คิดเห็น มิตรภาพ ความสำพันธ์ และสีเสื้อ

กระทู้สนทนา
เราเพิ่งเคยตั้งกระทู้เป็นครั้งแรก เพิ่งสมัคร ปกติเข้ามาอ่านบ้าง ไม่เคยแม้กระทั่งคอมเมนท์ แต่เรามาโพสที่นี่ เราไม่รู้เราจะคุยกับใคร หรือระบายที่ไหน ปกติมีอะไรก็จะโพสระบายกับเฟสบุ้กส่วนตัว คุยกับเพื่อนๆ แต่ครั้งนี้เราคงไม่สามารถโพสในเฟสส่วนตัวเราได้ เพราะเราไม่อยากเสียเพื่อนๆและสังคมเราไป

ช่วงหลังๆมาเนี่ย การเมืองทำให้สังคมเราแตกแยกจริงๆ ที่ผ่านมาพูดจริงๆได้ยินคำว่าการเมืองคือเรื่องใกล้ตัว เราไม่เคยใส่ใจ เพราะคิดว่า การมีส่วนร่วมกับการเมืองของเราคือการออกไปเลือกคนที่เราคิดว่าดี. มันใกล้ตัวเราแค่นั้น

แฟนเราบอกมาตลอดว่าการเมืองคือเรื่องใกล้ตัวนะ เค้าจะเป็นคนที่จริงจังมากกก แบบว่าซ้ายจัดขวาจัด เค้าเชียร์ข้างที่ต่อต้านรัฐบาลค่ะ เรารู้ตั้งแต่คบวันแรกที่คบกัน ส่วนตัวเราชอบพรรคเพื่อไทยแต่ไม่ซีเรีส บ้านเราก็เชียร์เพื่อไทย ด้วยเหตุผลเดียวกับเค้าคือ เราคิดว่าพรรคนี้ดีกว่า แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดเอาเป็นเอาตาย ก็อยู่กันแบบนี้มาตั้งนานแล้ว คบกันจะครบปีแล้ว มีเรื่องอะไรดีๆด้วยกันมากมาย (ไม่ดีก็เยอะ) แต่เราก็ผ่านมาได้ เคยคุยกันเมื่อนานมาแล้ว เค้าถามว่าทำไมชอบพรรคเพื่อไทย ทำไมไม่ชอบประชาธิปัติ เราก็บอกว่า เห็นทีมนี้ประชาธิปัติแล้วเลือกไม่ลง ถ้า เค้าเปลี่ยวคนมาลง เราเชื่อว่าาพรรคเค้าดี เราก็คงชอบเหมือนกัน เค้าก้อเหมือนจะเข้าใจเรานะ เราก็อยู่กันอย่างสงบมาตลอด ไม่เคยมีปัญหากัน

เช้าวันหนึ่งเมื่อเดือนก่อน เค้าโทรมาปลุกเราเหมือนปกติ แต่วันนั้นรับสายแล้ว เค้าบอกเราว่า “คุณโดนข่มขื่นแล้วนะ รัฐบาลมันข่มขื่นเรา ผ่าน พรบ.นิรโทษในคืนเดียว” แล้วเค้าก็บ่นๆๆๆ นั่นแหละเป็นช่วงที่เริ่มประท้วงพรบ.นิรโทษเมื่อประมาณเดือนก่อน แฟนเราก็ตื่นตัวมาก ทั้งบ่น ทั้งโพสในเฟสบุ้ก ทำรูป ทำคำพูดออกมา ชวนเราออกไปที่ราชดำเนิน เราซึ่งไม่ได้ใส่ใจอะไร แฟนเราว่าไงก็ว่าตามกัน ไปๆกับเค้า เออออกับเค้า ไม่ได้คิดว่าจะเป็นเรื่องราวอะไร ก็ฟังๆไปตามกระแส สนุกกับเค้าไป

จนรู้ตัวอีกที มันกลายเป็นชีวิตประจำวันของแฟนเรา จากที่เคยเล่นกัน โพสหากัน เรื่องของรายละเอียดต่างๆในชีวิต จากผู้ชายน่ารักๆที่เคยเป็นเพื่อนชีวิตเรา กลายเป็นแนวหน้านักรบต่อต้านรัฐบาล ประมาณนั้น จนเริ่มเห็นเพื่อนๆที่เคยลันล้ากัน มีการประกาศ unfriend กัน เลิกคบกัน เพราะ ไม่สนใจเรื่องการเมืองบ้าง เฉยบ้าง เห็นใจรัฐบาลมั่ง โน่นนี่นั่น เราก็เริ่มใจเสียแหละ ช่วงนั้น น่าจะเป็นช่วงที่รัฐบาลถอยพรบ. แล้วมีเสื้อแดงออกมามั้ง ด้วยที่เรารับข้อมูลทุกวันที่ว่า รัฐบาลเลวมั่ง ด่าโน่นนี่นั่น ก็เลยเริ่มให้ความสนใจ บอกตรงๆ พอเราเริ่มเอาหัวน้อยๆของเรามารับฟังรับรู้ทั้งม็อปแล้วรัฐบาล เราก็เริ่มไม่เข้าใจม็อป พูดตรงๆ ไม่เก็ทเข้าหัวเหมือนแฟนเราจิงๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องอยากแต่งตั้งนายกเอง ไม่เข้าใจเรื่องการเลือกตั้งไม่ดี แต่ก็ไม่ได้ออกความเห็นอะไร เพราะ กลัวเสียเพื่อน เสียแฟน เสียจิงๆ เพราะดูทุกคนจิงจังมาก

เราพยายามถามประมาณว่า อยากเข้าใจมั่ง อยากอินอ่ะ เพราะทุกคนที่อยู่รอบตัวเราเป็นม็อปที่ออกตัวแรงทุกคน อยากมีส่วนร่วมด้วย แต่เหตุผล หรือวิชาการณ์ต่างๆที่เค้าโน้มน้าวมานั้น มันไม่สมเหตุสมผลอ่ะ เราก็เลยไม่คล้อยตาม แต่ก้อไม่ได้ออกตัวแต่อย่างไร ก็ชิวๆของเราต่อไป แฟนเราก็กล่อมเช้ากล่อมเย็น และเค้าดูมีความสุขที่เห็นเราฟังเค้า เห็นเราเออออไปด้วย

จนวันที่หน้ารามเค้าตีกัน เราเลยโทรไปบ่นกับแฟนว่า เสียใจจัง เห็นคนตีกัน เพราะเรื่องการเมือง เค้าก็แบบว่า ก็เสื้อแดงอ่ะ อย่างโน่นอย่างนั้น วันนั้นไม่รู้คิดอะไร ก็เลยเถียงไปว่า คนพวกนั้นก็มาจากม็อปไปก่อกวนเค้าป่าว เห็นเสื้อแดงโดนทำร้ายตามหน้ารามอยู่เป็นประจำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ แค่นั้นแหละ เค้าโมโหใหญ่เลย โวยวายๆ และบอกว่าเราเป็นเสื้อแดงแล้ววางสายไปเลย โทรไปก็ไม่รับ เราเศร้าไปเลยอ่ะ รู้เลยว่าไม่น่าออกความเห็นเล้ยยย แต่วันนั้น ผ่านไปสี่ห้าชั่วโมง เค้าก็โทรกลับมาถามว่าใส่เสื้อผ้าไซส์อะไร เราก็ยิ้มออกแหละ เค้าไปซื้อเสื้อผ้าให้วันนั้น แต่ก็เริ่มกลัวๆแล้วถึงความรุนแรงในจิตใจทั้งเราและเค้า เลยบอกกับแฟนไปว่า สัญญานะ ว่าเราจะไปเสียกันเพราะการเมือง เค้าก็สัญญา

จากนั้น เราสองคนก็ค่อนข้างสวีตเลยแหละ เหมือนที่ทำกันประจำ โดยที่ทุกวันเค้าจะแท็กรูปด่านายก ถ้าภาษาพันธ์ทิพย์คงเรียกว่ารูปสลิ่มๆ (ขอโทษนะ ไม่ได้ว่า แต่ไม่รู้จะใช้คำอะไรอธิบาย) เป็นโพสมีเหตุผลมั่ง ปัญญาอ่อนมั่ง เราก็ไม่ได้สนใจอะไร ไลค์ๆไป อันไนหดีก็เมนท์ชมเค้า จนรู้สึกตัวอีกที ก็เป็นช่วงที่เค้านัดกันรอบสุดท้าย 9 พ.ย. เนี่ยแหละที่นายกยุบสภาอ่ะ กลับมารุนแรงอีกแระ ช่วงนั้นเรานี้แบบว่ารู้สึกถูกลิดรอนสิทธิยังไงไม่รู้ เราไม่สามารถแสดงความเห็นของเราได้ เราต้องทำตามและเข้าใจตามที่กลุ่มกปปส.บอกให้ทำ บอกให้เข้าใจ โดยที่กลัวจะไม่มีแฟน ไม่มีเพื่อน กลัวจะเสียสังคมไป จนวันนั้น วันที่ 9 หลังจากที่นายกยุบสภา แฟนเราก็โทรมาบอก อีนี่มันเลว มันเจ้าเหล่ห์ โน่นนี่นั่น เราไม่เข้าใจจิงๆว่าทำไมต้องโมโห เดือดร้อนขนาดนั้น ก้อยุบ แล้วเลือกตั้งใหม่ วันนั้น เราก็เอาอีกแล้ว ดันเถียงออกไปใส่แฟนเรา เราเถียงกันแบบไม่สามารถหาอะไรมาตัดสินถูกผิดได้อยู่เป็นชั่วโมงช่วงเช้า แล้วช่วงเย็น แล้ววันต่อมาอีก แทบทุกครั้งที่คุยกัน จากเรื่องนายกยุบสภา เลือกตั้งหรือจะจัดตั้งสภาประชาชน ทักษินเลว อภิสิทธิเลว ฯลฯ

เค้าบอกว่าเค้าไม่สามรถคุยกับเราได้สนิดใจ เมื่อรู้ว่าเราไม่ได้คิดทางการเมืองเหมือนเค้า เค้าเลยบอกว่า ผมไม่คุยเรื่องการเมืองกับคุณแล้ว หลังจากนั้น ทุกอย่างของเราก็เปลี่ยนไป เราแทบไม่มีเรื่องจะคุยกัน เค้าโทรมาแค่เหมือนมารายงานตัว ไม่มีการสนใจเรื่องราวอะไรต่างๆของเราเลย เราถามอะไรเค้า ก็คำตอบคำ เราพยายามเล่าเรื่องต่างๆของเราเหมือนที่เคยเป็นมา ก็อือๆ ตอบๆพูดๆส่งๆ (คือมันค่อนข้างชัดเจนน่ะ) เรารู้เลยว่ามันคงยากที่จะไปเหมือนเดิมแล้ว เม่าในกองไฟ

เป็นอีกสิ่งที่เราไม่เข้าใจ เรารักเค้ามาตั้งนาน วันที่เค้าออกความเห็นที่เราไม่เห็นด้วย เราก็ฟังได้ เราก็ยังรักเค้า เหมือนเดิม แต่ทำไมพอเราออกความเห็นมั่ง มันถึงไม่สนิดใจละ นี่แหละสิ่งที่เรากลัว แล้วมันแย่ลงทุกวันมาสามสี่วันแล้ว วันนี้เค้าแทบไม่อยากรับรู้อะไรของเราเลย เรื่องที่เราพยายามเล่าให้เค้าฟัง กลับเป็นสิ่งที่เค้าบอกว่ารำคาญ พอดีช่วงนี้เรามีปัญหาทั้งการงาน ทั้งที่บ้าน แต่เค้ากลับแคร์แต่เรื่องการเมือง โดยที่ไม่สนใจว่าเราจะรู้สึกยังไง (หรือเราเรียกร้องความสนใจ)

วันนี้เราเลยบอกเค้าว่าเราอยู่อย่างงี้ไม่ได้ อยู่แบบชาๆใส่กันอย่างงี้ไม่ได้ เค้าบอกว่าเค้าไม่สนิดใจที่จะคุยกับเรา ไม่รู้สึกดี และเรื่องต่างๆของเราเค้าฟังแล้วตอบไปแล้วว่าทำอะไร อย่าเยอะ เค้ารำคาญ เราเห็นว่าในเมื่อเค้าไม่โอเคกับเราแล้ว เราควรห่างเถอะ ถึงแม้มันจะเจ็บมากๆๆๆๆ (จิงๆมันก็ห่างกันมาสามสี่วันแล้ว) เราไม่รู้จะพยายามยังไงให้เค้ากลับมารักกันเหมือนเดิม พยายามแล้ว ยิ่งทำยิ่งแย่ แล้วสิ่งที่เรากลัวก็เกิดขึ้นจริงๆด้วย ตอนนี้เราห่างกัน มันยากมากๆๆที่จะพยายามไม่หยิบโทรศัพท์โทรหาเค้า แต่เค้าก็ไม่รับ ไม่โทรกลับ

วันนี้เรายังไม่เสียเพื่อนใดๆ เพราะยังไม่เคยแสดงความเห็นให้ใครฟัง แล้วคงไม่พูดออกไปแล้ว เพราะแค่เราพูดให้แฟนฟัง เราก็เสียเค้าไป จิงๆก็อยากเข้าใจเค้านะม็อบบอกให้ไม่คบคนที่คิดไม่เหมือนกันเหรอ ม็อบบอกคนที่เชื่อที่ค้าพูดเป็นศัตรูเหรอ ทำไมเปลี่ยนจาก ผู้ชายน่ารักๆคนหนึ่งเป็นผู้ชายที่ใจร้ายได้ขนาดนี้

ณ.จุดนี้ หวังอยู่สองอย่าง คือเค้ากลับมาเหมือนเดิม ไม่รู้อะไรเปลี่ยนเค้าได้บ้างถ้ามีเราจะยอมไปหามาเลยยย หรือเราตัดใจแล้วออกจากความโศกเศร้าจากการเสียคนรักนี้ได้ซักที และเสียดายเรามากๆ มีภาพความทรงจำดีๆเยอะแยะเลย

ฟังมานี่ คงอยากจะรู้ว่าเราคิดยังไงกับการเมืองวันนี้ (เราคงคิดไม่เหมือนกับทุกคนเป๊ะๆนะ)

- เราชอบนายกปู เราว่าเค้านิ่งและรับมือสถานการณ์ได้ดี อยากเห็นรถไฟใหม่ อยากเห็นเอเชียบอนด์(โครงการนี้อยากเห็นมานานแระ แต่นายกปูไม่พูดถึง)

- เราไม่ชอบการด่าว่าการเมืองด้วยเรื่องส่วนตัว เช่น โง่, ร้องไห้ยิ้ม, ฯลฯ

- เราไม่เห็นด้วยกับสภาประชาชน กับระบอบประชาทิปไตโดยสมบูรณ์ของคุณสุเทพ เราว่ามันชื่อดูดีอ่ะ ถ้าเป็นอย่างชื่อมันบอกเราก็เอานะ แต่พอดูรายละเอียดแล้ว มันประชาทิปไตยังไง??? พอถามคนม็อปเค้าก้อข้างๆคู ไม่มีคำตอบที่ทำให้เราเห็นด้วยได้ เราก็เลยยังเห็นว่า แบบนี้ก็เลือกตั้งปกติดีกว่า ทางที่ดี เค้าควรจะหาชื่อที่ไม่หลอกลวงนะ ถ้าฟังแต่ชื่อแล้วตัดสินเนื้อหา ก็คงเชื่อว่า ระบบมันต้องดีแน่ๆเลย เราจะมีอิสรเสรีภาพ (เสียงสูง) ไรประมาณนั้น

- เราไม่เห็นด้วยกับการเอาแกนนำเสื้อแดงมาเป็นรัฐมนตรีของนายกปู เข้าใจว่าเกื้อหนุนกันมา แต่ทำไมไม่ตอบแทนกับแบบอื่น เราว่ารัฐมนตรีควรเอาคนที่มีความสามารถจิงๆ ถึงจะเป็นพรรคพวกก็ควรจะมีความสามารถด้วย เหมือนทีมของสมัยพี่ชายคุณ
- เราเข้าใจว่าทำไมเค้าถึงไม่รับคำตัดสินศาลในเรื่องที่มาสว.กัน เราก็เห็นว่าสว.ควรมาจากการเลือกตั้งทั้งหมดเหมือนกัน การให้สว.มาจากการเลือกตั้งมันไม่เป็นประชาทิปไตยังไง??? หน้าปกกับเนื้อหาไม่ตรงกันอีกแระ เห้อออ

- เรารอวันเลือกตั้ง ส่วนเลือกใคร ยังไม่รู้ ถ้าประชาธิปัติทำให้พรรคตัวเองดูมีอนาคต ดูมีความหวังที่จะฝากฝังไว้ได้ ก็คงจะเลือก แต่ถ้ากลับมาสภาพแบบชุดเดิม ก็คงมาหาพรรคอื่น, จะเลือกนายกปูมั้ย? ก็คงเลือก ถ้าคู่แข่งเป็นอภิสิทธิ

- เราเหยียบเรือสองแคม??? คำตอบคือ เราเห็นแค่แคมเดียว ถ้าเราเห็นว่าใครผิด เราก็ว่าผิดน่ะ

- เราไม่เห็นด้วยกับการประท้วงที่เกินเลย ทั้งเสื้อแดง และเสื้อเหลือง เสื้อนกหวีด ฯลฯ ช่วงนี้ได้ยินบ่อยๆว่า “ทีเสื้อแดงฯลฯ” จะบอกว่า โตได้แล้วค่ะ กรูด่าว่าอย่าทำเกินเลยไม่ได้แปลว่ากรูเห็นด้วยกับเสื้อแดง

- ไม่เห็นด้วยกับ กลุ่มบางกลุ่มที่จ้าบจ้วงสถาบัน โดยเฉพาะเสื้อแดงบางคนที่มีให้เห็นตามอินเตอร์เน็ท (ถ้าเค้าทำอย่างนั้นจริงๆนะ) แล้วทำไมไม่รู้คนถึงโยงถึงคนที่ชอบทักษินว่าไม่รักในหลวง คือจะบอกไงดีละ มันไม่เกี่ยวอ่ะ เรารักเราชอบในหลวงของเรา แต่เราชอบให้มีนายกเป็นทักษิน จบนะ

- เราเชื่อว่าคนเราโดยเฉพาะสื่อ สามารถพูดให้เลวเป็นดี หรือ ดีเป็นเลวได้ วันนี้เลยไม่ตัดสินใจเชื่ออะไรในครั้งแรกที่ได้ยินหรือที่เจอทั้งนั้น ฟังๆดูๆไปก่อน ชัดเจนแน่นอนค่อยฟัง

- ล่าสุดเราเห็นด้วยกับสปป.สมัชชาปกป้องฯลฯ นั้นแหละ ที่อาจารณ์คนหัวขาวๆพูดถูกใจเรามาก เนี่ยจะโน้มน้าวเราต้องพูดด้วยเหตุผลแบบนี้

แล้วยังมีอีก แต่จุดยืนนี่แหละ ที่ทำเราเสียคนรักเราไป อยากกลับไปเป็นเหมือนเดือนก่อนจังเลย อยากให้ความแตกแยกอันนี้มันหายไป อยากให้สติของทุกๆคนกลับมา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่