<<<<<<<<<<สัมภาษณ์ เจมส์ จิรายุ นิตยสาร Crow Issue 24 October 2013

Crow Issue 24 October 2013

Reached the Climax Jirayu Tangsrisuk


อีกครั้งกับเจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข ที่มาขึ้นปกกับ Crow ณ วันนี้ทุก ๆ คนต้องยอมรับในความ Climax ที่ครบเครื่องในตัวตนของเขาแน่นอน วิธีการพูด การตอบคำถาม ลูกอ้อนที่ส่งผ่านบทสัมภาษณ์ไปถึงแฟนคลับ ความ Climax ครบเครื่องเหล่านี้แหละ ที่ทำให้เขาเป็นสุดยอดนักแสดงในปีนี้

ได้รับเลือกเป็น C Climax ความเป็นที่สุด


    เป็นเกียรติกับผมมากครับ ที่จริงแล้วผมว่าน่าจะเป็นส่วนหนึ่งในส่วนของการทำงานที่ผ่านมามากกว่าถึงได้รับตรงนี้ ยิ่งมีพี่ปิ๊กที่เป็นเหมือนกุนซือที่คอยบอกว่าผมควรจะไปทิศทางไหน กับการแสดงครั้งแรกก็ไม่ได้คาดหวังว่าเรื่องแรกจะมีชื่อเสียง และดังเปรี้ยงขนาดนี้ มันเกินคาด ตกอกตกใจมากกว่า และผมคิดว่า Climax มันน่าจะเริ่มจากตัวของผมเองที่ได้ลงมือทำอะไรบางอย่างตามที่ตั้งใจ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำ ไม่ย่อท้อ ไม่ได้งอแงที่จะไม่อยากทำอะไร ตรงนี้แหละที่สำคัญที่จะทำให้คน ๆ หนึ่ง หรือว่าให้ทุกคนสามารถที่จะพบคำว่า Climax ในงานที่ทำอยู่ได้ ณ วันนี้ผมอยากเป็น Climax ในเรื่องของชีวิตมากกว่า ชีวิตคนมันแปลกอย่างหนึ่ง บางคนเขาจะดิ้นรนไปวัน ๆ โดยที่ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วต้องการอะไรในชีวิต ผมว่าเมื่อไรที่เราหา Climax ของชีวิตเจอนั่นคือความสุขที่สุดครับ

ชีวิตกลับตาลปัตรเมื่อเป็นเจมส์จิ ของคนทั้งประเทศ

    ต้องขอบคุณแฟนคลับทุกคนมาก ๆ ครับ เพราะว่าก่อนที่ละครจะถ่าย มันมีการโปรโมตที่ คุณชายทั้งห้า มาทำกิจกรรมร่วมกัน ผมเริ่มมีคนรู้จัก เริ่มมีแฟนคลับมาตามผม ตอนนั้นก็งงมาก เพราะว่าละครยังไม่ออก และยังไม่มีผลงานให้เขาเห็นเลย พอจนถึงทุกวันนี้ น่ารักมากครับ ทุกคนก็ยังอยู่ แล้วก็มีเพิ่มมาเรื่อยๆ คอยเป็นห่วงเป็นใยมากขึ้นเรื่อย ๆ จริง ๆนะครับ ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงมีคนชื่นชอบขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเขาชอบเราตรงไหนหรืออะไร แต่ก็มีคนมาบอกประจำก็คือ ผมเป็นคนที่สนุกสนาน ชอบยิ้ม ชอบคุย ชอบหัวเราะ น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่เขาชอบก็ได้ครับ
    แปลกดีนะ ผมว่าชีวิตมันเปลี่ยนไปเป็นหน้ามือเป็นหลังมือเลย และมันแตกต่างกันมากครับ ถ้าผมไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ก็ไม่รู้จริงๆ ว่าที่เราเจอตอนนี้มันคืออะไร แต่ที่ผมรู้สึกได้ถือว่าสุดยอดจริง ๆ เป็นประสบการณ์ที่ดีสุดในชีวิตเลย ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ชีวิตบางส่วนหายไปบ้าง แต่ก็ได้เจอในส่วนที่ไม่เคยได้คิดได้ฝัน ถ้าไม่ได้อยู่ในวงการ ผมก็คงเป็นเด็กเกรียนๆ เด็กนักเรียนที่เลิกเรียนแล้วไปนั่งเล่นเกมกับเพื่อน นั่งติวหนังสือกัน ชีวิตตอนนี้ก็ทำงาน 7 วันเลยครับ ตอนนี้กำลังเร่งถ่ายทำหนังเรื่องไทม์ไลน์ กำลังจะปิดกล้องแล้วครับ แล้วละครก็เพิ่งเสร็จไป คือเรื่อง ทองเนื้อเก้า ส่วนโฆษณาก็มีเท่าที่เห็นออกอากาศครับ

เหนื่อยแค่ไหนก็ไม่ทิ้งการเรียน

    ส่วนเรื่องเรียนตอนนี้ก็โชคดีที่อาจารย์คอยแนะนำ คอยติววิชาที่เรียน เพราะมีเพื่อน ๆ ที่เป็นนักแสดงเหมือนกัน เขาเลยเปิดคอร์สพิเศษขึ้นมาสอนเป็นบางวิชา แต่ว่าต้องนัดวันที่ตรงกันไปเรียนครับ ถ้าถามว่าท้อมั้ยที่ทำงานหนักทุกวันก็มีบ้างเวลาผมทำงานหนัก แล้วรู้สึกว่ามันเหนื่อยจริง ๆ แต่ถึงเหนื่อยแค่ไหนต้องทำ เพราะมีคนที่เหนื่อยกว่าเราเยอะแยะมากมาย และผมก็คิดเสมอว่าจะทำทุกอย่างแบบเต็มที่ เพราะในวันข้างหน้าจะได้ไม่มานั่งคิดเสียดายว่าตอนนั้นทำไมเราไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ เหมือนตอนเด็กๆ ผมเป็นคนที่เรื่อย ๆ หนังสืออ่านบ้างไม่อ่านบ้าง ถ้าขยับป่านนี้ก็คงได้เรียนแบบที่ฝัน โห… คงเท่น่าดู


ถึงงานจะหนักแต่มีวิธีหาความสุข

    เวลาที่เราทำงานหนัก ๆ ร่างกายต้องการพักผ่อน ทุกวันนี้การที่ตื่นขึ้นมาเพื่อทำงานผมว่ามันแฮปปี้แล้วนะ ได้มาทำงานกับคนที่เราสนิทสนม เรารู้จัก ตรงนี้ถือว่าได้อยู่ในสังคมที่ทำให้ผมมีความสุขก็เป็นเรื่องดีอีกเรื่องหนึ่ง ได้มีโอกาสไปพัก แค่เที่ยวทะเลกับครอบครัว หรือไปเที่ยวทะเลกับเพื่อน หรือแม้กระทั้งกับพี่ปิ๊ก ไปเที่ยวร่วมกัน เฮฮาสังสรรค์ ผมว่าอันนั้นก็เป็นอีกมุมหนึ่ง อีกวิธีหนึ่งที่ชีวิตต้องการมาก เวลาคนเราเหนื่อย ๆ อะไรมาก ๆ ต้องการพักผ่อนเวลาไปทะเลหรือไปภูเขาแล้วมันรู้สึกดีมาก โคตรมีความสุข
    ส่วนเรื่องแฟนคลับ เร็ว ๆ นี้ผมจะจัดมีตติ้งตอบแทนพวกเขาครับ มันเป็นความพิเศษ โดยเฉพาะแฟนคลับที่ติดตามผมมาตั้งแต่ตอนเริ่มแรก ผมก็อยากให้ทุกคนมาตั้งแต่ตอนเริ่มแรก ผมก็อยากให้ทุกคนมา เพราะว่ามันเป็นเรื่องดี ๆ ในระยะเวลาเกือบหนึ่งปีที่ได้เจอกัน ได้รู้จักกันมา ก็อยากจะเจอทุกคน แล้วก็อยากจะทักทายทุกคนจริง ๆ ครับ มันสนุกและมีความสุขตรงที่มีคนมาร่วมงานเยอะ ๆ และมีกิจกรรมร่วมกัน แต่ยังไม่บอกนะ (หัวเราะ)

การวางตัวกับจุดยืนที่อยู่ในฐานะขวัญใจของมวลชน

              พี่ปิ๊กเขาจะสอนผมเสมอว่า ดาราหรือนักแสดงทุกคนเป็นความฝันของเด็ก ๆ หลาย ๆ คน อย่าเอาความมันง่ายของตัวเองไปทำร้ายความฝันของคนอื่น จำไว้เสมอว่า จริง ๆ แล้วอะไรทุกอย่างที่ทำลงไปมันขึ้นอยู่กับตัวเรา มันไม่มีอะไรยาก และมันก็ไม่มีอะไรที่ง่ายดายอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ ผมว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวเรา ขึ้นอยู่กับวิธีคิดของตัวเราเองว่าเราจะทำอะไร และอยู่ตรงไหน เวลาที่ใครมองเราเยอะ ๆ และเป็นเป้าสายตา แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่อยากทำมาก ผมอยากไปซ้อมแข่งรถนะ ตอนนี้รถยนต์หรือมอเตอร์ไซต์ก็ได้ อยากไปแข่งรถในสนามแข่ง ถ้าผมพูดคำว่ามอเตอร์ไซต์ หรือว่าอยากจะซื้อรถยนต์ขึ้นมา พี่ปิ๊กเขาจะโวยวายตลอด และก็จะโทร. มาทุกวัน (หัวเราะ) บอกว่าถ้าเกิดอันตรายขึ้นมาแล้วจะทำงานยังไง งานที่จ้างมาลูกค้าจะว่ายังไง เพราะเขาก็เป็นห่วงครับ

ไอดอลของเจมส์จิ


    พี่ปิ๊ก ผู้จัดการผมแหละครับ เขาเป็นคนที่แปลกมาก คือเขาเพี้ยน เขาเป็นคนที่มีมุมมองแนวคิดที่ค่อนข้างจะผิดมนุษย์ไปนิดนึง แต่เขาเป็นคนที่เก่ง เป็นคนที่มองหลายด้าน และที่ผมชอบที่สุดตรงที่เขาสอนให้มองตัวเองก่อนมองคนอื่น คือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น เราควรโทษตัวเองก่อนที่จะไปโทษคนอื่นครับ.

สัมภาษณ์บางส่วน ของพี่ปิ๊ก ฌานฉลาด

ปรับตัวเข้าหากันเพื่อเข้าใจซึ่งกันและกัน


    ด้วยเรื่องของวัย และเรื่องที่เราไม่ได้รู้จักกัน ก็ใช้เวลาเป็นปีเหมือนกัน จะบอกว่าเราอาบน้ำร้อนมาก่อน ซึ่งน้ำร้อนที่เราอาบนี่ผ่านกระบวนการก่อไฟ ต้มน้ำ แล้วมาผสมให้มันอุ่น แต่ของเขานี่กดปุ๊บแล้วพุ่งออกมาเลย อาจจะเยอะกว่าด้วย เราทำอะไรก็โฟกัสเป็นอย่างๆ แต่เขาสามารถที่จะทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกันได้ เล่นคอม ทำงานส่งอาจารย์ ใส่หูฟัง เปิดเพลงดัง ๆ กินข้าวไปด้วย มือข้างนึงแชทกับเพื่อน มัลติมาก ทำทุกอย่างพร้อมกันแล้วทำได้ดี เดี๋ยวนี้ทุกอย่างอยู่ในอินเตอร์เนต เขาสามารถดาวน์โหลดมันเข้าไปในตัวได้หมดเลย

    อยู่ในกองเขาก็โดนบ่น โดนต่อว่าตลอด เข่น สมาธิสั้น ซน คนอื่นเขากำลังท่องบท หรือทำอะไรอยู่หน้ากล้อง จะถ่ายอยู่แล้ว ไอ้นี่เดี๋ยวก็จะเข้าไปเต้น เข้าไปแกล้ง คือถ้านิ่งเขาจะหลับ สมมติว่านั่งกันอยู่สามคน เราสองคนคุยกันแล้วไม่คุยกับเขา เขาจะหลับไปเลย แต่ทุกอย่างเป็นเรื่องของการปรับตัว ซึ่งเป็นข้อตกลงแต่แรกอยู่แล้ว วันที่เขาเป็นที่รู้จัก งานของผมก็จบลงแล้วนะ (หัวเราะ) แต่งานของเขาเพิ่งเริ่ม ผมทำหน้าที่โปรโมต และเมนเทรน เพราะนักแสดงไม่ได้ต้องการผู้จัดการที่แค่มาถือคิวงานให้ มันต้องมีมากกว่านั้น

“โลกใบนี้จะดีขึ้นจริง ๆ อย่างเสื้อผ้าที่ผมใช้ก็ไม่จำเป็นต้องใช้อะไรแพง ๆ เสื้อตัวละ 350 แจ็กเก็ต 600 สูท 500 ก็ใส่ ผมใช้เพราะว่าเจมส์ใช้อย่างนี้ พวกเสื้อแพง ๆ ที่เห็นนั่นคือสปอนเซอร์ทั้งหมดเลย”


............

จบละค่ะ ^^


ส่วนอันนี้สัมภาษณ์ที่แล้ว มาๆ ค่ะ

สัมภาษณ์ เจมส์ จิรายุ นิตยสาร GM ฉบับ August 2013
-http://pantip.com/topic/31182413


(เจมส์ จิ) สัมภาษณ์ VIVI + PHEROMONE ASIA +สัมภาษณ์ เนยโชติกา บางส่วนเกี่ยวกับเจมส์จิ (จากหนังสือ พรีเมียม)
-http://pantip.com/topic/30803382

รวบรวมสัมภาษณ์ เจมส์ จิรายุ (นิตยสาร) By... Jirayu Home

(สัมภาษณ์ HI Volume 11 Issue 11 2013
แพรว ปีที่ 34 ฉบับที่ 814 25 กรฎาคม 2556
Aday 153 volume 13 may 2013
BERRY  vol.4 July 2013
HAMBURGER …Volume 11 No.181 July 2013)

-http://pantip.com/topic/30787979

สัมภาษณ์นิตยสาร TENN+OHO + ขวัญเรือน + ซุบซิบ (เจมส์ จิรายุ)

-http://pantip.com/topic/30848980
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่