[CR] Hysteria : จิกกัด เสียดสี ปากจัด แต่ น่ารัก (9/10)

Hysteria


ผู้กำกับฯ : ทันยา เวกซ์เลอร์

นักแสดง : ฮิวจ์ แดนซี, แม็กกี้ กิลเลนฮาล, โจนาธาน ไพรซ์, เฟลิซิตี้ โจนส์, รูเพิร์ต เอฟเวอร์เรตต์, แอชลีย์ เจนเซน, เชอริแดน สมิธ

ไม่ใช่แค่เซ็กซ์ทอย


“คนนั้นไง ที่ฉันบอกเธอว่าชอบแต่งตัวยั่วผู้ชาย การพูดการจาท่าทางก็อ่อยผู้ชาย และที่สำคัญนะ
หล่อนได้ผู้ชายไม่เลือกหน้า แถมยังมีเพศสัมพันธ์ไม่ต่ำกว่าวันละ 3 ครั้งด้วย ฉันว่าหล่อนเป็นฮิสทีเรียแน่เลย”

ประโยคสนทนาข้างต้นมีจุดผิดจุดหนึ่ง คืออะไร มีใครทราบบ้างครับ ติ๊กตอกๆๆ

เฉลย อาการที่มีความต้องการทางเพศสูงผิดปกติคือ ‘นิมโฟมาเนีย’ (Nymphomania)

ความจริงแล้วฮิสทีเรีย (Hysteria) มีอยู่ 2 แบบ คือหนึ่ง เป็นโรคประสาท สอง คือ บุคลิกภาพแบบฮิสทีเรีย
ซึ่งอาจพบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย คนที่มีบุคลิกภาพแบบฮิสทีเรียจะมีลีลา
ท่าทางการแสดงออกมากจนเหมือนเล่นละคร อาจมีทีท่าชายหูชายตา
อุดมด้วยจริตและการยั่วยวนเพื่อดึงดูดความสนใจจากเพศตรงข้าม

ดังนั้น คนจึงมักเข้าใจผิดว่าคนที่เป็นฮิสทีเรียนั้นมีความต้องการทางเพศสูง ต้องการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่เลือก

แต่...ความเข้าใจผิดนี้ยังไม่ร้ายแรงเท่ากับความเข้าใจเกี่ยวกับโรคฮิสทีเรียในสมัยก่อน

สมัยกรีกโบราณ ฮิสทีเรียมาจากคำภาษากรีกว่า ฮิสทีรอน แปลว่ามดลูก
ในสมัยโบราณนั้นเชื่อกันว่าฮิสทีเรียเกิดกับผู้หญิงเท่านั้น ไม่เกิดในผู้ชายเด็ดขาด เนื่องจากผู้ชายไม่มีมดลูก

การแพทย์ในสมัยกรีกโบราณเชื่อว่าฮิสทีเรียเกิดจากการที่มดลูกมีอาการฝ่อเนื่องจากขาดการมีเพศสัมพันธ์
มดลูกจึงเคลื่อนตัวไปยังอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย  เชื่อว่าเมื่อมดลูกเคลื่อนไปที่คอหอย
ก็จะทำให้สตรีมีความรู้สึกรักใคร่ หรือเมื่อเคลื่อนไปที่ม้ามก็ทำให้เกิดอารมณ์โกรธขึ้งหุนหัน เป็นต้น

ฮิปโปเครติส ผู้เป็นแพทย์มีชื่อเสียงในสมัยนั้นเชื่อว่าการแต่งงานจะเป็นการบำบัดรักษาอาการฮิสทีเรียได้ดีที่สุด

ส่วนวงการแพทย์อังกฤษในสมัยศตวรรษที่ 19 นั้นมีการวินิจฉัยโรคฮิสทีเรียแย่พอๆ กับสมัยกรีกโบราณ
เพราะ 1 ส่วน 4 ของประชากรหญิงในลอนดอนถูกวินิจฉัยว่ามีอาการของ 'ฮิสทีเรีย'
ซึ่งวินิจฉัยจากองค์ประกอบเพียงความผิดปกติที่หลากหลายของผู้หญิง รวมถึงปริศนาลึกลับที่เกิดขึ้นกับผู้หญิง
เช่น ความไร้สุข ความกระสับกระส่าย การไม่เชื่อฟัง การประพฤติตัวไม่เหมาะสม การให้ความสนใจเรื่องเพศน้อยหรือมากเกินไป

วิชาการไปพอสมควร ก่อนจะเครียดกันมากกว่านี้ เข้าสู่เรื่องราวของหนัง Hysteria เลยดีกว่าครับ

Hysteria หนังโรแมนติก/คอมเมดี้เบาสมอง สร้างจากเรื่องจริงที่น่าประหลาดใจของการที่ดร.มอร์ติเมอร์ แกรนวิลล์
ได้คิดค้นไวเบรเตอร์ไฟฟ้าเครื่องแรกของโลกขึ้นมาได้

ในปี 1880 เป็นจุดสูงสุดของยุควิกตอเรียนที่เคร่งระเบียบแบบแผน และรุ่งอรุณแห่งยุคไฟฟ้า มอร์ติเมอร์ แกรนวิลล์ (แดนซี)
หมอหนุ่มผู้ชาญฉลาดเพิ่งตกงานจากการยืนกรานที่จะเชื่อในไอเดียใหม่ที่เรียกว่า 'ทฤษฎีเชื้อโรค' และจำต้องหางานใหม่
นั่นทำให้เขาพบกับดร.โรเบิร์ต ดัลริมเพิล (โจนาธาน ไพรซ์) ‘ผู้เชี่ยวชาญการรักษาโรคสตรีระดับแนวหน้า’ ของลอนดอน
ดร.ดัลริมเพิล ผู้เชี่ยวชาญอาการ 'ฮิสทีเรีย' ถูกรุมล้อมไปด้วยผู้หญิงที่ทุกทรมานจากอาการทุกข์ทรมานหลากหลาย
ซึ่งมีทั้งการร้องไห้ การมีความต้องการทางเพศสูง ไร้อารมณ์ทางเพศ เศร้าซึม และวิตกกังวล

โชคดีที่วิธีการรักษาแบบ ‘การนวดเฉพาะส่วน’ ของดัลริมเพิลได้ผลอย่างน่าตื่นตะลึง ไม่นานนัก
หมอหนุ่มรูปหล่อผู้นี้ก็มีผู้หญิงเข้าคิวรอรับบริการยาวเป็นหางว่าว และเขาก็ได้หมั้นหมายกับลูกสาวคนเล็กของเจ้านาย
เอมิลี ดัลริมเพิล (โจนส์) สาวสวยที่เพอร์เฟกต์ แต่ความสำเร็จทั้งหมดนี้ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน
มอร์ติเมอร์พบว่าตัวเองต้องเจอกับอาการปวดเมื่อยมือขั้นรุนแรงและการต่อต้านอย่างรุนแรงจากลูกสาวคนโตของดัลริมเพิล
ชาร์ลอตต์ (กิลเลนฮาล) ผู้ปกป้องสิทธิของเหล่าผู้หญิงยากไร้ ผู้กล่าวหาทั้งเขาและพ่อของเธอว่าเป็น ‘หมอเถื่อน’

มอร์ติเมอร์ ที่สูญเสียทักษะการรักษาของตัวเอง ไม่อาจสร้างความพึงพอใจให้กับคนไข้ของเขาได้อีกต่อไปแล้ว  
มันทำให้เขาสูญเสียทั้งงาน และคู่หมั้นของเขา เมื่อไม่มีหนทางไป เขาก็เลยกลับไปหาเพื่อนรักหัวก้าวหน้าของเขา
เอ็ดมันด์ เซนต์ จอห์น-สมิธ (รูเพิร์ต เอฟเวอร์เรตต์) เอ็ดมันด์ ผู้หมกมุ่นกับไฟฟ้า ซึ่งเป็นศาสตร์ 'ใหม่'
ได้เปิดเผยแผนการสำหรับที่ปัดฝุ่นไฟฟ้าใหม่ ซึ่งทำให้หมอหนุ่มเกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมา...
และผลลัพธ์ที่ได้ก็ช่วยกระตุ้นความรู้ทางการแพทย์ของเขา เร้าใจคนไข้ของเขา และส่งผลกระทบต่อหัวใจของเขา
เมื่อชาร์ลอตต์เริ่มสอนเขาให้เข้าใจความเป็นผู้หญิง และสิ่งที่พวกเธอต้องการ มากกว่าที่เขาจะคาดคิดไว้เสียอีก

สังคมสมัยก่อนน่าแปลกใจพอสมควรเลยนะครับ ทั้งที่การแพทย์หรือเทคโนโลยีต่างๆ พัฒนาขึ้น
แต่เรื่องสังคมยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร (น่าแปลกกว่าตรงที่สมัยนี้ก็เป็นเช่นนั้น) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกดขี่ทางเพศ
สิทธิสตรีสมัยก่อนนั้นแทบจะไม่มี เรียกได้ว่าคำว่า ‘สิทธิสตรี’ ยังไม่ถือกำเนิดด้วยซ้ำ

การที่ชาร์ลอตต์ไม่สามารถเข้ากับพ่อ (ดร.ดัลริมเพิล) ได้ เป็นเพราะการแสดงออกของเธอไม่ว่าจะเป็นการพูดจาโผงผาง
ไม่มีความเรียบร้อยดั่งกุลสตรีทั่วไป (ตามสมัยก่อน) และความไม่เข้าใจกันยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อชาร์ลอตต์ประกอบอาชีพ
ที่สถานสงเคราะห์เด็กยากจน ซึ่งขัดกันอย่างสิ้นเชิงกับสังคมและหน้าตาของแพทย์ฝีมือดีของลอนดอน

ผมคิดว่าการที่ ดร.ดัลริมเพิลต้องการให้ชาร์ลอตต์เป็นลูกสาวที่เพียบพร้อมอย่างที่คาดหวังนั้น
เพราะว่ากิริยาต่างๆ ที่เธอทำสามารถระบุได้ว่าเธอเป็น ‘ฮิสทีเรีย’ และคงไม่มีพ่อคนไหนที่ต้องการรักษาลูกสาวแท้ๆ
ของตนเองโดยการกระตุ้นจุดกระสันแบบที่ทำในหนังแน่นอน

และเมื่อชาร์ลอตต์มีอารมณ์เกรี้ยวกราดมากขึ้น (จากการไม่ลงรอยกับพ่อเสียที) ก็ทำให้พ่อต้องใช้คำเด็ดขาดคือตัดพ่อตัดลูก

ซึ่งหญิงที่มีอารมณ์โมโหรุนแรงนั้นจะถูกระบุว่าเป็น ‘ฮิสทีเรีย’ ขั้นรุนแรง มีวิธีเดียวในการรักษาคือผ่าตัดมดลูก
และแน่นอนไม่มีพ่อคนไหนอยากให้ลูกสาวเจ็บตัวจากการผ่าตัด

การกระทำ ท่าทาง และคำพูดคำจาแบบขวานผ่าซากของชาร์ลอตต์ ทำให้มอร์ติเมอร์ บอกกับเธอว่า
“คุณนี่ไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไปเลยนะ” ส่วนเธอก็ตอบกลับแบบทันควัน “ไม่นะ ฉันก็เป็นผู้หญิงธรรมดา”

การสนทนากันของคน 2 คน ทำให้เห็นว่ามอร์ติเมอร์นั้นมีความคิดที่ขัดแย้งอยู่ภายในตัวเอง

มอร์ติเมอร์เป็นนายแพทย์หนุ่มที่เชื่อในการหาความรู้ทางการแพทย์ใหม่ๆ ตลอดเวลา
แต่ในเวลาเดียวกันเขากลับมีมุมมองเกี่ยวกับผู้หญิงแบบเดิมๆ คือผู้หญิงควรมีท่าทางแบบกุลสตรี
เรียบร้อย อ่อนหวาน ทำงานบ้านเป็น มีความรู้พอสมควร และเล่นดนตรีชั้นสูงแบบเปียโนได้
นั่นแหละคือผู้หญิงที่ ‘สมบูรณ์แบบ’ ในสายตาเขา

จากข้อความทั้งหมดนั้นหลายคนอาจนึกว่านี่เป็นหนังดราม่า เน้นสิทธิสตรี ต้องเครียดและกดดันแน่นอน

ซึ่งตรงกันข้ามครับ Hysteria เป็นหนังตลก (ไม่) เบาสมอง มีลูกเล่นเทคนิคในการเขียนบทที่ดึงดูด
จังหวะในการปล่อยมุกตลกนั้นมีชั้นเชิงแพรวพราว
ที่ต้องชมคือนักแสดงที่แสดงเป็นหญิงที่เป็นฮิสทีเรียนั้นแสดงได้อย่างลื่นไหลมาก

นอกจากนี้หนังยังจิกกัดความคิดเกี่ยวกับผู้หญิงในสังคมอังกฤษสมัยก่อนได้อย่างแสบสันและตลก

ถ้าจะดูแบบเอาเรื่อง Hysteria ไม่ใช่แค่เรื่องของเซ็กซ์ทอยแน่นอนครับ

.................................................................................................................................

ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ

ขอให้สนุกกับการดูหนังครับ

ปล. เรื่องนี้ฉายเมือประมาณปีที่แล้ว น่าจะมีให้ดูตามเว็บ
หรือ มีดีวีดีจำหน่ายแล้ว ถ้าใครสนใจลองไปหาชมกันนะครับ
ชื่อสินค้า:   Hysteria
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่