เรื่องเล่านี้
กล่าวถึงคนในกรุงเทพ คนหนึ่งที่ไปชุมนุมไล่รัฐบาล คนที่เคยรับเงินส่งจากบ้าน ในขณะที่เริ่มเรียนหรือเริ่มทำงาน
1000 บาท แม่-พ่อ ต้องหามาให้เค้าใช้ชีวิต โดยแยกจากเงินที่ท่านน่าจะต้องได้ใช้ส่วนตัวเพื่อเสื้อผ้าและอาหาร..
"ต่างจังหวัด"..ซึ่งคนกลุ่มนี้ พยายามบิดเบือนและปกปิด เพื่อให้ตนเอง เป็นคนเมืองกรุง ให้เต็มตัว
"ต่างจังหวัด"ที่อาศัยเงินที่ได้ เริ่มจากการถ่ายโอนออกของก้อนเงิน...
.ที่เคยถูกเม้มเก็บเสมอจากอำนาจเก่าๆที่เคยครอบงำ
อย่างแข็งกร้าว ไม่แบ่ง ไม่ปัน ไม่ป้อน ไม่ให้กิน จนร่ำรวยมั่งมีอีกแล้ว
และนำเงินนั้น..มาเจือจานให้คนยากจนทั่วประเทศ ที่กำลังอดตาย แบบไม่เสียดาย จนได้รับความนิยมล้นหลาม..
เหมือน บริษัทที่ขึ้นเงินเดือนให้คนสวน..แม่บ้าน ไม่ใช่ให้ผู้จัดการหรือเลขาส่วนตัว
โอ้..ถึงจะใช้วิธีรูปแบบบริษัท ดึงเมืองให้ขึ้นจากภาวะล้มละลายสำเร็จ
เพราะความสามารถส่วนตัว ..เมืองจึงอยู่รอดกำลังดีขึ้น แต่ความสำเร็จที่ทำครั้งนี้
กลับชักนำทั้งมิตรและศัตรูมากมาย...โดยเฉพาะคนที่คิดจะยืมมือ...มาแก้ปัญหาก่อน ประเมินผิดคิดว่ามาช่วยแล้วจะลง
กลับกลายเป็น ได้รับความนิยมอย่างสูงสุด สิ่งที่เลวร้ายคือผลประโยชน์เดิมที่เคยได้รับหายวับไปกับตา
จึงมีการล้มล้างสารพัดวิธี...ร้อยพันสาเหตุ ใส่ร้าย ป้ายสีต่างๆนานา จนแทบไม่ทำอะไร ทั้งแบบบางและด้านๆ
วันที่แม่เข้ากรุงวันรับปริญญา จัดเลี้ยงให้ ก็คือเงินที่เกิดจากการแบ่งปันก้อนแรก มากที่สุดที่เราเคยมีมาตลอดชีวิต
ทำให้เรารักษาไร่นาเราไว้จนหมดหนี้สิน
วันนี้...วันที่เค้าเดินขบวน เห็นภาพลูกเป่านกหวีด ภาพเก่าๆมันถูกปลุกจากสมองแม่
แม่คนนี้ ไม่มีโอกาสจะส่งข่าว ติดต่อเหมือนเพื่อนๆลูกที่แชร์ผ่านมือถือ เวลาที่ลูกให้แม่ต่างจังหวัด มันน้อยลงจริงๆ
ขอบอกกับลูก..
" ไม่รู้จักสภาฯ ไม่รู้จักนักวิชาการ ไม่รู้จักกองทัพว่ามีใครบ้าง ไม่รู้จักว่าใครคือศาลอะไรๆที่มากมาย
แต่แม่รู้จักลูก... รู้จักบ้านของเราเสมอ ชั่วชีวิต"
แม่รู้จักการเลือกตั้ง ที่เค้าสอนกันตลอด ว่ามีสิทธิ 1 เสียงที่จะเลือกให้ผู้สมัคร..รักใครชอบใครให้โดยไม่ต้องฟังการโน้มน้าวใดๆ
สุดท้าย...ลูกยังมีชื่ออยู่ต่างจังหวัด 2 กุมภาปีหน้า เอ็งอย่าลืมมาเลือกตั้งที่บ้านเราเหมือนเดิมนะ...จะสอยไข่มดแดงไว้รอ..."
เงิน 1000 บาทแรก จากแม่ที่อยู่ต่างจังหวัด..มันยังเตือนใจเราหรือไม่?
กล่าวถึงคนในกรุงเทพ คนหนึ่งที่ไปชุมนุมไล่รัฐบาล คนที่เคยรับเงินส่งจากบ้าน ในขณะที่เริ่มเรียนหรือเริ่มทำงาน
1000 บาท แม่-พ่อ ต้องหามาให้เค้าใช้ชีวิต โดยแยกจากเงินที่ท่านน่าจะต้องได้ใช้ส่วนตัวเพื่อเสื้อผ้าและอาหาร..
"ต่างจังหวัด"..ซึ่งคนกลุ่มนี้ พยายามบิดเบือนและปกปิด เพื่อให้ตนเอง เป็นคนเมืองกรุง ให้เต็มตัว
"ต่างจังหวัด"ที่อาศัยเงินที่ได้ เริ่มจากการถ่ายโอนออกของก้อนเงิน...
.ที่เคยถูกเม้มเก็บเสมอจากอำนาจเก่าๆที่เคยครอบงำ
อย่างแข็งกร้าว ไม่แบ่ง ไม่ปัน ไม่ป้อน ไม่ให้กิน จนร่ำรวยมั่งมีอีกแล้ว
และนำเงินนั้น..มาเจือจานให้คนยากจนทั่วประเทศ ที่กำลังอดตาย แบบไม่เสียดาย จนได้รับความนิยมล้นหลาม..
เหมือน บริษัทที่ขึ้นเงินเดือนให้คนสวน..แม่บ้าน ไม่ใช่ให้ผู้จัดการหรือเลขาส่วนตัว
โอ้..ถึงจะใช้วิธีรูปแบบบริษัท ดึงเมืองให้ขึ้นจากภาวะล้มละลายสำเร็จ
เพราะความสามารถส่วนตัว ..เมืองจึงอยู่รอดกำลังดีขึ้น แต่ความสำเร็จที่ทำครั้งนี้
กลับชักนำทั้งมิตรและศัตรูมากมาย...โดยเฉพาะคนที่คิดจะยืมมือ...มาแก้ปัญหาก่อน ประเมินผิดคิดว่ามาช่วยแล้วจะลง
กลับกลายเป็น ได้รับความนิยมอย่างสูงสุด สิ่งที่เลวร้ายคือผลประโยชน์เดิมที่เคยได้รับหายวับไปกับตา
จึงมีการล้มล้างสารพัดวิธี...ร้อยพันสาเหตุ ใส่ร้าย ป้ายสีต่างๆนานา จนแทบไม่ทำอะไร ทั้งแบบบางและด้านๆ
วันที่แม่เข้ากรุงวันรับปริญญา จัดเลี้ยงให้ ก็คือเงินที่เกิดจากการแบ่งปันก้อนแรก มากที่สุดที่เราเคยมีมาตลอดชีวิต
ทำให้เรารักษาไร่นาเราไว้จนหมดหนี้สิน
วันนี้...วันที่เค้าเดินขบวน เห็นภาพลูกเป่านกหวีด ภาพเก่าๆมันถูกปลุกจากสมองแม่
แม่คนนี้ ไม่มีโอกาสจะส่งข่าว ติดต่อเหมือนเพื่อนๆลูกที่แชร์ผ่านมือถือ เวลาที่ลูกให้แม่ต่างจังหวัด มันน้อยลงจริงๆ
ขอบอกกับลูก..
" ไม่รู้จักสภาฯ ไม่รู้จักนักวิชาการ ไม่รู้จักกองทัพว่ามีใครบ้าง ไม่รู้จักว่าใครคือศาลอะไรๆที่มากมาย
แต่แม่รู้จักลูก... รู้จักบ้านของเราเสมอ ชั่วชีวิต"
แม่รู้จักการเลือกตั้ง ที่เค้าสอนกันตลอด ว่ามีสิทธิ 1 เสียงที่จะเลือกให้ผู้สมัคร..รักใครชอบใครให้โดยไม่ต้องฟังการโน้มน้าวใดๆ
สุดท้าย...ลูกยังมีชื่ออยู่ต่างจังหวัด 2 กุมภาปีหน้า เอ็งอย่าลืมมาเลือกตั้งที่บ้านเราเหมือนเดิมนะ...จะสอยไข่มดแดงไว้รอ..."