สำหรับภาคแรกนั้น ผมได้ดูในระบบ HFR 48 fps 3D ต้องบอกเลยว่า ภาพนั้นคมกริบ ชัดจนปวดหัว และตัวละครดูโดดจากฉาก และดูปลอม
จนทำให้ผมไม่ถูกใจกับเทคโนโลยีใหม่นี้เท่าไรนัก
จนเมื่อวานนี้ได้มีโอกาสไปดูรอบกาล่า The Hobbit: The Desolation of Smaug ที่โรงภาพยนตร์ IMAX พารากอน
สำหรับที่สาขานี้ ฉายในแบบ IMAX 24 fps (แอบดีใจที่ไม่ใช่ 48 fps) ภาคนี้สนุกกว่าภาคแรกมาก ไม่น่าเบื่อยืดยาดแบบภาคแรก
เหตุที่ที่คุณควรจะดูแบบ IMAX
1. ภาพมีความคมชัดในระดับที่ไม่ปวดตา
2. จอใหญ่ ดูกันสะใจมากๆ
3. 3 มิติ เรื่องนี้สุดยอดมาก มีความลึกตื้นที่สวยงาม มีฉากที่ภาพพุ่งทะลุหลายฉาก (โดยเฉาะมังกรที่โผล่ออกมาจะงาบหัวเราได้เลย)
4. ระบบเสียง ดังกระหึ่มถึงกระดูก
ข้อเสียอีกอย่างเดียว คือช่องระหว่างแถวมันแคบไปหน่อย เมื่อวานนี้รอบที่ดู มีคนตะโกนต่อว่าเรื่องการแตะ, ถีบเก้าอี้ด้วย
สำหรับเรื่อง The Hobbit: The Desolation of Smaug ต้องดู IMAX
สำหรับภาคแรกนั้น ผมได้ดูในระบบ HFR 48 fps 3D ต้องบอกเลยว่า ภาพนั้นคมกริบ ชัดจนปวดหัว และตัวละครดูโดดจากฉาก และดูปลอม
จนทำให้ผมไม่ถูกใจกับเทคโนโลยีใหม่นี้เท่าไรนัก
จนเมื่อวานนี้ได้มีโอกาสไปดูรอบกาล่า The Hobbit: The Desolation of Smaug ที่โรงภาพยนตร์ IMAX พารากอน
สำหรับที่สาขานี้ ฉายในแบบ IMAX 24 fps (แอบดีใจที่ไม่ใช่ 48 fps) ภาคนี้สนุกกว่าภาคแรกมาก ไม่น่าเบื่อยืดยาดแบบภาคแรก
เหตุที่ที่คุณควรจะดูแบบ IMAX
1. ภาพมีความคมชัดในระดับที่ไม่ปวดตา
2. จอใหญ่ ดูกันสะใจมากๆ
3. 3 มิติ เรื่องนี้สุดยอดมาก มีความลึกตื้นที่สวยงาม มีฉากที่ภาพพุ่งทะลุหลายฉาก (โดยเฉาะมังกรที่โผล่ออกมาจะงาบหัวเราได้เลย)
4. ระบบเสียง ดังกระหึ่มถึงกระดูก
ข้อเสียอีกอย่างเดียว คือช่องระหว่างแถวมันแคบไปหน่อย เมื่อวานนี้รอบที่ดู มีคนตะโกนต่อว่าเรื่องการแตะ, ถีบเก้าอี้ด้วย