล้วยังไม่ง่าย.
ทีมข่าวการเมือง
http://www.thairath.co.th/column/pol/wikroh/390256
ส่อง′ประชาธิปัตย์′ปรับโฉม สู่ยุค′มาร์คเวอร์ชั่น3′ ... ข่าวมติชนออนไลน์
การประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ที่ประชุมได้
คัดเลือกคณะกรรมการบริหารพรรค 35 คน โดยมีตัวแทนจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง
(กกต.) เข้าร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้ง
ผลปรากฏว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
อีกคำรบหนึ่ง หรือเป็นสมัยที่ 3 โดยไม่มีคู่แข่ง
กล่าวถึงนายอภิสิทธิ์ได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคครั้งแรก ต่อจาก นายบัญญัติ
บรรทัดฐาน เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2548 อันเป็นการก้าวขึ้นสู่เจ้าสำนักค่าย
แม่พระธรณีบีบมวยผมในฐานะผู้นำรุ่นใหม่
การเลือกหัวหน้าพรรคครั้งนั้นเกิดขึ้นหลังจากพรรคประชาธิปัตย์เพลี่ยงพล้ำ
การเลือกตั้งต่อพรรคไทยรักไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ต่อมา นายอภิสิทธิ์ คนเดิม นำทีมสู้เลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554
แต่พ่ายแพ้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย จึงได้ประกาศลาออก
จากตำแหน่งหัวหน้าพรรค
แต่ในที่สุดมติที่ประชุมของพรรคประชาธิปัตย์ก็เสนอให้นายอภิสิทธิ์กลับมา
เป็นหัวหน้าพรรคสมัยที่ 2 ในเดือนสิงหาคมของปีเดียวกัน
สำหรับการขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมสมัยที่ 3 นี้ เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง
ทั่วไป ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557
ทั้งนี้ ภายหลังนายอภิสิทธิ์ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แล้ว
ได้เสนอชื่อบุคคลเป็นรองหัวหน้าพรรคตามโควต้าหัวหน้าพรรค จำนวน 5 คน
ประกอบด้วย 1.นายเกียรติ สิทธีอมร รับผิดชอบงานด้านเศรษฐกิจและ
ต่างประเทศ 2.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รับผิดชอบงานด้านสภาและนโยบาย
3.นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รับผิดชอบงานด้านการเมือง 4.ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
ดูงานด้านพัฒนาเรื่องท้องถิ่น และ 5.นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน รับผิดชอบงาน
ด้านสื่อสารและยุทธศาสตร์
ขณะที่ที่ประชุมพรรคได้เลือก "รองหัวหน้าพรรค" เป็น "รายภาค" จำนวน 5 คน
ประกอบด้วย 1.นายอัศวิน วิภูศิริ รองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ 2.คุณหญิงกัลยา
โสภณพนิช รองหัวหน้าพรรคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3.นายสาธิต ปิตุเตชะ
รองหัวหน้าพรรคภาคกลาง 4.นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคภาค
กทม. และ 5.นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคภาคใต้
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ยังเสนอชื่อผู้สมควรดำรงตำแหน่งต่างๆ ในคณะกรรมการ
บริหารพรรคอีก โดยเสนอ นายจุติ ไกรฤกษ์ เป็นเลขาธิการพรรค น.ส.ผ่องศรี
ธาราภูมิ เป็นนายทะเบียนพรรค นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ เป็นเหรัญญิกพรรค
และ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เป็นโฆษกพรรคสมัยที่สอง
นั่นคือรูปร่างหน้าตาของคณะกรรมการบริหารพรรคที่มีการปรับปรุงทั้งโครงสร้าง
และตัวบุคคลใหม่
วิโรจน์ อาลี อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) แสดงความ
คิดเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในพรรคประชาธิปัตย์ว่า เข้าใจว่านักการเมืองสมัยใหม่
ต้องมีลักษณะ 3 ประการใหญ่
หนึ่ง ต้องเป็นพรรคการเมืองของประชาชนซึ่งบ้านเรายังไม่มี พรรคที่มี อย่างมากที่
สุดก็คือพรรคที่นำมวลชนได้ อย่างกรณีพรรคเพื่อไทย ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ เท่าที่
ผมฟังข่าว ไม่ได้มีความพยายามที่จะปลุกให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากสักเท่าไร
ทั้งๆ ที่มีสาขาพรรคมากที่สุดในประเทศ แต่ดูเหมือนจะไม่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้
สอง พรรคการเมืองสมัยใหม่ต้องเน้นเรื่องนโยบาย เน้นเรื่องการคิดนวัตกรรม แต่ผม
ไม่เห็นว่าจะมีการพูดคุย ส่วนหนึ่งที่เห็นคือ มีความพยายามจะกระจายอำนาจมากขึ้น
แต่คนอีกกลุ่มหนึ่งก็พยายามรวบอำนาจอยู่
สาม ผมคิดว่าตัวหัวหน้าพรรคต้องเสียสละ ถ้าเป็นพรรคการเมืองที่เปิดให้ทุกคน
สามารถเข้ามามีบทบาท ก็ควรจะมีคนใหม่ๆ นโยบายใหม่ๆ เข้ามาบ้าง แต่สุดท้าย
มาจบที่คุณอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรค
จากหลักเกณฑ์ง่ายๆ สามข้อนี้ คิดว่าในการประชุม 2 วันที่ผ่านมา
งไม่เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้น
สุดท้ายวิโรจน์สรุปว่า ยังไม่เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์มีการปฏิรูปตรงไหน?
อีกข้อหนึ่งคือ เท่าที่เห็นพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงหลัง ไม่สามารถดึงคนใหม่ๆ
เก่งๆ เข้าพรรคได้ ทุกคนที่อยู่รายรอบมีบทบาททางการเมืองทุกวันนี้ ล้วนเป็น
คนใกล้ชิดนายอภิสิทธิ์ คนใกล้ชิดทำนองนี้ไม่สะท้อนถึงความหลากหลาย
ฉะนั้นมันก็ไม่ทำให้พรรคสามารถตอบโจทย์ประชาชนได้เท่าไหร่ มันก็เหมือนเดิม
แต่ถ้าโชคช่วย ประชาชนเบื่อพรรคเพื่อไทยขึ้นมา ก็จะมีคะแนนเสียงมากขึ้น
ขณะที่ รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ให้ความเห็นว่า ประชาธิปัตย์จากนี้ไปจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง จะไม่มีการปรับปรุง
ทิศทางการเดินเกมทางการเมืองใดๆ เป็นเรื่องน่าเสียดาย
ส่วนกรณี นายอลงกรณ์ (พลบุตร) หลุดจากรองหัวหน้าพรรคและไม่ได้ดำรง
ตำแหน่งใดๆ เลย รศ.ดร.พวงทองบอกว่า "สะท้อนชัดเจนว่าผู้ใหญ่ในพรรค
ไม่มีใครสนใจเรื่องปฏิรูปพรรค"
ด้วยเหตุนี้จึงสรุปว่า ประชาธิปัตย์จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
รศ.ดร.พวงทองบอกว่า ประชาธิปัตย์ในหลายปีที่ผ่านมาไม่มีการแข่งขันทางนโยบาย
กับพรรคคู่แข่ง มิหนำซ้ำยังใช้องค์กรอิสระมาเป็นผู้ช่วย เหล่านี้ถือว่าไม่ค่อยสร้างสรรค์
และถึงแม้ประชาธิปัตย์จะมีการเปลี่ยนตัวรองหัวหน้าพรรคใหม่ให้มาดูภารกิจแต่ละ
ด้านแล้ว ก็ยังมองว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร เพราะคนเหล่านี้เป็นเพียงองค์ประกอบ
เท่านั้น
การดำรงอยู่ของนายอภิสิทธิ์ทำให้การปฏิรูปพรรคไม่เกิดขึ้น พรรคประชาธิปัตย์
จึงยังไม่เปลี่ยนแปลง
เป็นบทสรุปที่สะท้อนออกมาภายหลังปรากฏตัวทีมงานบริหารชุดใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์
..........
(ที่มา:มติชนรายวัน 18 ธ.ค.2556)
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊กกับมติชนออนไลน์
www.facebook.com/MatichonOnline
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1387360245&grpid=01&catid=&subcatid=
ปชป. จะไปทางไหน ลงเลือกตั้ง หนทางชนะ ก็ยาก แต่ไม่ลงเลือกตั้ง ก็เท่ากับสนับสนุน
กปปส. ชึ่ง ปชป.ปฏิเสธตลอดว่า ไม่เกี่ยวกัน เอาไงดี
มาถึง ข่าวจาก "มติชน" ปชป. กับมาร์คเวอร์ชั่น 3 จะทำให้ ปชป.ชนะการเลือกตั้งไหม ?
มาร์ค ที่นำส.ส.ลาออกจากสมาชิกสภา บางทีก็ไปขึ้นเวที รดน.ด้วย