*กระทู้นี้ต้อนรับคนทุกฝ่ายไม่ว่าสีไหนฝ่ายไหน หากจะโต้แย้งแนวคิดนี้ก็ขอให้อ่านให้จบก่อนครับ*
เมื่อเปิดดูในโลกโซเชี่ยลมักจะเห็นคำพูดหนึ่งที่มีเพื่อน คนรู้จัก คนไม่รู้จัก แชร์กันเยอะแยะไปหมด
"เป็นกลางมันมีที่ไหน คนที่อยู่กึ่งกลางระหว่างความดีความชั่วน่ะมันไม่มีหรอก ใครที่บอกว่าตัวเองเป็นกลางก็ขี้โม้แล้ว"
หลังจากที่มีการแชร์สเตตัสนี้ไปก็มักจะมีผู้ที่อยู่กลุ่มเดียวกันมาด่าทอต่อเติมให้อยู่เสมอ ไทยเฉยบ้าง โง่บ้าง ตาถั่วบ้าง
จากนี้ไปเป็นข้อโต้แย้งของผมนะครับ
ถูกครับในโลกนี้คนที่อยู่กึ่งกลางระหว่างความดีกับความชั่วมันไม่มีหรอกต่อให้มีมันก็เป็นนามธรรมเกินไปจนพิสูจน์ไม่ได้
และแน่นอนว่าไม่มีคนที่เป็นคนดีสะอาดไม่มีชั่วเลย และไม่มีคนเลวจนไม่มีความดีเจือปนเช่นกัน
ตัวอย่างเช่นพวกโจรที่ถูกจับขังคุกก็ยังมีความรักลูกเมีย ทำเพื่อลูกเมีย บางคนไปปล้นชิงเขาก็เพื่อลูกเมียกัยังมี
หรือข้าราชการทั้งหลายที่อาจถูกใบสั่งจากนักการเมืองให้ทำตามสิ่งที่คนพวกนั้นต้องการ แน่ล่ะ การทำสิ่งเหล่านั้นอาจเป็นเรื่องที่ผิดแต่เขาก็ต้องยอมทำเมื่อคำนึงถึงหน้าที่การงานที่หารายได้มาจุนเจือครอบครัวของเขา ไม่ว่าลูกที่ยังต้องเรียน พ่อแม่ที่แก่เฒ่า
คุณสามารถบอกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ชั่วอย่างสมบูรณ์หรือเปล่าครับ
ในเมื่อไม่มีใครที่เป็นคนดีหรือคนชั่ว100% การเป็นกลางทางการเมืองจึงเกิดขึ้นได้เพราะในเมื่อไม่มีฝ่ายไหนดีเต็มที่ ชั่วเต็มร้อย คนที่เป็นกลางทางการเมืองจึงไม่ใช่ผู้ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างความดีและความชั่ว และด้วยความที่เขาเป็นกลางจึงไม่มองฝ่ายไหนด้วยอคติส่วนตัว และสามารถคิดวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆด้วยตนเองไม่ถูกฝ่ายไหนชักจูงให้เป็นตัวหมากได้
แน่ล่ะคนเราไม่ได้แบ่งข้างก็เพียงสองฝ่ายหรอก ยกตัวอย่างเช่น
คนที่ไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จึงไปร่วมชุมนุมเพื่อให้ยกร่างนี้ทิ้งไปเมื่อร่าง พ.ร.บ.นี้ตกไปก็กลับบ้านเลิกชุมนุม คุณว่าคนๆนี้เป็นฝ่ายตรงข้ามคุณหรือเป็นคนของอีกฝ่ายไหม
ต่อมาอีกหน่อยคือ คนที่ไปร่วมชุมนุมแต่เมื่อเห็นรัฐบาลยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนก็ถอนตัวจากการชุมนุมกลับบ้านเพราะไม่เห็นด้วยกับสภาประชาชนที่จะตั้งโดยคนเพียงกลุ่มหนึ่ง คุณว่าคนๆนี้เป็นฝ่ายคุณหรือฝ่ายรัฐบาลไหม
คนกลุ่มนี้อาจไม่ได้อยู่ฝ่ายไหนทั้งนั้นแหละครับ เขาเพียงแต่มีอุดมการณ์ของตัวเองและเมื่อใดที่เขารู้สึกว่ามันเลยจากสิ่งที่เขาคิดไว้เขาก็จะถอนตัวออกมา
เพื่อให้เห็นภาพง่ายๆขอใช้สัญลักษณ์แทนหน่อย
o = รัฐบาล
x = ม็อบคุณสุเทพ
z = ผู้ที่ไม่อยู่ในสองฝ่าย
อาจแทนสัญลักษณ์ได้ดังนี้
OozZzxX
อธิบายสัญลักษณ์ข้างบน O X Z ตัวใหญ่คือผู้ที่อยู่ฝั่งนั้นอย่างเต็มตัว
O คือคนที่ชื่นชอบรัฐบาลจนยอมทำตามทุกอย่าง
X คือคนที่ชื่นชอบประชาธิปัตย์และคุณสุเทพจนยอมทำตามทุกอย่าง
Z คือคนที่เป็นกลางระหว่างสองฝ่ายจริงๆ
o(เล็ก) คนที่ชื่นชอบรัฐบาลแต่ไม่ถึงกับยอมทำตามทุกอย่าง
x(เล็ก) คนที่ชื่นชอบประชาธิปัตย์และคุณสุเทพแต่ไม่ถึงกับยอมทำตามทุกอย่าง
z(เล็ก) คนที่ยังอยู่ตรงกลางแต่เอนเอียงไปทางฟากใดฟากหนึ่งบ้าง ยิ่งเข้าใกล้ฝั่งไหนยิ่งเอนเอียงไปฝั่งนั้น ฉะนั้นจึงไม่ได้เป็นกลางแต่ก็ไม่ได้อยู่ฝ่ายไหนเต็มตัว
จากที่เห็นอย่างน้อยก็มีคนถึง7ฝ่ายเลยครับ ในความเป็นจริงนั้นสามารถแยกย่อยไปได้มากกว่านี้ด้วย
Z(ใหญ่) อย่างที่บอกว่ามันเป็นนามธรรมจนไม่สามารถหาได้ว่าใครบ้างที่เป็น Z(ใหญ่) ต่อให้เจอก็ยากที่สองขั้วจะยอมรับว่าเป็นกลางจริงๆ
มาลองแทนค่าเหตุการณ์ที่ยกมาโดยสูตรนี้ดูนะครับ
คนที่ไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จึงไปร่วมชุมนุมเพื่อให้ยกร่างนี้ทิ้งไปเมื่อร่าง พ.ร.บ.นี้ตกไปก็กลับบ้านเลิกชุมนุม
คนๆนี้คือ zที่เอนเอียงไปทาง x
คนที่ไปร่วมชุมนุมแต่เมื่อเห็นรัฐบาลยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนก็ถอนตัวจากการชุมนุมกลับบ้านเพราะไม่เห็นด้วยกับสภาประชาชนที่จะตั้งโดยคนเพียงกลุ่มหนึ่ง
คนๆนี้คือ x(เล็ก)
จากการแทนค่าตามนี้ คนที่เป็นกลางทางการเมือง Z(ใหญ่) มีจริงๆครับแต่ยากที่คนทุกฝ่ายจะยอมรับว่าความคิดใดคือความเป็นกลางในสถานการณ์ที่วุ่นวายเช่นนี้
แต่อย่างไรก็ดีคนที่ไม่อยู่ในฝ่ายไหนเลยก็มีจริงเช่นกัน ส่วนใหญ่คนที่อยู่ในกลุ่ม Z มักจะโดนสองฝ่ายปัดให้เป็นฝ่ายตรงข้ามกับตัวเองหมดทั้งที่มันไม่ได้มีกันเพียงสองฝ่าย
จากแนวคิดนี้ผมเชื่อครับว่ามีคนที่เป็นกลางคิดตามหลักเหตุผลไม่มีอคติกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจริงๆ และ Z(ใหญ่) นี้ก็ควรเป็นผู้พิพากษาทุกท่านที่ตัดสินถูกผิดให้แก่บ้านเมือง
ส่วนตัวผมยอมรับว่าตัวเองเป็น z(เล็ก) ที่เอนเอียงไปทาง O ครับ
ผมไม่ใ่ช่เสื้อแดง ผมไม่เคยไปชุมนุมกับเสื้อแดง และผมไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่ก็ไม่ได้ไปชุมนุมคัดค้านกับคุณสุเทพเพราะไม่ไว้วางใจว่าคุณสุเทพจะใช้ม็อบเพียงเพื่อคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมครับ
ผมว่าการเป็นกลางทางการเมืองมีจริงและไม่ใช่การเป็นกลางระหว่างความดีกับความชั่วแต่ในสถานการณ์ที่บ้านเมืองวุ่นวายเช่นนี้จึงยากที่จะหาได้ว่าแนวคิดใดเป็นของ Z(ใหญ่) ที่เป็นกลาง คนจึงมักบอกว่าไม่มีความเป็นกลางจริงเพราะเห็นและยอมรับกันแต่คนที่เป็น z(เล็ก)ซึ่งไม่ได้เป็นกลางโดยแท้จริงหรือพูดให้ถูกคือเป็นเพียงคนที่ไม่อยู่ทั้งสองขั้วการเมืองเท่านั้น
นอกจากตัวอย่างที่ยกมาในความเป็นจริงมันมีความซับซ้อนกว่านี้เยอะครับ ทั้ง X ที่แกล้งทำตัวเป็น O และไปอยู่รวมกับ O หรือตรงกันข้าม O ที่แกล้งทำเป็น X และไปสร้างความปั่นป่วนให้แก่ X หรือคนที่ไม่ใช่ทั้ง O X Z ที่เรียกว่ามือที่สาม อธิบายไปคงจะยิ่งงง ท่านใดมีข้อโต้แย้งก็สามารถมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ครับ ยินดีรับฟังความคิดเห็นของทุกคน
เป็นกลางทางการเมืองไม่มีจริงเหรอ ฝ่ายไหนก็มาพูดคุยกันได้ครับ
เมื่อเปิดดูในโลกโซเชี่ยลมักจะเห็นคำพูดหนึ่งที่มีเพื่อน คนรู้จัก คนไม่รู้จัก แชร์กันเยอะแยะไปหมด
"เป็นกลางมันมีที่ไหน คนที่อยู่กึ่งกลางระหว่างความดีความชั่วน่ะมันไม่มีหรอก ใครที่บอกว่าตัวเองเป็นกลางก็ขี้โม้แล้ว"
หลังจากที่มีการแชร์สเตตัสนี้ไปก็มักจะมีผู้ที่อยู่กลุ่มเดียวกันมาด่าทอต่อเติมให้อยู่เสมอ ไทยเฉยบ้าง โง่บ้าง ตาถั่วบ้าง
จากนี้ไปเป็นข้อโต้แย้งของผมนะครับ
ถูกครับในโลกนี้คนที่อยู่กึ่งกลางระหว่างความดีกับความชั่วมันไม่มีหรอกต่อให้มีมันก็เป็นนามธรรมเกินไปจนพิสูจน์ไม่ได้
และแน่นอนว่าไม่มีคนที่เป็นคนดีสะอาดไม่มีชั่วเลย และไม่มีคนเลวจนไม่มีความดีเจือปนเช่นกัน
ตัวอย่างเช่นพวกโจรที่ถูกจับขังคุกก็ยังมีความรักลูกเมีย ทำเพื่อลูกเมีย บางคนไปปล้นชิงเขาก็เพื่อลูกเมียกัยังมี
หรือข้าราชการทั้งหลายที่อาจถูกใบสั่งจากนักการเมืองให้ทำตามสิ่งที่คนพวกนั้นต้องการ แน่ล่ะ การทำสิ่งเหล่านั้นอาจเป็นเรื่องที่ผิดแต่เขาก็ต้องยอมทำเมื่อคำนึงถึงหน้าที่การงานที่หารายได้มาจุนเจือครอบครัวของเขา ไม่ว่าลูกที่ยังต้องเรียน พ่อแม่ที่แก่เฒ่า
คุณสามารถบอกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ชั่วอย่างสมบูรณ์หรือเปล่าครับ
ในเมื่อไม่มีใครที่เป็นคนดีหรือคนชั่ว100% การเป็นกลางทางการเมืองจึงเกิดขึ้นได้เพราะในเมื่อไม่มีฝ่ายไหนดีเต็มที่ ชั่วเต็มร้อย คนที่เป็นกลางทางการเมืองจึงไม่ใช่ผู้ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างความดีและความชั่ว และด้วยความที่เขาเป็นกลางจึงไม่มองฝ่ายไหนด้วยอคติส่วนตัว และสามารถคิดวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆด้วยตนเองไม่ถูกฝ่ายไหนชักจูงให้เป็นตัวหมากได้
แน่ล่ะคนเราไม่ได้แบ่งข้างก็เพียงสองฝ่ายหรอก ยกตัวอย่างเช่น
คนที่ไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จึงไปร่วมชุมนุมเพื่อให้ยกร่างนี้ทิ้งไปเมื่อร่าง พ.ร.บ.นี้ตกไปก็กลับบ้านเลิกชุมนุม คุณว่าคนๆนี้เป็นฝ่ายตรงข้ามคุณหรือเป็นคนของอีกฝ่ายไหม
ต่อมาอีกหน่อยคือ คนที่ไปร่วมชุมนุมแต่เมื่อเห็นรัฐบาลยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนก็ถอนตัวจากการชุมนุมกลับบ้านเพราะไม่เห็นด้วยกับสภาประชาชนที่จะตั้งโดยคนเพียงกลุ่มหนึ่ง คุณว่าคนๆนี้เป็นฝ่ายคุณหรือฝ่ายรัฐบาลไหม
คนกลุ่มนี้อาจไม่ได้อยู่ฝ่ายไหนทั้งนั้นแหละครับ เขาเพียงแต่มีอุดมการณ์ของตัวเองและเมื่อใดที่เขารู้สึกว่ามันเลยจากสิ่งที่เขาคิดไว้เขาก็จะถอนตัวออกมา
เพื่อให้เห็นภาพง่ายๆขอใช้สัญลักษณ์แทนหน่อย
o = รัฐบาล
x = ม็อบคุณสุเทพ
z = ผู้ที่ไม่อยู่ในสองฝ่าย
อาจแทนสัญลักษณ์ได้ดังนี้
OozZzxX
อธิบายสัญลักษณ์ข้างบน O X Z ตัวใหญ่คือผู้ที่อยู่ฝั่งนั้นอย่างเต็มตัว
O คือคนที่ชื่นชอบรัฐบาลจนยอมทำตามทุกอย่าง
X คือคนที่ชื่นชอบประชาธิปัตย์และคุณสุเทพจนยอมทำตามทุกอย่าง
Z คือคนที่เป็นกลางระหว่างสองฝ่ายจริงๆ
o(เล็ก) คนที่ชื่นชอบรัฐบาลแต่ไม่ถึงกับยอมทำตามทุกอย่าง
x(เล็ก) คนที่ชื่นชอบประชาธิปัตย์และคุณสุเทพแต่ไม่ถึงกับยอมทำตามทุกอย่าง
z(เล็ก) คนที่ยังอยู่ตรงกลางแต่เอนเอียงไปทางฟากใดฟากหนึ่งบ้าง ยิ่งเข้าใกล้ฝั่งไหนยิ่งเอนเอียงไปฝั่งนั้น ฉะนั้นจึงไม่ได้เป็นกลางแต่ก็ไม่ได้อยู่ฝ่ายไหนเต็มตัว
จากที่เห็นอย่างน้อยก็มีคนถึง7ฝ่ายเลยครับ ในความเป็นจริงนั้นสามารถแยกย่อยไปได้มากกว่านี้ด้วย
Z(ใหญ่) อย่างที่บอกว่ามันเป็นนามธรรมจนไม่สามารถหาได้ว่าใครบ้างที่เป็น Z(ใหญ่) ต่อให้เจอก็ยากที่สองขั้วจะยอมรับว่าเป็นกลางจริงๆ
มาลองแทนค่าเหตุการณ์ที่ยกมาโดยสูตรนี้ดูนะครับ
คนที่ไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จึงไปร่วมชุมนุมเพื่อให้ยกร่างนี้ทิ้งไปเมื่อร่าง พ.ร.บ.นี้ตกไปก็กลับบ้านเลิกชุมนุม
คนๆนี้คือ zที่เอนเอียงไปทาง x
คนที่ไปร่วมชุมนุมแต่เมื่อเห็นรัฐบาลยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนก็ถอนตัวจากการชุมนุมกลับบ้านเพราะไม่เห็นด้วยกับสภาประชาชนที่จะตั้งโดยคนเพียงกลุ่มหนึ่ง
คนๆนี้คือ x(เล็ก)
จากการแทนค่าตามนี้ คนที่เป็นกลางทางการเมือง Z(ใหญ่) มีจริงๆครับแต่ยากที่คนทุกฝ่ายจะยอมรับว่าความคิดใดคือความเป็นกลางในสถานการณ์ที่วุ่นวายเช่นนี้
แต่อย่างไรก็ดีคนที่ไม่อยู่ในฝ่ายไหนเลยก็มีจริงเช่นกัน ส่วนใหญ่คนที่อยู่ในกลุ่ม Z มักจะโดนสองฝ่ายปัดให้เป็นฝ่ายตรงข้ามกับตัวเองหมดทั้งที่มันไม่ได้มีกันเพียงสองฝ่าย
จากแนวคิดนี้ผมเชื่อครับว่ามีคนที่เป็นกลางคิดตามหลักเหตุผลไม่มีอคติกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจริงๆ และ Z(ใหญ่) นี้ก็ควรเป็นผู้พิพากษาทุกท่านที่ตัดสินถูกผิดให้แก่บ้านเมือง
ส่วนตัวผมยอมรับว่าตัวเองเป็น z(เล็ก) ที่เอนเอียงไปทาง O ครับ
ผมไม่ใ่ช่เสื้อแดง ผมไม่เคยไปชุมนุมกับเสื้อแดง และผมไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่ก็ไม่ได้ไปชุมนุมคัดค้านกับคุณสุเทพเพราะไม่ไว้วางใจว่าคุณสุเทพจะใช้ม็อบเพียงเพื่อคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมครับ
ผมว่าการเป็นกลางทางการเมืองมีจริงและไม่ใช่การเป็นกลางระหว่างความดีกับความชั่วแต่ในสถานการณ์ที่บ้านเมืองวุ่นวายเช่นนี้จึงยากที่จะหาได้ว่าแนวคิดใดเป็นของ Z(ใหญ่) ที่เป็นกลาง คนจึงมักบอกว่าไม่มีความเป็นกลางจริงเพราะเห็นและยอมรับกันแต่คนที่เป็น z(เล็ก)ซึ่งไม่ได้เป็นกลางโดยแท้จริงหรือพูดให้ถูกคือเป็นเพียงคนที่ไม่อยู่ทั้งสองขั้วการเมืองเท่านั้น
นอกจากตัวอย่างที่ยกมาในความเป็นจริงมันมีความซับซ้อนกว่านี้เยอะครับ ทั้ง X ที่แกล้งทำตัวเป็น O และไปอยู่รวมกับ O หรือตรงกันข้าม O ที่แกล้งทำเป็น X และไปสร้างความปั่นป่วนให้แก่ X หรือคนที่ไม่ใช่ทั้ง O X Z ที่เรียกว่ามือที่สาม อธิบายไปคงจะยิ่งงง ท่านใดมีข้อโต้แย้งก็สามารถมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ครับ ยินดีรับฟังความคิดเห็นของทุกคน