นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของคนที่ไม่หลงระเริงไปกับฐานะ

ในประเทศเราก็ยังมีคนน่านับถืออีกมากหลายครับ ดูอย่างท่านนี้



ผมเป็นด็อกเตอร์
ผมเป็นที่ปรึกษาบริษัทมากว่ายี่สิบห้าแห่ง
ปัจจุบันเป็นอยู่สิบสี่แห่งในสามประเทศ
ผมสอนพนักงานมาร่วมเกินหมื่นคน
ผมมีที่ดินเกือบสองร้อยไร่ในเชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย ปากช่อง สระบุรี กรุงเทพ
ผมเสียภาษีขั้นสูงสุด ที่มีคนเสียกันอยู่สามหมื่นกว่าคน เพราะผมไม่หนี ไม่เลี่ยงภาษี เหมือนคนรวยๆบางคน (เป็นไปได้ไงทั้งประเทศคนรวยเต็มเมือง เสียภาษีขั้นสุดกันแค่สามหมื่นกว่าคน)
ผมเป็นเจ้าของบริษัทสามแห่ง
ถือหุ้นในบริษัทมหาชนอีกยี่สิบสองบริษัท(เพราะบ้าซื้อเกินไป)
มีบ้านและกระท่อมอยู่7 หลัง ทั่วไทย

แต่ผมมีสิทธิ์เลือกตั้งแค่สิทธิ์เดียว
เท่ากับนางมา คนงานดูแลสวนลำไยผม
เท่ากับสำลี แม่บ้านที่อยู่กันมานาน
เท่ากับอ้ายมูล เท่ากับอ้ายสาม คนงานเฝ้าสวนยาง
ผมไม่มีสิทธิ์เหนือกว่าในประเทศนี้
และผมไม่เชื่อว่าผมจะมีสิทธิ์เหนือกว่า
ทุกคนมีบัตรประชาชนใบเดียว ขนาดเท่ากัน
ในวันที่ใช้สิทธิ์เลือกผู้แทนมาทำหน้าที่แทนเรา

ตอนนี้เอียนแทบอ้วก เวลาอ่านแนวคิดที่มองว่า
ชนชั้นกลางควรมีสิทธิ์เลือกตั้งมากกว่าคนจน หรือคนชนบท
ยังโชคดีที่ความคิดนี้อ่านมาจากพวกนักคิด นักวิชาการ
แต่ยังไม่ได้รับการสนับสนุนมากนักจากเพื่อนที่ผมรู้จัก
หวังว่าคนที่ผมรู้จักคงมีความคิด สติ เพียงพอ ที่จะไม่ไปดูถูกสิทธิ์ของคนจน
จะเชียร์ปฏิรูปก่อนเลือกตั้งอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่ดี และเห็นด้วย
แต่เรื่องจำกัดสิทธิ์ประชาชนบางชนชั้นไม่ให้เลือกตั้งนี่ รับไม่ได้จริงๆ
ถ้ามั่นใจในสิ่งที่คิดว่าเราทำถูกแล้ว
2 กพ. ออกไปแสดงพลังหนึ่งเสียงของแต่ละคน
และเคารพในสิ่งที่จะเป็น ใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ได้ ผมยอมรับ บ้านเมืองจะได้ไปต่อเสียที แวะพักกันมาหลายเดือนแล้ว

อีกหนึ่งเสียงของคนจนขอคารวะจิตสำนึกของท่านครับ ./
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่