"โลก" ล้อม "ไทย" .... วาทะกรรม "ไพร่ ผู้ดี" มติชนวิเคราะห์

กระทู้สนทนา
ท่าที นานาชาติ ปฏิวัติ"ประชาชน" ท่าที กองทัพ   วิเคราะห์  มติชนออนไลน์


ทําไม กปปส.จึงหงุดหงิดต่อ "ทหาร" ต่อกองทัพ ทำไม คปท.อันเป็นแนวร่วม
ของ กปปส. จึงหงุดหงิดต่อทหาร จึงหงุดหงิดต่อ "สหรัฐ"

คำตอบ 1 เพราะทหารไม่เอาด้วย

พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะตัวแทนทหารยืนยันในที่
ประชุมเสวนา "ประเทศไทยของเราจะไปทางไหน" ว่า

1 กองทัพต้องพิทักษ์รัฐธรรมนูญและระบอบประชาธิปไตย

1 กองทัพโดยผู้บัญชาการทหารสูงสุดยืนยันที่จะปฏิบัติอยู่ในกรอบรัฐธรรมนูญ
นี่คือจุดยืนของกองทัพ

1 กองทัพสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557

คำตอบ 1 เพราะสหรัฐอเมริกาเป็น 1 ใน 40 ประเทศที่แสดงท่าทีอย่างเด่นชัด
สนับสนุนการดำรงอยู่ของรัฐบาล

และอยากเห็นประเทศไทยก้าวเข้าสู่กระบวน การเลือกตั้ง

ปัจจัยของกองทัพ ปัจจัยของนานาชาติ จึงเป็นปัจจัยอันเป็นคุณต่อรัฐบาล
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และไม่เป็นคุณต่อการขับเคลื่อนของ กปปส. และ คปท.

ความหงุดหงิดจึงได้ปรากฏ



ต้องยอมรับว่าในยุคไร้พรมแดนอย่างที่เรียกว่าโลกาภิวัตน์ ความสัมพันธ์
ระหว่างประเทศใกล้ชิดสนิทสนมกันอย่างยิ่ง

เป็นความใกล้ชิดทางการค้า เป็นความใกล้ชิดทางการเมือง

แนวคิดในการแช่แข็งประเทศไทยอันเคยแสดงผ่านองค์การพิทักษ์สยามโดย
พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2555 จึงไม่ได้รับการสนับสนุน

ต่อการเคลื่อนไหวของ กปปส.ก็เช่นเดียวกัน

แม้จะใช้คำว่า "ปฏิวัติประชาชน" แม้จะแสดงทิศทางในการก้าวไปสู่
"สภาประชาชน" และรัฐบาลของประชาชน

แต่ประเทศแรกที่แสดงปฏิกิริยาคือ สาธารณรัฐประชาชนจีน

จีนเป็นประเทศแรกที่มอบหมายให้เอกอัครราชทูต
ประจำประเทศไทยเข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

อันเท่ากับให้กำลังใจ แสดงความเห็นอกเห็นใจ

จากนั้น จึงเป็นประเทศสหราชอาณาจักร จากนั้น จึงเป็นสหรัฐอเมริกา
ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหภาพยุโรป เป็นการให้การสนับสนุนการเดิน
หน้าแก้ปัญหาของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

เท่ากับ "โลก" กำลัง "ล้อม" ประเทศไทย

ไม่เพียงแต่รัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2534 เท่านั้นที่ปฏิกิริยาจาก
นานาชาติแสดงความไม่เห็นด้วย

ชื่อของ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ถูกปลดที่ฟอร์ธลีเวนเวิร์ธ

ชื่อของ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ถูกปลดที่ฟอร์ธลีเวนเวิร์ธ อันเป็น
โรงเรียนเสนาธิการทหารทรงเกียรติแห่งสหรัฐ

รัฐประหารเดือนกันยายน 2549 ก็ถูกปฏิเสธ

การลดงบประมาณช่วยเหลือในบางโครงการทางทหารกับสหรัฐ การออก
แถลงการณ์คัดค้านจากสหภาพยุโรป

แต่ที่สำคัญเป็นอย่างมาก คือ ปัญหาอันตกค้างและต่อเนื่องตลอด 7 ปี

สิ่งเหล่านี้ทหารไม่ว่ายุคของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ไม่ว่ายุคของ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ย่อมสรุปมาเป็นบทเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การใช้กำลังทหารปราบปรามประชาชนเมื่อเดือนเมษายน
พฤษภาคม 2553 คือความเสียหาย

เป็นความเสียหาย เป็นความอัปยศที่การเมืองทำให้ทหารต้องแปดเปื้อน

การขับเคลื่อนของ กปปส.ในเดือนพฤศจิกายน ธันวาคม 2556 คือ ความต่อเนื่อง
ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2549

ยังเป็น "ฝันร้าย" ของ "สังคมไทย

แม้จะมีปฏิกิริยาจากนานาอารยประเทศ แม้จะมีท่าทีอันแจ่มชัดตรง
ไปตรงมาของกองทัพไทย

กระนั้น ปัญหาและความขัดแย้งอันปะทุตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนก็ยังคงอยู่
และมีลักษณะยืดเยื้อ สถานการณ์เลือกตั้งแม้จะเป็นทิศทางแห่งประชาธิปไตย
แต่ก็อยู่บนความไม่แน่นอน

เพราะ "กปปส." ยังดำรง "การต่อสู้" อยู่

(ที่มา:มติชนรายวัน 17 ธ.ค.2556)

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊กกับมติชนออนไลน์
www.facebook.com/MatichonOnline

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1387269393&grpid=&catid=12&subcatid=1200


วาทกรรม อำพราง คนเมือง กับ คนบ้านนอก ′ผู้ดี′ กับ ′ไพร่′


ตอนที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เสนอวาทกรรมคำว่า "ไพร่" ขึ้นระหว่างการชุมนุมเมื่อ
เดือนเมษายน พฤษภาคม 2553

เสียงคัดค้านดังขึ้นอย่างหนาหู

เป็นเสียงคัดค้านจากฝ่ายที่ตระหนักว่าตนเป็น "ผู้ดี" เป็นเสียงคัดค้านจากฝ่าย
ที่ตระหนักว่าตนมีความรอบรู้ในประวัติศาสตร์ไทย

หนักแน่นและจริงว่า "ไม่จริง"

โดยยืนยันว่า ระบอบไพร่ได้รับการยกเลิกตั้งแต่แผ่นดิน
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 แล้ว

เมื่อเลิกระบอบไพร่ ก็กลายเป็นกระดานหกไปสู่การเลิกระบอบทาส

การปลดปล่อยระบอบไพร่ การเลิกระบอบทาส สอดรับกับการเติบใหญ่
ขยายตัวของสังคมไทยนับแต่การทำสนธิสัญญาบาวริ่งเมื่อ พ.ศ.2389

ระบอบอาจไม่มีแล้ว แต่ "ระบบ" ในทางความคิดยังดำรงอยู่

การเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อปี 2549
อาจยังไม่เด่นชัด เมื่อเปรียบเทียบกับการเคลื่อนไหวของ กปปส.ในปี 2556

เด่นชัดอย่างเป็น "รูปธรรม"

ท่ามกลางการเคลื่อนไหวของ กปปส.มีการเสนอกระบวนการ "ปฏิรูป"
การเมืองและสังคมขึ้นมาเพื่อพัฒนาไปสู่ระบอบประชาธิปไตย "สมบูรณ์"

สิ่งที่ต้องโค่นล้มและทำลายคือ "ระบอบทักษิณ"

เพราะระบอบทักษิณมีรากฐานมาจาก "ทุนนิยมสามานย์"
ทำให้กระบวนการเลือกตั้ง กระบวนการทางการเมืองบิดเบี้ยว

อาศัยเงินซื้อเสียงจาก "คนชนบท" แล้วมาจัดตั้ง "รัฐบาล"

เป็นรัฐบาลที่โกงกิน ทุจริตคอร์รัปชั่น เป็นรัฐบาลเผด็จการเสียงข้างมาก
นำพาประเทศชาติไปสู่ความหายนะ

จำเป็นต้องมีการปฏิรูปการเมือง

แม้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อันเป็นเหมือนหุ่นเชิดจะยุบสภา
แต่ก็ยังไม่เพียงพอ จำเป็นต้องลาออกจากนายกรัฐมนตรีรักษาการ
เพื่อเปิดช่องให้มีการใช้มาตรา 7 นำไปสู่การจัดตั้งสภาประชาชน
รัฐบาลประชาชน

ใช้เวลา 1 ปี หรือ 2 ปี เพื่อปรับโครงสร้างการเลือกตั้ง

จำกัดกรอบนักการเมือง "เดิม" เปิดช่องให้กับนักการเมือง "รุ่นใหม่"
ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเพื่อจัดตั้งสภา "คนดี" รัฐบาล "คนดี"

ยิ่งพูด ยิ่งมองเห็น "จุดต่าง"ระหว่าง "พลเมือง"

ต้องขอบคุณพรรคประชาธิปัตย์ ต้องขอบคุณ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
ที่ทำให้ปัญหาอันตกตะกอนนอนก้นได้ปรากฏขึ้นมา

เป็นการปรากฏในทาง "ความคิด"

นั่นเห็นได้จากคำพูดของ "ดอกเตอร์" บางท่านบนเวทีว่า "300,000 เสียง
ใน กทม.ที่มีคุณภาพ ย่อมดีกว่า 15,000,000 เสียง ในต่างจังหวัดที่ไร้คุณภาพ"


สอดรับคำพูดของอีก "ดอกเตอร์" ที่เป็นหมายเลข 1 ในคณะกรรมการ กปปส.

ระบบการเลือกตั้ง 1 คน 1 เสียง หรือ วันแมน วันโหวต ยังใช้กับคนไทยไม่ได้

เหล่านี้สะท้อนอย่างเด่นชัดถึงความแตกต่างในทาง "คุณภาพ" ระหว่างคนไทยใน
กทม.กับคนในต่างจังหวัด

ยืนยันว่า ความเสมอภาค 1 คน 1 เสียง เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง

หากนำเอาคำพูดเหล่านี้ไปพิจารณาประสานกับบทสรุปของ
พรรคประชาธิปัตย์ที่แพ้การเลือกตั้งต่อเนื่องมา 20 กว่าปี

ก็จะเห็นว่า "ตรงกัน"

การเคลื่อนไหวของ กปปส.ที่นำโดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
พร้อมกับการหนุนเสริมโดยพรรคประชาธิปัตย์ทำให้ความจริง
จากวาทกรรม "ไพร่" เมื่อปี 2553 เด่นชัด

เด่นชัดอย่างเป็น "รูปธรรม" ไม่อำพราง

ถามว่าในที่สุดแล้วการปะทะและขัดแย้งทางการเมืองตั้งแต่เมื่อปี 2549
สะท้อนอะไรออกมา

ตอบได้ว่า 1 สะท้อนจุดต่างในทางความคิด ขณะเดียวกัน
1 เป็นจุดต่างระหว่างคนในมหานครกับคนในชนบท
ระหว่างคนในเมืองใหญ่กับคนบ้านนอก

ระหว่าง "ผู้ดี" ส่วนน้อย กับส่วนใหญ่ซึ่งเป็นเสมือน "ไพร่"



(ที่มา:มติชนรายวัน 18 ธ.ค.2556)

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊กกับมติชนออนไลน์
www.facebook.com/MatichonOnline

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1387353299&grpid=&catid=12&subcatid=120

อ่านแล้ว  ลองนึกดูว่า  วันนี้  คุณเป็น "ไพร่"  หรือ "ผู้ดี"
เป็น 300.000 เสียงคุณภาพ  หรือเป็น  15.000.000  เสียงที่ไร้คุณภาพ
อ้อ วันนี้  ยังอยากให้ประเทสไทย  เป็นประเทศด้วยพัฒนาประชาธิปไตยต่อไปหรือเปล่า
เพราะ  วันนี้  เป็นของแปลก  ของสื่อตปท.  ที่ "มวลมหาประชาชน"  ชาวไทย
กำลังเรียกร้องขอเว้นวรรค  ประชาธิปไตย   ขณะที่ประเทศที่เป็นเผด็จการ ล้วนเดินขบวน
เรียกร้องประชาธิปไตย  กัน....สวัสดีตอนบ่าย
   หัวเราะ

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่