ใครเป็นวิศวกรบ้างครับ มาเล่าประสบการณ์ทำงาน ในแต่ละวันหน่อย

วิศวกรอะไรก็ได้ครับ ทุกแขนง  
อยากทราบง่า ปกติวิศวกร เขาทำงานกันอย่างไร อะไรยังไงกันบ้าง
ใครเป็น วิศวกร มาเล่าประสบการณ์ทำงานในแต่ละวันให้หน่อยครับ
อ้อ ประสบการณ์ตอนเรียนด้วยก็ดีครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ผมเรียนปวส.เทคนิคคอมพิวเตอร์มา แต่มาทำงานเป็นวิศวกรไฟฟ้าครับ
งานหลักเปลี่ยนหลอดไฟ งานรองลงมาคือรับผิดชอบสายไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่อพวงทุกชิ้น
รวมถึงเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 5 ตัว ตัวละ 2 MW.ครับ บรรยากาศที่ทำงานผมครับ


ตู้ปลาที่ทำงานผม
ความคิดเห็นที่ 73
ผมจบวิศวกรรมไฟฟ้า มทส.หลังจากจบก็เดินสายสัมภาษณ์งานสักพัก จนได้งานแถวชลบุรี งานแรกเป็นงานเกี่ยวกับการต่อเรือให้กับบริษัทต่างชาติ แต่บริษัทเป็นของสิงคโปร์ที่มาเปิดในไทย เป็นเรือสำรวจน้ำมัน

เริ่มแรกการทำงาน ด้วยความที่เป็นเด็กจบใหม่ต้องไปทำงานกับช่าง เริ่มตั้งแต่ลากสายไฟ main power cable สายเมน จากใบพัดท้ายเรือมาหาเจนเนอเรเตอร์ ดึงสายคอลโทรลจากแต่ล่ะอุปกรณ์ จาก Top Deck คือชี้นสูงสุดของเรือลงมายังต่ำสุด เรือแต่ละลำก็มีหลายชั้นนะครับ เดินขึ้นลงนี่ขาแทบลาก คือพอนึกสภาพการต่อเรือออกนะครับ คือมันเป็นเหล็ก ก็จะมีการเชื่อม การเจีย แม้แต่การทาสีด้วย หลายแผนกที่ทำงานด้วยกัน ไม่ต้องบอกเลยข้างในเป็นยังไง ควันการเชื่อม เสียงการเจีย หลังจากเชื่อมเจียเสร็จก็ทาสี อบอวนครับ เวลาดึงสายไป รางเดินไฟไม่ใช่ไปง่ายๆซิกแซกไปเรื่อย ทั้งผ่านรูเจาะ ส่วนโค้ง ก็ถือว่าลำบากพอควร แต่ก็มีวิธีจัดการได้ครับ แล้วลงดึงใต้ท้องเรือ เหล็กเจอแดดเป็นไงหล่ะครับ ร้อนตับแตก แต่ถ้าร้อนต้องดื่มน้ำเยอะๆ ระวังเรื่องพื้นที่อับอากาศ ต้องมีการให้เซพตี้เช็คก่อนและเอาลมเป่าเข้าไป
ทำแบบนี้จนกว่าจะผ่านโปร 6 เดือน ตอนนั้นเงินเดือนก็เท่าช่างเลย หลังจากผ่านโปรก็ดีขึ้นหน่อย เขาให้เข้ามาในออฟฟิตให้เป็นผู้ช่วย ผจก ที่เป็นฝรั่ง ตอนนั้นคือมีผมคนไทยคนเดียวในออฟฟิต นอกนั้นโปรตุเกต ฮอลแลนด์ สิงคโปร์ ฟิลลิปปินส์ บอกเลยตอนนั้นภาษาก็ไม่แข็งแรง แรกๆฟังไม่ค่อยออก มันเป็นการทำให้เราต้องค้นคว้า ศึกษาเพิ่ม ผมเริ่มจำที่เขาพูดแล้วก็ไปค้นหาว่ามันหมายถึงอะไร จนเริ่มเข้าใจมากขึ้น และศึกษาภาษาอังกฤษเพิ่มอีก ทุกอย่างเป็นอังกฤษ อีเมลเราก็ต้องพยายามเขียน มันเป็นการกดดันที่ให้เราดีขึ้น ต้องเรียนรู้เพิ่ม แล้วก็เริ่มรับงานทีละชิ้นจาก ผจก ซื้งเป็นฝรั่ง
งานผมหลังจากนั้นก็ได้เป็นโฟร์แมน โปรเจคต่อๆก็ได้เป็น ซุปเปอไวเซอร์ ดูแลการดึงสาย ดูแบบเรื่องการคอนเนคสาย ซึ่งภายในเรือมีหลายระบบมาก จากเรด้า สัญญาณวิทยุ ระบบเตือนภัย ระบบขับเคลื่อน การควบคุมใบพัด สวิทบอร์ด ไปถึงการถ่วงน้ำหนักเรือ มีให้เรียนรู้เยอะเลย จนถึงงานคอมมิสชั่นนิ่ง คือทดสอบฟังก์ชั่น ว่าเป็นไปตามแบบไหม จนถึงการออนไฟ Turn on

เป็นงานที่ทำให้ผมต่อยอดได้หลายเรื่อง หลังจากผ่านการลำบากมา พอเสร็จก็จะมีการทดสอบระบบต่างๆ โดยการออกทะเล เพื่อทดสอบเขาเรียก Sea trial ก็จะมีคนจากมาตรฐานของโลกที่ต้องเซนว่าระบบผ่านการทดสอบ ตอนนั้นผมคิดว่าอยากจะทำงานในเรือขึ้นมา โดยเป็นคนดูแลระบบไปให้กับเรือเวลาเดินเรือ แต่ต้องสอบหลักสูตรพื้นฐาน 4 วิชาจากกรมเจ้าท่า และสามารถทำ seaman book เหมือนพาสปอตเรานี่แหละแต่สำหรับคนเดินเรือ กะจะไปสอบแต่ผมยังไม่ได้ทำ
จนกระทั้งเรือเสร็จก็จะนำไปส่งให้กับทางสิงคโปร์ ผมก็ติดตามเรือไปส่งเพือ โอนแต่ละระบบให้กับเจ้าของเรือ

พอถึงสิงคโปร์ผมอยู่ท่าเรือราวๆเดือนนึง กว่าจะเสร็จงาน ได้มีโอกาสเข้าไปชมเมืองของสิงคโปร์ รู้สึกบ้านเมืองเขาสะอาด เป็นระเบียบ และปลอดภัย เริ่มรู้สึกอยากมาทำงานที่นี่ ตอนนั้นเรือมีหลายโปรเจคนะ จนถึงโปรเจคสุดท้าย โปรเจคฟมดแล้วทำไงต่อ ทำงานอู่ต่อเรือ 2 ปี ก็เริ่มลดพนักงานลง ผมตัดสิ้นใจสมัครงานใหม่ พอดีโชคดีเจอบริษัทที่ส่งมาสิงคโปร์ รีบเลย สัมภาษณ์อังกฤษ ทั้งพูดทั้งเขียน สรุปผ่านครับ ดีใจฝุดๆ ผมก็ได้เดินทางมาสิงคโปร์ตั้งแต่ตอนนั่น และทำงานสายเซอวิส เกี่ยวกับ Substation GIS AIS, switch gear หรือ เบรคเกอร์, หม้อแปลง รีเลย์ ทั้งติดตั้ง ทดสอบ คอมมิสชั่นนิ่ง มาแรกๆก็โดนดูถูกไปเยอะ เพราะเขาบอกคนไทยพูดอังกฤษไม่ได้ เขาให้ทำไรก็ต้องทำแหละ พอมีประสบการเพิ่มขึ้นหน่อยเขาถึงยอมรับเรา
ตอนนี้ก็อยู่สิงคโปร์เกือบสามปีแล้วครับ
เป็นกำลังใจให้คนสำหรับทำงานใหม่ๆ มีลำบากบ้างอย่าท้อนะครับ^^ ภาษาคือด่านแรกที่จะเจอ โดยเฉพาะอังกฤษ ถ้าเก่งจะได้เปรียบคนอื่น และมีสิทธิ์มากกว่า เรื่องงานค่อยฝึกกันที่หลังครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่