นักการเมืองพรรคการเมืองโกงไม่โกง ในความคิด คนกทม คนต่างจังหวัด

เรื่องการโกงของนักการเมืองพรรคการเมืองมักถูกหยิบยก ขึ้นมาเป็นข้ออ้างกล่าวหาโจมตีกันอยู่เสมอ

คนเราทุกคนในโลกนี้มีทั้งดีไม่ดี ไม่มีใครจะดีหมด  แม้แต่ผู้ที่ชอบกล่าวหาด่าทอผู้อื่นว่าโกง ก็ย่อมไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน



   การบริหารประเทศที่มีคนร้อยพ่อพันแม่ ต่างจิตต่างใจ ต่างพื้นฐาน มันไม่ใช่จะจัดการได้โดยง่ายเลย  คนดีๆมาบริหารก็เอาไม่อยู่

แน่นอนใครๆก็อยากได้คนดี  แต่คนดีเหล่านั้นขาดเสียงผู้สนับสนุน ถึงแม้มีเสียงสนับสนุนแต่เสียงนั้นส่วนมากกลับเป็นของคนชั่วร้าย

ที่คอยบงการคนดีอยู่เบื้องหลังฉาก จริงอยู่คนดีไม่โกงกินแต่ผู้อยู่เบื้องหลังโกงกิน ถ้าไม่ได้ดังใจเขาเหล่านั้น คนดีๆก็จะถูกกำจัดจนไม่มีที่จะ

หยัดยืน         แม้แต่สมัยสามก๊ก สุมาเต็กโช อาจารย์ของขงเบ้ง ยังต้องเอาน้ำล้างหูเมื่อพูดถึง การเมือง  การเมืองจึงนับว่าเป็นสิ่งแสลง

สำหรับคนดีๆ       คนดีๆก่อนเข้าการเมืองเขาจะยกย่องว่าเป็นคนดี แต่พอเข้าการเมืองคนดีๆจะกลายเป็นคนชั่วร้ายไปในทันที ด้วยการใส่

ร้ายป้ายสีของฝ่ายตรงข้าม ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเช่นนั้น

     การเมืองเป็นเหมือนภาพของความชั่วร้ายโกงกิน แม้แต่คนดีๆเมื่อเขามาในการเมืองก็จะถูกกล่าวหากลายเป็นคนชั่วช้าไป  คนต่างจังหวัด

เขาเห็นซึ้งถึงข้อนี้ดี เขาจึงก้าวพ้นความคิดเรื่องโกงกินไม่โกงกิน ( เพราะในความคิดของพวกเขา ทุกพรรคการเมืองล้วนโกงกินหมด)

   คนต่างจังหวัดจึงก้าวข้ามไปมองที่ผลงาน นโยบายที่จับต้องได้ สร้างความเจริญให้แก่ชาติบ้านเมือง ของคน พรรคการเมืองนั้นๆ

เช่นคนเหนือคนอีสานเลือกพรรคเพื่อไทย เพราะเขามองเห้นความสามารถการทำงานที่มีประสิทธิภาพของพรรคนี้  

แต่คนกรุงเทพกลับมองคนต่างจังหวัดว่าโง่เลือกคนโกงกินประเทศอยู่ได้  จะเห็นได้ว่าคนกรุงเทพยังตามหลังคนต่างจังหวัดอยู่ก้าวหนึ่ง

เรื่องการมองคนพรรค    หรือคนกรุงเทพผู้รู้เหล่านั้นทราบดีแต่แกล้งไม่ทราบ เนื่องจากมีผลประโยชน์ ก็ไม่อาจจะทราบได้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่