บ่อยครั้งนะครับที่ผมมักโดนด่าว่าเป็นพวก”โลกสวย”เวลาที่ผมเข้าไป(เจือก)ห้ามปรามไม่ให้คนทะเลาะกัน
หาว่าไม่ออกมาดูโลกแห่งความจริงบ้างล่ะ เพ้อฝันบ้างล่ะและสุดท้ายมักจะมองผมว่าเข้าข้างโน้นเข้าข้างนี้
“ป้ายสี”ให้ผมเป็นสีนั้นสีนี้เสร็จสรรพว่าผมนี้ไม่เป็นกลาง
ซึ่งผมก็ยอมรับนะว่าไม่กลางหรอกครับ
ฝ่ายไหนทำไม่ดี ไม่ถูก ผมคงทำใจไปเข้าข้างด้วยไม่ได้แน่ๆ
และผมก็ไม่ได้มีอุดมการณ์ยึดมั่นขนาดที่เข้าข้างฝ่ายไหนแล้วจะหลับหูหลับตาเชียร์คิดจะเอาชนะอย่างเดียว
ผมเปลี่ยนข้าง เปลี่ยนสี ได้เสมอ
แต่มาว่าผมโลกสวยผมไม่ยอมนะ
เพราะโลกที่ผมพบเห็นมันไม่สวยเท่าไหร่ ถึงได้พยายามอย่างที่สุดไม่อยากให้มันเลวร้ายอย่างที่ได้พบเห็นมาต่างหากครับ
หลายครั้ง คนที่ด่าผมว่าโลกสวยต่างหากล่ะครับ เป็นพวกโลกสวยเสียเอง
คือคิดว่าคนโน้นเลวคนนี้ชั่วต้องกำจัดให้ได้ด้วยความรุนแรงในระดับที่”สะใจ”
โลกของเค้าสวยงามขนาดว่า
ฝ่ายที่ถูกกระทำนี่จะไม่มีความรู้สึกโกรธแค้นตอบโต้อะไรเลย
สวยงามสมบูรณ์ยิ่งใหญ่คิดว่าฝ่ายฉันฉลาดกว่า มีกำลังมากกว่า ถูกต้องกว่า
แต่ในความเป็นจริงถ้าฉลาดกว่าก็คงแก้ปัญหากันได้ง่ายๆไม่ต้องลุกลามบานปลายไปสู่ความรุนแรงหรอกจริงมั๊ย?
ถ้าคิดว่ามีกำลังมากกว่าแล้วจะทำอะไรก็ได้ตามใจ ทุกวันนี้มหาอำนาจทั้งหลายก็คงไม่ต้องอยู่กันอย่างหวาดระแวงกับการก่อการร้ายหรอกมั้ง?
และถ้ายิ่งคิดว่าตัวเองถูกต้องเสมอ ความผิดพลาดที่มี รับหันได้เสมอ ไม่เชื่อเรื่องความเท่าเทียม
พวกคุณเพ้อเจ้อโลกสวยเสียยิ่งกว่าผมอีกว่ามั๊ยล่ะ?
เพราะในโลกแห่งความจริงนั้น ไม่มีใครยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำแต่ฝ่ายเดียวแน่นอน
สู้ไม่ได้ในวันนี้ก็ต้องคิดเอาคืนให้ได้เมื่อมีโอกาส
ยิ่งหากเลยเถิดไปถึงระดับที่มีการสูญเสียคนที่รักของพวกเค้าไป
จะไปฝันว่าพวกเค้าจะยอมรับกับการสูญเสียนั้นอย่างไร้ความรู้สึกโกรธแค้นชิงชังน่ะ
“โลกสวย”ไปป่าว?
คิดว่าทำถูกทำดีแล้วไปทำร้ายทำลายคนอื่น แล้วมั่นใจว่าฝ่ายตนจะช่วยกันปกป้องเมื่อโดนตอบโต้ ได้
“โลกสวย”เกินจริงรึปล่าว?
อยากจะกระทืบคนโน้นฆ่าคนนี้กันน่ะ ผมว่าลึกๆกันแล้วไม่ได้สนใจเรื่องความถูกต้องอะไรกันหรอก
ก็แค่อารมณ์ความเกลียดชังอยากเอาชนะ อยากเห็นความจ็บปวดสูญเสียของฝ่ายตรงข้าม
“ความสะใจ”ต่างหากที่พวกคุณแสวงหา
ไม่ใช่ความถูกต้องอย่างที่พยายามบอกคนอื่น
อันนี้ต้องไปลองถามตัวเองกันให้ดีๆนะครับ
อย่าไปหลอกตัวเองด้วยเหตุผลสวยๆที่มันห่างจากความจริงกันจนเกินไปนัก
เพราะผมได้มีประสพการณ์กับโลกแห่งความจริงที่มัน”ไม่สวย”มาแล้ว
ก็ไม่อยากให้มนุษย์คนไหนต้องไปเผชิญกับโลกของสงครามที่มันไม่ต่างกับนรกกันอีกหรอกครับ
อยากเห็นโลกแห่งความจริงก็ลองเปิดตาดูแค่สารคดีสงครามก็ได้ แต่ถ้ายังไม่เห็นภาพชัดเจนเพราะอาจเผลอนึกว่ามันก็แค่ภาพยนต์
ก็อาจจะไปลองอยู่อาศัยที่3จังหวัดภาคใต้ดู ไม่ต้องไปรบไปสู้กับใครหรอกครับ
ไปใช้ชีวิตปกติธรรมดากันให้ได้ก็พอ

แล้วก็เข้าใจกันเอาไว้ด้วยว่านั่นมันก็แค่เศษเสี้ยวหนึ่งของสงครามจริงๆ
เพราะผมเข้าใจว่า พวกคนโลกสวยมักจะเห็นว่าสงครามก็คงเหมือนแค่ยกพวกตีกันหัวร้างข้างแตกแล้วก็เลิกรากันไป
ไม่ก็เหมือนในหนัง ในลิเก ที่รบชนะแล้วก็จบ ฝ่ายที่แพ้ก็ก้มหน้าก้มตายอมรับอย่างยินดีกับสภาพของตน
คิดว่ามีพวกเยอะกว่ามีกำลังเยอะกว่าก็จบลงง่ายๆ
ในโลกแห่งความจริงมันไม่สนุกและง่ายดายอย่างนั้นหรอกนะครับ
โดยเฉพาะสงครามที่เกิดจากความเกลียดชังเคียดแค้น
มันไม่มีอุดมการณ์มันไม่มีลิมิต ความรุนแรงที่ระเบิดออกมาก็แค่เพียงสนองอารมณ์กันอย่างเดียว
ที่สำคัญไม่มีการเจรจา เพราะไม่รู้จะไปเจรจากับใคร
นิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้น หยุมหยิม ขี้อิจฉา เห็นแก่ตัวดูถูกเหยียดหยามคนที่ด้อยกว่า
ที่ล้วนเป็นลักษณะเฉพาะของคนไทย นั้นเป็นเงื่อนไข สารตั้งต้นของสงครามอย่างดีทีเดียว
ช่วยกันเติมไฟใส่ฟืนกันอีกคนละนิด เกลียดกันได้ที่
สงครามจริงๆก็คงได้เกิดแน่นอน
ผมเองก็คงได้อยู่กับโลกสวยๆที่ไม่มีสงครามที่นี่
แต่พวกคุณนี่สิจะรับไหวเหรอครับกับโลกแห่งความเป็นจริงที่”ไม่สวย”อย่างที่คุณคิดกัน
โทษใครไม่ได้ด้วยนะ
เพราะมันเป็นโลกที่พวกคุณสร้างมันขึ้นมาเองกับมือ
โลกสวยกันรึปล่าวครับ?
หาว่าไม่ออกมาดูโลกแห่งความจริงบ้างล่ะ เพ้อฝันบ้างล่ะและสุดท้ายมักจะมองผมว่าเข้าข้างโน้นเข้าข้างนี้
“ป้ายสี”ให้ผมเป็นสีนั้นสีนี้เสร็จสรรพว่าผมนี้ไม่เป็นกลาง
ซึ่งผมก็ยอมรับนะว่าไม่กลางหรอกครับ
ฝ่ายไหนทำไม่ดี ไม่ถูก ผมคงทำใจไปเข้าข้างด้วยไม่ได้แน่ๆ
และผมก็ไม่ได้มีอุดมการณ์ยึดมั่นขนาดที่เข้าข้างฝ่ายไหนแล้วจะหลับหูหลับตาเชียร์คิดจะเอาชนะอย่างเดียว
ผมเปลี่ยนข้าง เปลี่ยนสี ได้เสมอ
แต่มาว่าผมโลกสวยผมไม่ยอมนะ
เพราะโลกที่ผมพบเห็นมันไม่สวยเท่าไหร่ ถึงได้พยายามอย่างที่สุดไม่อยากให้มันเลวร้ายอย่างที่ได้พบเห็นมาต่างหากครับ
หลายครั้ง คนที่ด่าผมว่าโลกสวยต่างหากล่ะครับ เป็นพวกโลกสวยเสียเอง
คือคิดว่าคนโน้นเลวคนนี้ชั่วต้องกำจัดให้ได้ด้วยความรุนแรงในระดับที่”สะใจ”
โลกของเค้าสวยงามขนาดว่า
ฝ่ายที่ถูกกระทำนี่จะไม่มีความรู้สึกโกรธแค้นตอบโต้อะไรเลย
สวยงามสมบูรณ์ยิ่งใหญ่คิดว่าฝ่ายฉันฉลาดกว่า มีกำลังมากกว่า ถูกต้องกว่า
แต่ในความเป็นจริงถ้าฉลาดกว่าก็คงแก้ปัญหากันได้ง่ายๆไม่ต้องลุกลามบานปลายไปสู่ความรุนแรงหรอกจริงมั๊ย?
ถ้าคิดว่ามีกำลังมากกว่าแล้วจะทำอะไรก็ได้ตามใจ ทุกวันนี้มหาอำนาจทั้งหลายก็คงไม่ต้องอยู่กันอย่างหวาดระแวงกับการก่อการร้ายหรอกมั้ง?
และถ้ายิ่งคิดว่าตัวเองถูกต้องเสมอ ความผิดพลาดที่มี รับหันได้เสมอ ไม่เชื่อเรื่องความเท่าเทียม
พวกคุณเพ้อเจ้อโลกสวยเสียยิ่งกว่าผมอีกว่ามั๊ยล่ะ?
เพราะในโลกแห่งความจริงนั้น ไม่มีใครยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำแต่ฝ่ายเดียวแน่นอน
สู้ไม่ได้ในวันนี้ก็ต้องคิดเอาคืนให้ได้เมื่อมีโอกาส
ยิ่งหากเลยเถิดไปถึงระดับที่มีการสูญเสียคนที่รักของพวกเค้าไป
จะไปฝันว่าพวกเค้าจะยอมรับกับการสูญเสียนั้นอย่างไร้ความรู้สึกโกรธแค้นชิงชังน่ะ
“โลกสวย”ไปป่าว?
คิดว่าทำถูกทำดีแล้วไปทำร้ายทำลายคนอื่น แล้วมั่นใจว่าฝ่ายตนจะช่วยกันปกป้องเมื่อโดนตอบโต้ ได้
“โลกสวย”เกินจริงรึปล่าว?
อยากจะกระทืบคนโน้นฆ่าคนนี้กันน่ะ ผมว่าลึกๆกันแล้วไม่ได้สนใจเรื่องความถูกต้องอะไรกันหรอก
ก็แค่อารมณ์ความเกลียดชังอยากเอาชนะ อยากเห็นความจ็บปวดสูญเสียของฝ่ายตรงข้าม
“ความสะใจ”ต่างหากที่พวกคุณแสวงหา
ไม่ใช่ความถูกต้องอย่างที่พยายามบอกคนอื่น
อันนี้ต้องไปลองถามตัวเองกันให้ดีๆนะครับ
อย่าไปหลอกตัวเองด้วยเหตุผลสวยๆที่มันห่างจากความจริงกันจนเกินไปนัก
เพราะผมได้มีประสพการณ์กับโลกแห่งความจริงที่มัน”ไม่สวย”มาแล้ว
ก็ไม่อยากให้มนุษย์คนไหนต้องไปเผชิญกับโลกของสงครามที่มันไม่ต่างกับนรกกันอีกหรอกครับ
อยากเห็นโลกแห่งความจริงก็ลองเปิดตาดูแค่สารคดีสงครามก็ได้ แต่ถ้ายังไม่เห็นภาพชัดเจนเพราะอาจเผลอนึกว่ามันก็แค่ภาพยนต์
ก็อาจจะไปลองอยู่อาศัยที่3จังหวัดภาคใต้ดู ไม่ต้องไปรบไปสู้กับใครหรอกครับ
ไปใช้ชีวิตปกติธรรมดากันให้ได้ก็พอ
แล้วก็เข้าใจกันเอาไว้ด้วยว่านั่นมันก็แค่เศษเสี้ยวหนึ่งของสงครามจริงๆ
เพราะผมเข้าใจว่า พวกคนโลกสวยมักจะเห็นว่าสงครามก็คงเหมือนแค่ยกพวกตีกันหัวร้างข้างแตกแล้วก็เลิกรากันไป
ไม่ก็เหมือนในหนัง ในลิเก ที่รบชนะแล้วก็จบ ฝ่ายที่แพ้ก็ก้มหน้าก้มตายอมรับอย่างยินดีกับสภาพของตน
คิดว่ามีพวกเยอะกว่ามีกำลังเยอะกว่าก็จบลงง่ายๆ
ในโลกแห่งความจริงมันไม่สนุกและง่ายดายอย่างนั้นหรอกนะครับ
โดยเฉพาะสงครามที่เกิดจากความเกลียดชังเคียดแค้น
มันไม่มีอุดมการณ์มันไม่มีลิมิต ความรุนแรงที่ระเบิดออกมาก็แค่เพียงสนองอารมณ์กันอย่างเดียว
ที่สำคัญไม่มีการเจรจา เพราะไม่รู้จะไปเจรจากับใคร
นิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้น หยุมหยิม ขี้อิจฉา เห็นแก่ตัวดูถูกเหยียดหยามคนที่ด้อยกว่า
ที่ล้วนเป็นลักษณะเฉพาะของคนไทย นั้นเป็นเงื่อนไข สารตั้งต้นของสงครามอย่างดีทีเดียว
ช่วยกันเติมไฟใส่ฟืนกันอีกคนละนิด เกลียดกันได้ที่
สงครามจริงๆก็คงได้เกิดแน่นอน
ผมเองก็คงได้อยู่กับโลกสวยๆที่ไม่มีสงครามที่นี่
แต่พวกคุณนี่สิจะรับไหวเหรอครับกับโลกแห่งความเป็นจริงที่”ไม่สวย”อย่างที่คุณคิดกัน
โทษใครไม่ได้ด้วยนะ
เพราะมันเป็นโลกที่พวกคุณสร้างมันขึ้นมาเองกับมือ