ผมยังจำได้ดีในวันที่ผมเผาหัวเธอ ใช่ผมพูดไม่ผิดแม้แต่น้อย ผมเผาหัวเธอจริงๆ ไฟแช็คยังคงคามือ กลิ่นใหม้ยังติดปลายจมูกอยู่เลยในความทรงจำ
ผมนะรู้แต่แรกแล้วว่าเธอชอบผม ผมนะก็ชอบเธอ ถ้าถามว่าชอบตอนไหนนะรึ คงบอกได้ว่าชอบตั้งแต่เห็นท้ายทอยเธอตั้งแต่ครั้งแรกก็ว่าได้ แต่ผมนะสิดันไป

เผาหัวเธอเอาซะงั้น เล่นซะจนเป็นประกายระยิบ เสียงดังเปาะแปะเหมือนเผาฟอนฟางที่บ้านนอก ไอ้เรามารู้ตัวอีกทีก็ตอนเธอร้อง "" เข้าเต็มหน้าผม
ก็อีก่อนหน้านั้นนะซิ ผมนะก็นั่งมองเธอมาตลอด มองมาเป็นเดือนๆละ แต่เธอนะมันพวกเด็กหน้าห้องเจ้ากรรม ไอ้ผมเลยต้องกลายเป็นเด็กแถว 2 โดยปริยาย เก้าอี้แถวหลังมันคงน้อยใจที่ขาดเพื่อนรู้ใจเช่นผมแต่ไม่เป็นไรหรอกเพื่อความรักผมทำได้ผมเลยต้องนั่งจ้องท้ายทอยหลังเธอมาเป็นแรมเดือนจนถ้าท้ายทอยเธอพูดได้คงเรียกผม " ผัวขา" ไปนานแล้ว แต่นี่มันติดตรงที่มันพูดไม่ได้กะอีแค่เอ๋ยทักทายผมยังไม่มี
จนมาถึงไอ้วันนั้นด้วยความที่ไอ้เสื้อเจ้ากรรมที่เธอใส่มานะซิ มันดันมีเส้นด้ายชี้เด่แทงขึ้นมาทะลุท้ายทอยของเธอ ไอ้ผมละเห็นแล้วอดรำคานตาเสียไม่ได้ ไอ้ครั้นผมจะเอื้อมมือไปดึงออกก็เกรงจะรูดตะเข็บให้ไอ้เสื้อที่มันแนบแน่นจนแทบปริอยู่แล้วนั้นรูดกราวจนมากองกับพื้น
ชัวโมงแล้วชั่วโมงเล่าผ่านไปผมเริ่มหงุดหงิดใจจนแทบคลั่ง จนบางครั้งผมจำต้องเบือนหน้าหนีเพื่อสูดอากาศบริสุทธ์ จนผมตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะเป็นจะตายอย่างไรก็ตามก่อนคาบบ่าย ผมต้องทำอะไรซักอย่างกับด้ายเส้นนั้นให้ได้
ผมนั่งคิดหาวิธีตลอดเวลาที่เหลือก่อนเที่ยงว่าจะทำอย่างไรดีกับไอ้ด้ายเส้นน้อยที่ลามเลียไปจนถึงไรผมของเธอแล้วตอนนี้ จนแล้วจนรอดก็คงไม่มีวิธีไหนดีไปกว่า “ การเผา ” เหมือนที่พ่อเคยเผาปลายเชือกลูกเสือสมัยเด็กมันจะหงิกงอขมวดปมไม่ทำให้ชุดนักศึกษาอันปริแน่นของเธอนั้นหลุดร่อนออกมาได้อีกครั้ง
ผมล้วงมือเตรียมอุปกรณ์ที่จะเป็นเครื่องมือร่วมสร้างความ

ในชีวิตรักของผมในอีกไม่กีนาทีข้างหน้า กำแน่นไว้ในมือ ผมยื่นมือออกไปพร้อมไฟเช็คจ่อเข้าที่ท้ายทอยเธออย่างเงียบกริบประดุจ

ำลังเข้าตะครุบลูกกวางน้อย ในขณะนิ้วหัวแม่มือผมเริ่มทำงานประสานกับกลไกของไฟแช็ค เธอกลับลุกพรวดขึ้นมาจนผมไม่ทันตั้งตัว โอกาสทองที่ดีที่สุดของผมหลุดลอยไปต่อหน้าต่อตา เพราะเวลาของนักศึกษาหน้าห้องของเธอได้จบลงแล้วในช่วงเช้า ผมทำได้แค่ปล่อยให้เธอเดินจากไปพร้อมรอยราคีจากเส้นด้ายที่อยู่ตรงท้ายทอยของเธออย่างไม่ใยดี
แต่ไหนเลยเล่าจะเกินความพยายามหากเราตั้งใจในรักแท้ ผมนั่งรอเธอตรงระเบียงยาวระหว่างทางไปห้องเรียนในช่วงบ่าย ครั้นผมจะตามไปจัดการกับด้ายเส้นน้อยที่อยู่ตรงโรงอาหารซึ่งมีประชากรคับคั่งในเวลาตอนกลางวันก็ดูจะไม่มีความโรแมนติกเอาเสียเลย ผมจึงนั่งรอเธออยู่ที่นั่นปล่อยให้ท้องร้องครำครวญถึงอาหารกลางวันที่ยังไม่ตกถึงท้องแม้แต่น้อยในวันนี้ แต่จะทำอย่างไรได้เล่าเพื่อคนที่ผมรักผมทำได้
แล้วก็เหมือนสวรรค์ประทานโอกาสอันแสนวิเศษมาสู่ผม เธอเดินมาตามทางระเบียงที่ในขณะนี้ไร้ซึ่งผู้คน ในมือของเธอหอบหนังสือพรุงพรังมาเต็มสองมือ สายตาเธอมองมายังผม ผมมั่นใจว่าผมเห็นยิ้มน้อยๆตรงมุมปากเธอในขณะที่เธอมองมา เวลาขณะนั้นเหมือนเวลาเคลื่อนช้าลงจนแทบจะหยุดนิ่ง หัวใจผมเต้นสั่นระรัวจนแทนทะลุมากองอยู่กับพื้น เวลานับเดือนที่ผมทู่ซี้กับทายทอยเธอมา นับไม่ได้เลยกับเวลาเพียงไม่กี่วินาทีที่เธอกำลังเดินเข้ามาหาผม ผมจ้องเธอ ตาไม่กระพริบเหมือนจะเก็บความทรงจำทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเธอไว้ในสมองให้ได้มากที่สุด ในขณะที่เธอเดินผ่านผมไปเธอก้มตัวลงเล็กน้อยแต่ก็เอนกายมาทางผมจนทำให้ผมแทบจะรวงไปกองกับพื้น ในวินาทีนั้น เองด้วยจิตใต้สำนึกในกายผมก็โพล่งขึ้นมาถึงไอ้ด้ายที่ท้ายทอยเธออีกครั้งหลังจากที่ผมเห็นหลังเธอขณะที่เธอกำลังจะเดินจากไป
เวลานี้ปากของผมมันช้ากว่าร่างกายไปเสียแล้ว ผมคว้าไหลเธอเอาไว้ เธอหันกลับมามองผมด้วยสายตาตื่นเล็กน้อย คิ้วของเธอขยับชนกันเหมือนจะเป็นเครื่องหมายคำถามถึงการที่ผมพันธนาการเธอไว้ในครั้งนี้ด้วยมืออันหยาบกระด้างของผม แต่เธอกลับปักหมุดกางเขนลงบนกลางใจของอีกฝ่ายเสียแล้วด้วยสายตาคู่นั้น โดยที่เธอกลับไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ
“ยืนนิ่งๆหน่อย” ผมสั่งเธอขณะที่ผมกำลังมองหาด้ายที่โผล่พ้นเสื้อของเธอออกมาในเวลานี้ ผมใช้มือดึงด้ายแล้วมันก็เป็นอย่างที่ผมคิด เสียงตะเข็บด้านในรูดตามกันมาดึงเสื้อตรงใหล่ที่ตึงแน่นให้ยับยู่มาตามด้ายเส้นนั้น เธอหันมองดูไหล่ของเธอในขณะยังยืนหันหลังให้กับผมอย่างงงๆกับสิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทำของด้ายเส้นน้อย ในขณะที่เธอกำลังมองไหล่ตัวเองอยู่นั่นเอง มือของผมก็จุดไฟแช็คที่กำอยู่ในมือโดยหมายจะจัดการเสียให้สิ้นเรื่อง แต่สายตาผมกลับมองใบหน้าเธออยู่แบบไม่วางตา เปลวไฟที่พวยพุ่งเกินความต้องการมันลามเลียเลยเส้นด้ายเสียแล้วในเวลานี้แต่กลับลามลึกติดไปยังเส้นผมของเธอ เธอหันกลับมามองร้อง ใส่หน้าผมผมจึงรู้ตัวว่าต้นเพลิงของผมมันลามเสียจนเกินการควบคุมเสียแล้ว ประกายไฟนี่ระยิบระยับ แตกเปาะแปะเปาะแปะน่าดูชม ........ นั่นคงเป็นครั้งแรกละมั้งที่ผมเสียคนที่ผมรักไปโดยไม่เคยได้บอกเธอ
ขอตั้งชื่อว่า : รักเผาหัว
ผมนะรู้แต่แรกแล้วว่าเธอชอบผม ผมนะก็ชอบเธอ ถ้าถามว่าชอบตอนไหนนะรึ คงบอกได้ว่าชอบตั้งแต่เห็นท้ายทอยเธอตั้งแต่ครั้งแรกก็ว่าได้ แต่ผมนะสิดันไป
ก็อีก่อนหน้านั้นนะซิ ผมนะก็นั่งมองเธอมาตลอด มองมาเป็นเดือนๆละ แต่เธอนะมันพวกเด็กหน้าห้องเจ้ากรรม ไอ้ผมเลยต้องกลายเป็นเด็กแถว 2 โดยปริยาย เก้าอี้แถวหลังมันคงน้อยใจที่ขาดเพื่อนรู้ใจเช่นผมแต่ไม่เป็นไรหรอกเพื่อความรักผมทำได้ผมเลยต้องนั่งจ้องท้ายทอยหลังเธอมาเป็นแรมเดือนจนถ้าท้ายทอยเธอพูดได้คงเรียกผม " ผัวขา" ไปนานแล้ว แต่นี่มันติดตรงที่มันพูดไม่ได้กะอีแค่เอ๋ยทักทายผมยังไม่มี
จนมาถึงไอ้วันนั้นด้วยความที่ไอ้เสื้อเจ้ากรรมที่เธอใส่มานะซิ มันดันมีเส้นด้ายชี้เด่แทงขึ้นมาทะลุท้ายทอยของเธอ ไอ้ผมละเห็นแล้วอดรำคานตาเสียไม่ได้ ไอ้ครั้นผมจะเอื้อมมือไปดึงออกก็เกรงจะรูดตะเข็บให้ไอ้เสื้อที่มันแนบแน่นจนแทบปริอยู่แล้วนั้นรูดกราวจนมากองกับพื้น
ชัวโมงแล้วชั่วโมงเล่าผ่านไปผมเริ่มหงุดหงิดใจจนแทบคลั่ง จนบางครั้งผมจำต้องเบือนหน้าหนีเพื่อสูดอากาศบริสุทธ์ จนผมตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะเป็นจะตายอย่างไรก็ตามก่อนคาบบ่าย ผมต้องทำอะไรซักอย่างกับด้ายเส้นนั้นให้ได้
ผมนั่งคิดหาวิธีตลอดเวลาที่เหลือก่อนเที่ยงว่าจะทำอย่างไรดีกับไอ้ด้ายเส้นน้อยที่ลามเลียไปจนถึงไรผมของเธอแล้วตอนนี้ จนแล้วจนรอดก็คงไม่มีวิธีไหนดีไปกว่า “ การเผา ” เหมือนที่พ่อเคยเผาปลายเชือกลูกเสือสมัยเด็กมันจะหงิกงอขมวดปมไม่ทำให้ชุดนักศึกษาอันปริแน่นของเธอนั้นหลุดร่อนออกมาได้อีกครั้ง
ผมล้วงมือเตรียมอุปกรณ์ที่จะเป็นเครื่องมือร่วมสร้างความ
แต่ไหนเลยเล่าจะเกินความพยายามหากเราตั้งใจในรักแท้ ผมนั่งรอเธอตรงระเบียงยาวระหว่างทางไปห้องเรียนในช่วงบ่าย ครั้นผมจะตามไปจัดการกับด้ายเส้นน้อยที่อยู่ตรงโรงอาหารซึ่งมีประชากรคับคั่งในเวลาตอนกลางวันก็ดูจะไม่มีความโรแมนติกเอาเสียเลย ผมจึงนั่งรอเธออยู่ที่นั่นปล่อยให้ท้องร้องครำครวญถึงอาหารกลางวันที่ยังไม่ตกถึงท้องแม้แต่น้อยในวันนี้ แต่จะทำอย่างไรได้เล่าเพื่อคนที่ผมรักผมทำได้
แล้วก็เหมือนสวรรค์ประทานโอกาสอันแสนวิเศษมาสู่ผม เธอเดินมาตามทางระเบียงที่ในขณะนี้ไร้ซึ่งผู้คน ในมือของเธอหอบหนังสือพรุงพรังมาเต็มสองมือ สายตาเธอมองมายังผม ผมมั่นใจว่าผมเห็นยิ้มน้อยๆตรงมุมปากเธอในขณะที่เธอมองมา เวลาขณะนั้นเหมือนเวลาเคลื่อนช้าลงจนแทบจะหยุดนิ่ง หัวใจผมเต้นสั่นระรัวจนแทนทะลุมากองอยู่กับพื้น เวลานับเดือนที่ผมทู่ซี้กับทายทอยเธอมา นับไม่ได้เลยกับเวลาเพียงไม่กี่วินาทีที่เธอกำลังเดินเข้ามาหาผม ผมจ้องเธอ ตาไม่กระพริบเหมือนจะเก็บความทรงจำทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเธอไว้ในสมองให้ได้มากที่สุด ในขณะที่เธอเดินผ่านผมไปเธอก้มตัวลงเล็กน้อยแต่ก็เอนกายมาทางผมจนทำให้ผมแทบจะรวงไปกองกับพื้น ในวินาทีนั้น เองด้วยจิตใต้สำนึกในกายผมก็โพล่งขึ้นมาถึงไอ้ด้ายที่ท้ายทอยเธออีกครั้งหลังจากที่ผมเห็นหลังเธอขณะที่เธอกำลังจะเดินจากไป
เวลานี้ปากของผมมันช้ากว่าร่างกายไปเสียแล้ว ผมคว้าไหลเธอเอาไว้ เธอหันกลับมามองผมด้วยสายตาตื่นเล็กน้อย คิ้วของเธอขยับชนกันเหมือนจะเป็นเครื่องหมายคำถามถึงการที่ผมพันธนาการเธอไว้ในครั้งนี้ด้วยมืออันหยาบกระด้างของผม แต่เธอกลับปักหมุดกางเขนลงบนกลางใจของอีกฝ่ายเสียแล้วด้วยสายตาคู่นั้น โดยที่เธอกลับไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ
“ยืนนิ่งๆหน่อย” ผมสั่งเธอขณะที่ผมกำลังมองหาด้ายที่โผล่พ้นเสื้อของเธอออกมาในเวลานี้ ผมใช้มือดึงด้ายแล้วมันก็เป็นอย่างที่ผมคิด เสียงตะเข็บด้านในรูดตามกันมาดึงเสื้อตรงใหล่ที่ตึงแน่นให้ยับยู่มาตามด้ายเส้นนั้น เธอหันมองดูไหล่ของเธอในขณะยังยืนหันหลังให้กับผมอย่างงงๆกับสิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทำของด้ายเส้นน้อย ในขณะที่เธอกำลังมองไหล่ตัวเองอยู่นั่นเอง มือของผมก็จุดไฟแช็คที่กำอยู่ในมือโดยหมายจะจัดการเสียให้สิ้นเรื่อง แต่สายตาผมกลับมองใบหน้าเธออยู่แบบไม่วางตา เปลวไฟที่พวยพุ่งเกินความต้องการมันลามเลียเลยเส้นด้ายเสียแล้วในเวลานี้แต่กลับลามลึกติดไปยังเส้นผมของเธอ เธอหันกลับมามองร้อง ใส่หน้าผมผมจึงรู้ตัวว่าต้นเพลิงของผมมันลามเสียจนเกินการควบคุมเสียแล้ว ประกายไฟนี่ระยิบระยับ แตกเปาะแปะเปาะแปะน่าดูชม ........ นั่นคงเป็นครั้งแรกละมั้งที่ผมเสียคนที่ผมรักไปโดยไม่เคยได้บอกเธอ